Trello คืออะไร? จัดการงานให้เป็นระบบง่ายๆ ด้วย Kanban Board

Trello คืออะไร? จัดการงานให้เป็นระบบง่ายๆ ด้วย Kanban Board
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 17 November, 2025
Share
  • Trello คือเครื่องมือจัดการงานออนไลน์แบบ Kanban Board ช่วยให้ผู้ใช้จัดระเบียบงาน วางแผนโปรเจกต์ และติดตามความคืบหน้าแบบเรียลไทม์ เหมาะกับบุคคล ทีมเล็ก และองค์กรใหญ่
  • ฟีเจอร์เด่นของ Trello เช่น Board, List, Card, Checklist, Due Date & Calendar, Collaboration Tools, Power-Ups เชื่อมต่อแอปอื่นๆ และ Automation (Butler) ที่ช่วยลดงานซ้ำ ทำงานร่วมกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปรับใช้งาน Trello ได้กับหลายสายงาน เช่น ทีมบริหารโปรเจกต์ติดตามงานและ Deadline ทีมคอนเทนต์และการตลาดวาง Content Calendar ทีมพัฒนาใช้ Sprint ทีมออกแบบติดตามโปรเจกต์ดีไซน์ ฝ่าย HR และ Operations จัดกระบวนการทำงาน รวมถึงฟรีแลนซ์หรืองานส่วนตัว
  • ทริกใช้ Trello แบบมืออาชีพคือควรใช้ Label และ Checklist ชัดเจน ตั้ง Automation เพื่อลดงานซ้ำ เพิ่ม Attachments & Links ใช้ Comments & Mentions สื่อสารในทีม ใช้ Template สำหรับโปรเจกต์ซ้ำ ใช้ Views & Filters เพื่อติดตามงาน และรวมข้อมูลทั้งหมดในการ์ดเดียวเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีจัดการงานให้เป็นระบบ และทำงานร่วมกับทีมได้อย่างราบรื่น ต้องรู้จัก Trello เครื่องมือจัดการงานยอดนิยมของคนทำงานยุคดิจิทัล ที่ช่วยวางแผนงาน ติดตามความคืบหน้า จัดลำดับความสำคัญของงาน และสื่อสารกับทีมได้ง่ายๆ ทั้งหมดในที่เดียว ไม่ว่าจะทำงานเดี่ยวหรือทำงานเป็นทีม Trello ช่วยให้ทุกขั้นตอนเป็นระบบ ชัดเจน และลดความสับสนในการทำงาน มาดูกันว่าทำไม Trello ถึงกลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมของคนทำงานยุคดิจิทัล และช่วยจัดการงานให้ง่ายขึ้นได้อย่างไร!

Trello คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม

Trello คืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยม

Trello คือเครื่องมือออนไลน์สำหรับการจัดการงานและโปรเจกต์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคดิจิทัล เพราะใช้งานง่ายและตอบโจทย์ทั้งคนทำงานเดี่ยวและทีมขนาดใหญ่ จุดเด่นของ Trello คือการใช้ระบบ Kanban Board ที่แสดงงานในรูปแบบบัตร (Card) และบอร์ด (Board) ผู้ใช้สามารถสร้างงาน ย้ายสถานะ ติดป้ายกำกับ ใส่กำหนดเวลา หรือแนบไฟล์ได้อย่างสะดวก ทำให้การจัดการงานมีความเป็นระบบและมองเห็นภาพรวมชัดเจน

สิ่งที่ทำให้ Trello ได้รับความนิยม คือความยืดหยุ่น ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงานได้ตามสไตล์ของทีม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานแบบ Agile, Scrum หรือ To-do list ทั่วไป อีกทั้งยังรองรับการทำงานร่วมกันกับทีมได้อย่างราบรื่น สมาชิกทุกคนสามารถติดตามความคืบหน้าของงานได้แบบเรียลไทม์ ลดการสื่อสารที่ซ้ำซ้อน และทำให้การทำงานร่วมกันโปร่งใสมากขึ้น

นอกจากนี้ Trello ยังสามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ผู้ใช้ติดตามและอัปเดตงานได้ทุกที่ทุกเวลา จึงเหมาะสำหรับทั้งบุคคลทั่วไป ฟรีแลนซ์ ทีมขนาดเล็ก ไปจนถึงองค์กรใหญ่ โดยไม่มีข้อจำกัดว่าต้องกี่คน เพราะสามารถปรับการใช้งานให้เข้ากับทีมได้ทุกขนาด

ฟีเจอร์เด่นของ Trello มีอะไรบ้าง?

ฟีเจอร์เด่นของ Trello มีอะไรบ้าง?

หากพูดถึงเหตุผลที่ทำให้ Trello ได้รับความนิยมทั่วโลก คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายและยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้การจัดการงานเป็นระบบและทำงานร่วมกับทีมได้ราบรื่น ไปดูกันว่าฟีเจอร์เด่นของ Trello ทำอะไรได้บ้าง!

Board (บอร์ด)

บอร์ดคือหัวใจหลักของ Trello ใช้เป็นพื้นที่รวมงานหรือโปรเจกต์หนึ่งๆ ผู้ใช้สามารถสร้างบอร์ดได้ตามความต้องการ เช่น บอร์ดสำหรับแผนการตลาดประจำเดือน หรือโปรเจกต์พัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ แต่ละบอร์ดเปรียบเหมือนกระดานทำงานที่ทุกคนในทีมเข้ามาดูงาน ติดตามความคืบหน้า และอัปเดตสถานะได้แบบเรียลไทม์ การมีบอร์ดแยกตามหัวข้อช่วยให้ทีมไม่สับสนและจัดระเบียบงานได้เป็นระบบมากขึ้น

List (ลิสต์)

บอร์ดจะถูกแบ่งออกเป็น “List” หรือคอลัมน์ ที่ใช้บอกสถานะของงาน เช่น “To Do” (สิ่งที่ต้องทำ) “In Progress” (กำลังทำ) “Done” (เสร็จแล้ว) ลิสต์สามารถปรับเปลี่ยนชื่อได้อิสระตามกระบวนการทำงานของแต่ละทีม เช่น ทีมการตลาดอาจใช้ “ไอเดีย – ร่างคอนเทนต์ – ตรวจทาน – เผยแพร่” การมีลิสต์ช่วยให้เห็นภาพรวมของงานได้ชัดเจนว่างานอยู่ในขั้นตอนไหน และยังช่วยให้การจัดลำดับความสำคัญของงานง่ายขึ้น

Card (การ์ด)

การ์ดคือหน่วยเล็กที่สุดที่แทนงานหนึ่งชิ้น ภายในการ์ดสามารถใส่รายละเอียดได้ครบถ้วน เช่น คำอธิบายของงาน แนบไฟล์ ลิงก์ คอมเมนต์ ป้ายกำกับ (Label) และมอบหมายผู้รับผิดชอบ เมื่อการ์ดถูกย้ายจากลิสต์หนึ่งไปอีกลิสต์หนึ่ง ก็หมายถึงความคืบหน้าของงาน เช่น ย้ายจาก “To Do” ไป “In Progress” ทำให้ทุกคนเข้าใจสถานะงานได้ทันทีโดยไม่ต้องถาม

Checklist

บางครั้งงานในหนึ่งการ์ดอาจมีหลายขั้นตอนย่อย เช่น “เขียนบทความ” ต้องมีการหาข้อมูล เขียนร่าง ตรวจทาน และเผยแพร่ ผู้ใช้สามารถสร้าง Checklist ภายในการ์ดเพื่อแยกเป็นข้อๆ ได้ และติกเครื่องหมายถูกเมื่อทำเสร็จ ทำให้เห็นความคืบหน้าชัดเจน เช่น 3/5 ขั้นตอนสำเร็จแล้ว ช่วยลดความสับสนและควบคุมคุณภาพงานได้ดี

Due Date & Calendar

Trello ให้ตั้งกำหนดส่งงาน (Due Date) ในแต่ละการ์ดได้ เพื่อช่วยควบคุมเวลาและไม่ให้งานตกหล่น เมื่อใกล้ถึงกำหนด ระบบจะแจ้งเตือนอัตโนมัติ อีกทั้งยังมี Calendar View ที่รวบรวมงานทุกการ์ดมาแสดงในรูปแบบปฏิทิน ทำให้ผู้ใช้วางแผนและจัดตารางเวลาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะทีมที่ต้องทำงานตาม Deadline ชัดเจน

Collaboration Tools

Trello ออกแบบมาเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง ผู้ใช้สามารถเชิญสมาชิกเข้ามาที่บอร์ดหรือการ์ด มอบหมายงานให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือหลายคนก็ได้ ภายในการ์ดยังสามารถแสดงความคิดเห็น ติดไฟล์แนบ แชร์ลิงก์ และแท็กชื่อเพื่อนร่วมทีมเพื่อแจ้งเตือนโดยตรง สิ่งนี้ทำให้การสื่อสารอยู่ในที่เดียว ลดปัญหาข้อมูลกระจัดกระจาย และช่วยให้ทีมทำงานโปร่งใสมากขึ้น

Power-Ups (Integration)

ฟีเจอร์ Power-Ups คือการเชื่อมต่อ Trello เข้ากับเครื่องมืออื่นๆ ที่ทีมใช้อยู่ เช่น

  • Google Drive/Dropbox เพื่อแนบและเข้าถึงไฟล์ได้ทันที
  • Slack สำหรับการแจ้งเตือนงานเข้าไปในห้องแชตทีม
  • Jira หรือ GitHub สำหรับทีมพัฒนาโปรแกรม

การเชื่อมต่อเหล่านี้ช่วยลดการสลับแพลตฟอร์ม ทำให้งานลื่นไหลและใช้ทุกเครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่เดียว

Automation (Butler)

หนึ่งในฟีเจอร์ที่หลายทีมชื่นชอบคือ Butler ระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดงานซ้ำๆ ตัวอย่างเช่น

  • ตั้งกฎว่าเมื่อการ์ดถูกย้ายไปที่ “Done” ให้ปิด Due Date อัตโนมัติ
  • เมื่อสร้างการ์ดใหม่ ให้เพิ่ม Checklist ตามเทมเพลตที่ตั้งไว้ทันที
  • แจ้งเตือนทีมทุกเช้าว่างานที่ยังไม่เสร็จมีอะไรบ้าง

ฟีเจอร์นี้ช่วยประหยัดเวลา ลดความผิดพลาด และทำให้การทำงานเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น

Trello เหมาะกับสายงานไหนบ้าง?

Trello เหมาะกับสายงานไหนบ้าง?

หลายคนอาจคิดว่าเหมาะกับคนทำงานด้านโปรเจกต์หรือทีมเทคโนโลยีเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว Trello มีความยืดหยุ่นสูง นำไปปรับใช้ได้กับหลากหลายสายงาน รวมถึงงานส่วนตัวด้วย เพราะฟีเจอร์ของ Trello ช่วยให้จัดระเบียบงาน วางแผน และติดตามความคืบหน้าได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่า Trello จะตอบโจทย์แต่ละสายงานอย่างไรบ้าง

สายงานบริหารโปรเจกต์ และทีมงาน

Trello เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้จัดการโปรเจกต์หรือหัวหน้าทีม เพราะสามารถใช้บอร์ดในการกำหนดงาน แบ่งเป็นขั้นตอน และมอบหมายงานให้ทีมได้ชัดเจน ทำให้ทุกคนเห็นความคืบหน้าของโปรเจกต์แบบเรียลไทม์ ลดการประชุมที่ไม่จำเป็น และช่วยควบคุม Deadline ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สายงานคอนเทนต์ และการตลาด

นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์สามารถใช้ Trello จัดการไอเดีย วางแผนคอนเทนต์ปฏิทิน (Content Calendar) และติดตามกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคิดหัวข้อ เขียน ตรวจทาน ไปจนถึงการเผยแพร่ การ์ดแต่ละใบสามารถแนบไฟล์ภาพหรือเอกสาร และแท็กทีมงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทุกขั้นตอนทำงานต่อเนื่องและไม่ตกหล่น

สายงานพัฒนาซอฟต์แวร์ และ IT

ทีม Developer หรือ IT นิยมใช้ Trello ควบคู่กับ Agile และ Scrum โดยสร้างบอร์ดสำหรับ Sprint หรือ Backlog ใช้ลิสต์เพื่อแบ่งงาน เช่น “To Do – Doing – Code Review – Done” การ์ดแต่ละใบสามารถใส่รายละเอียดบั๊ก ฟีเจอร์ใหม่ หรือเชื่อมต่อกับ GitHub/Jira ผ่าน Power-Ups ทำให้ทีมพัฒนาติดตามงานได้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น

สายงานออกแบบ และ Creative

นักออกแบบ กราฟิก หรือทีม Creative สามารถใช้ Trello จัดการไอเดียโปรเจกต์ แบ่งงานเป็นสเตจ เช่น “Brainstorm – Draft – Feedback – Final” และแนบตัวอย่างไฟล์งานดีไซน์ลงในการ์ดเพื่อให้ทีมตรวจสอบหรือแสดงความคิดเห็น ฟีเจอร์ Checklist ช่วยให้แยกขั้นตอนการออกแบบเป็นรายละเอียดเล็กๆ ทำให้งานสร้างสรรค์เป็นระบบมากขึ้น

สายงาน HR และ Operations

ฝ่ายบุคคลและงานบริหารจัดการสามารถใช้ Trello จัดการงานด้าน HR เช่น การรับสมัครพนักงาน การจัดการเอกสารพนักงาน หรือวางแผนกิจกรรมองค์กรได้เป็นขั้นตอนชัดเจน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ติดตามกระบวนการทำงานของแต่ละฝ่ายในเชิง Operation เพื่อให้ทุกขั้นตอนมีความต่อเนื่อง

งานส่วนตัวและงานฟรีแลนซ์

ไม่เพียงแต่ทีมงานหรือองค์กรเท่านั้น Trello ยังเหมาะกับบุคคลทั่วไปและฟรีแลนซ์ที่ต้องการเครื่องมือช่วยจัดระเบียบงานประจำวัน เช่น วางแผนโครงการส่วนตัว จัดตารางเรียน หรือติดตามงานลูกค้า สำหรับฟรีแลนซ์ การใช้ Trello ช่วยให้การทำงานกับลูกค้าแต่ละโปรเจกต์มีความชัดเจน ตั้งแต่รับบรีฟ ไปจนถึงการส่งมอบงาน ทำให้บริหารเวลาได้ง่ายขึ้นและลดความสับสน

Trello กับวิธีใช้งานเบื้องต้นสำหรับมือใหม่

มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน Trello อาจสงสัยว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ความจริงแล้วการใช้งาน Trello เบื้องต้นนั้นไม่ซับซ้อนเลย เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้ ก็สามารถจัดการงานให้เป็นระบบและติดตามความคืบหน้าได้ทันที

  1. สมัครและสร้างบัญชี เข้าไปที่ trello.com หรือดาวน์โหลดแอป Trello บนมือถือ จากนั้นสมัครสมาชิกด้วยอีเมล หรือเชื่อมต่อกับบัญชี Google หรือ Microsoft ก็ได้ เมื่อสมัครเสร็จแล้วก็พร้อมใช้งานทันที
  2. สร้าง Board (บอร์ด) ใหม่ บอร์ดคือพื้นที่หลักที่ใช้จัดการโปรเจกต์หรือหมวดหมู่งาน เช่น บอร์ดงานการตลาด หรือโปรเจกต์เว็บไซต์ใหม่ การสร้างบอร์ดช่วยให้แยกงานแต่ละเรื่องออกจากกันอย่างเป็นระบบ
  3. สร้าง List (ลิสต์) ภายในบอร์ด เพื่อแบ่งสถานะงาน เช่น “To Do – Doing – Done” หรือปรับให้เหมาะกับรูปแบบงานของทีม เช่น “ไอเดีย – กำลังทำ – ตรวจทาน – เสร็จสิ้น”
  4. สร้างบัตรงาน (Card) เพื่อสร้างงานแต่ละชิ้น เช่น เขียนบทความ ออกแบบแบนเนอร์ หรือประชุมลูกค้า ภายในการ์ดสามารถใส่รายละเอียดงาน มอบหมายผู้รับผิดชอบ แนบไฟล์ ตั้ง Due Date และเพิ่ม Checklist ได้
  5. จัดลำดับและติดตามงาน เมื่องานเริ่มคืบหน้า สามารถลากการ์ดจากลิสต์หนึ่งไปอีกลิสต์หนึ่ง เช่น จาก “To Do” ไป “Doing” เพื่ออัปเดตสถานะงาน สมาชิกในทีมจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ ทำให้ติดตามงานได้สะดวกและโปร่งใส

Trello มีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง

Trello มีข้อดีและข้อจำกัดอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึง Trello หลายคนยกให้เป็นเครื่องมือจัดการงานออนไลน์ที่ใช้ง่ายและเหมาะกับทั้งบุคคลทั่วไป ทีมเล็ก ไปจนถึงองค์กร แต่เช่นเดียวกับทุกเครื่องมือ Trello ก็มีทั้งข้อดีที่ทำให้ได้รับความนิยม และข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนนำไปใช้งานจริง มาดูกันว่า Trello มีจุดเด่นและข้อจำกัดอะไรบ้าง

ข้อดีของ Trello

  • ใช้งานง่ายและเรียนรู้เร็ว อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องอบรม
  • มองเห็นภาพรวมงานชัดเจน ระบบ Kanban Board ช่วยให้เห็นขั้นตอนและสถานะงานทั้งหมดในมุมมองเดียว ทำให้ติดตามความคืบหน้าได้สะดวก
  • ยืดหยุ่นและปรับแต่งได้ตามต้องการ ปรับบอร์ด ลิสต์ และการ์ดให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของแต่ละทีม เช่น Agile, Scrum หรือ To-do list ทั่วไป
  • สนับสนุนการทำงานร่วมกัน แชร์บอร์ด มอบหมายงาน แสดงความคิดเห็น และติดตามงานร่วมกับทีมได้แบบเรียลไทม์
  • มี Automation และ Power-Ups Butler Automation ช่วยลดงานซ้ำๆ ขณะที่ Power-Ups เชื่อมต่อ Trello กับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Google Drive, Slack หรือ Jira
  • ฟรีและมีแพลนจ่ายเงินสำหรับฟีเจอร์เพิ่มเติม ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานฟรีได้ครบถ้วนในระดับหนึ่ง หากต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงก็มีแพลนเสียเงินให้เลือกตามความเหมาะสม

ข้อจำกัดของ Trello

  • ไม่เหมาะกับงานซับซ้อนหรือหลายโปรเจกต์ใหญ่พร้อมกัน เมื่อโปรเจกต์มีความซับซ้อนมากๆ Trello อาจทำให้การจัดการยุ่งยากเกินไป
  • การวิเคราะห์ข้อมูลและรายงานยังจำกัด ฟีเจอร์ด้านการวิเคราะห์ เช่น Dashboard หรือรายงานสรุป ยังไม่ละเอียดเท่าเครื่องมือ Project Management ขั้นสูง
  • ไม่มีฟีเจอร์การจัดการทรัพยากรแบบละเอียด ไม่สามารถติดตามการใช้ทรัพยากร เช่น เวลา งบประมาณ หรือการจัดสรรบุคลากร ได้เชิงลึกเหมือนเครื่องมือเฉพาะทาง
  • ต้องเชื่อมอินเทอร์เน็ต Trello เป็นเครื่องมือออนไลน์ ต้องใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต หากออฟไลน์จะไม่สามารถอัปเดตงานได้
  • ฟีเจอร์ฟรีมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น จำนวน Power-Ups ต่อบอร์ด หรือฟีเจอร์ Automation ที่มีเพดาน หากต้องการใช้งานเต็มรูปแบบต้องอัปเกรดเป็นเวอร์ชันเสียเงิน

เทคนิคการใช้ Trello อย่างมืออาชีพ

เทคนิคการใช้ Trello อย่างมืออาชีพ

ถ้าอยากใช้งาน Trello ให้เต็มประสิทธิภาพแบบมืออาชีพ ไม่ใช่แค่สร้างบอร์ดกับการ์ดเท่านั้น แต่ต้องรู้เทคนิคที่ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น มีระเบียบมากขึ้น และทำงานร่วมกับทีมได้อย่างลื่นไหล เทคนิคเหล่านี้จะช่วยยกระดับการใช้งาน Trello ให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ใช้ Power-Ups เพิ่มความสามารถให้บอร์ด เชื่อมต่อ Trello กับแอปอื่นๆ เช่น Google Drive, Slack, หรือ Calendar เพื่อทำงานได้ครบจบในที่เดียว
  • จัด Label และ Checklist ให้ชัดเจน ใช้ Label เพื่อจำแนกประเภทงาน เช่น ด่วน รอรีวิว หรือสำคัญ พร้อมเพิ่ม Checklist แยกขั้นตอนย่อยๆ เพื่อให้ติดตามงานง่ายขึ้น
  • ตั้ง Automation เพื่อลดงานซ้ำซ้อน ใช้ Butler ตั้งกฎ เช่น ย้ายการ์ดอัตโนมัติเมื่อใกล้ครบกำหนด หรือสร้าง Checklist ทันทีเมื่อมีการ์ดใหม่
  • เพิ่ม Attachments และ Links ใน Card แนบไฟล์ รูปภาพ หรือเอกสารสำคัญลงในการ์ด เพื่อให้ทุกข้อมูลเกี่ยวข้องอยู่ในที่เดียว ไม่ต้องค้นหาหลายที่
  • สื่อสารใน Card ด้วย Comments & Mentions ใช้คอมเมนต์พูดคุยรายละเอียดงาน และแท็กเพื่อนร่วมทีม (@ชื่อ) เพื่อแจ้งเตือนตรงถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • ใช้ Template เพื่อเริ่มโปรเจกต์ใหม่เร็วขึ้น เลือกใช้ Template ที่ Trello มีให้ หรือสร้าง Template เองสำหรับงานที่ทำซ้ำๆ เช่น Content Calendar หรือ Project Plan
  • ใช้ Views & Filters เพื่อติดตามงาน ใช้มุมมองปฏิทิน (Calendar View) Timeline หรือ Table เพื่อดูงานในรูปแบบที่เหมาะกับทีม และใช้ Filters กรองเฉพาะงานที่สำคัญ
  • ใช้การ์ดซ้ำ (Copy Card) สำหรับงานที่คล้ายกัน งานที่ต้องทำซ้ำ เช่น รายงานรายสัปดาห์ สามารถ Copy Card เดิมมาใช้ใหม่ได้ทันที ช่วยประหยัดเวลา
  • รวมข้อมูลทั้งหมดในการ์ดเดียว ใส่รายละเอียดงาน Checklist วันครบกำหนด ไฟล์แนบ และคอมเมนต์ ไว้ใน Card ใบเดียว เพื่อให้ทุกคนเห็นข้อมูลครบถ้วนโดยไม่ต้องกระจายหลายที่

Trello กับ Asana และ Notion แตกต่างกันอย่างไร?

Trello, Asana และ Notion เป็นเครื่องมือจัดการงานยอดนิยมที่มีจุดเด่นต่างกัน Trello เน้นความเรียบง่าย ใช้ Kanban Board เหมาะกับมือใหม่และทีมที่ต้องการเห็นภาพรวมงานชัดเจน ในส่วนของ Asana เหมาะกับทีมขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีโปรเจกต์ซับซ้อน ต้องการติดตามงานและ Deadline อย่างละเอียด และ Notion เป็น All-in-One Workspace ที่รวมการจดบันทึก จัดการงาน และเก็บข้อมูลไว้ในที่เดียว เหมาะกับทีมที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงและใช้เครื่องมือเดียวแทนหลายแอป

สรุป

Trello คือเครื่องมือจัดการงานออนไลน์แบบ Kanban Board ช่วยจัดระเบียบงาน วางแผนโปรเจกต์ และติดตามความคืบหน้าแบบเรียลไทม์ เหมาะกับบุคคลจนถึงองค์กรใหญ่ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่ Board, List, Card, Checklist และอื่นๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังปรับใช้ได้กับหลายสายงาน ตั้งแต่บริหารโปรเจกต์ คอนเทนต์ การตลาด หรือ HR หรือแม้แต่ฟรีแลนซ์ ข้อดีคือใช้งานง่าย ยืดหยุ่น มองภาพรวมงานชัดเจน และทำงานร่วมกับทีมได้ ส่วนข้อจำกัดคือไม่เหมาะกับโปรเจกต์ซับซ้อนหลายโปรเจกต์ใหญ่ และฟีเจอร์ฟรีมีข้อจำกัด เห็นได้ชัดว่า Trello เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยจัดการงานให้คนทำงานเป็นระบบ ระเบียบมากขึ้นโดยไม่ซับซ้อนมาก

ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในชีวิต อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา ให้คุณค้นหางานที่ตรงกับความสามารถและความสนใจ ให้คุณได้เริ่มต้นก้าวต่อไปในเส้นทางอาชีพอย่างมั่นใจ!

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Trello (FAQ)

หลายคนอาจยังคงสงสัยเรื่องการใช้งาน Trello อยู่ เราได้รวบรวมคำถามที่น่าสนใจ พร้อมคำตอบมาให้แล้ว!

Trello ใช้ฟรีได้ไหม หรือต้องเสียเงิน?

Trello มี เวอร์ชันฟรีที่ใช้งานฟีเจอร์หลักได้ครบ เช่น สร้างบอร์ด การ์ด ลิสต์ และใช้ Automation เบื้องต้น หากต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น Power-Ups ไม่จำกัด หรือ Automation ขั้นสูง ต้องสมัครแผนเสียเงินแบบ Standard, Premium หรือ Enterprise

เหมาะกับทีมกี่คน จะแชร์งานให้ทีมอย่างไร?

Trello ใช้ได้ตั้งแต่บุคคลเดียวไปจนถึงทีมขนาดใหญ่ สามารถเชิญสมาชิกเข้าบอร์ดหรือการ์ด เพื่อมอบหมายงาน ติดตามความคืบหน้า และทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

สามารถเชื่อม Trello กับแอปอื่นได้ไหม?

คำตอบคือ ได้ Trello รองรับ Power-Ups ที่เชื่อมต่อกับแอปยอดนิยม เช่น Google Drive, Slack, Jira, Microsoft Teams และอื่นๆ ทำให้ทำงานครบจบในที่เดียว

Trello ดีอย่างไร เหมาะกับใครบ้าง?

Trello ใช้งานง่าย เห็นภาพรวมงานชัดเจน ยืดหยุ่น และทำงานร่วมกับทีมได้ เหมาะกับมือใหม่ ทีมเล็ก ฟรีแลนซ์ หรือแม้แต่ทีมใหญ่ ที่ต้องการเครื่องมือจัดการงานแบบเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ


More from this category: ทักษะในการทำงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา