Key Takeaway
ในยุคที่การทำงานต้องอาศัยความรวดเร็วและการสื่อสารที่ชัดเจน Slack คือหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของทีมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยระบบแชตที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานโดยเฉพาะ ทำให้ Slack กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมที่หลายองค์กรทั่วโลกเลือกใช้ และเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทีมยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม
Slack คือแพลตฟอร์มสื่อสารสำหรับการทำงานร่วมกันในองค์กร (Collaboration Tool) ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ทีมสามารถสื่อสาร พูดคุย แลกเปลี่ยนไฟล์ และติดตามงานได้แบบเรียลไทม์ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น แชต (Chat) ช่อง (Channels) และการเชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ ที่ใช้งานอยู่ในองค์กรอย่าง Google Drive, Zoom หรือ Asana ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ช่วยลดการใช้อีเมลที่มากเกินไป และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานระหว่างทีมและหน่วยงานต่างๆ
โปรแกรม Slack คือเครื่องมือสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่ช่วยให้ทีมสามารถติดต่อประสานงานได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยฟีเจอร์หลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความซับซ้อนในการสื่อสาร มาดูกันว่าฟีเจอร์หลักที่ควรรู้มีอะไรบ้าง
Channels คือพื้นที่สำหรับการสื่อสารแบบกลุ่มที่มีหัวข้อชัดเจน เช่น #marketing, #project-a หรือ #hr เพื่อให้สมาชิกในทีมสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลหัวข้อเดียวกันได้ง่ายขึ้น การใช้งาน Channels ช่วยให้การติดตามงานในแต่ละเรื่องเป็นระเบียบ ไม่หลงประเด็น และย้อนดูข้อมูลเก่าได้สะดวก เหมาะกับทีมงานที่ทำงานร่วมกันหลายแผนก หรือมีโปรเจกต์ที่ต้องการการประสานงานหลายฝ่าย
DM เป็นฟีเจอร์สำหรับการส่งข้อความส่วนตัวระหว่างบุคคลหรือกลุ่มย่อยไม่เกิน 9 คน เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องเฉพาะ การแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล หรือการแก้ปัญหาที่ไม่ต้องการให้คนอื่นในทีมเห็น ใช้งานง่ายเหมือนแชตทั่วไป และเหมาะกับการสื่อสารอย่างไม่เป็นทางการภายในทีม
Slack รองรับการแนบไฟล์ได้หลากหลายประเภท เช่น เอกสาร PDF รูปภาพ ลิงก์ หรือไฟล์จาก Google Drive และ OneDrive สมาชิกสามารถคลิกเปิดดูได้ทันทีภายในแอป ไม่ต้องดาวน์โหลด เหมาะสำหรับการส่งเอกสารประกอบการประชุม สไลด์พรีเซนต์ หรือรูปตัวอย่างงานต่างๆ ช่วยให้ข้อมูลอยู่ในที่เดียวและลดความสับสนในการหาไฟล์ย้อนหลัง
Slack สามารถเชื่อมต่อกับแอปทำงานยอดนิยมกว่า 2,000 แอป เช่น Google Calendar, Zoom, Trello, Jira, GitHub และ Asana ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานหรือรับการแจ้งเตือนจากแอปเหล่านั้นได้ในที่เดียว ไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา เหมาะกับทีมที่ใช้งานหลายเครื่องมือและต้องการศูนย์กลางการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
Slack มีระบบค้นหาข้อความ ไฟล์ หรือแชตที่แม่นยำและรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถค้นหาจากคำสำคัญ ชื่อผู้ส่ง หรือวันที่ เพื่อเข้าถึงข้อมูลย้อนหลังได้อย่างรวดเร็ว ฟีเจอร์นี้เหมาะกับองค์กรที่มีการสื่อสารจำนวนมากและต้องการความสะดวกในการดึงข้อมูลมาใช้งานซ้ำ
Slack อนุญาตให้ผู้ใช้ Pin ข้อความสำคัญในแชนเนล และ Save ข้อความไว้ส่วนตัวได้ การปักหมุดช่วยให้ทีมเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น ลิงก์เอกสารหรือประกาศภายในได้ง่าย ส่วน Save เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกลับมาอ่านหรือดำเนินการในภายหลัง เหมาะกับทั้งผู้จัดการทีมและพนักงานที่ต้องรับข้อมูลจำนวนมาก
Slack Huddle คือฟีเจอร์ประชุมเสียง (Voice Chat) แบบไม่เป็นทางการ ที่เปิด-ปิดได้รวดเร็วภายในแชนเนลหรือ DM โดยไม่ต้องตั้งประชุมล่วงหน้า เหมาะสำหรับการปรึกษาแบบเร่งด่วน ช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างทีมงาน เหมือนการเดินไปถามเพื่อนร่วมงานข้างโต๊ะในออฟฟิศจริงๆ
ผู้ใช้สามารถตั้งสถานะ (Status) เช่น “In a meeting”, “Lunch break” หรือ “Working remotely” พร้อมไอคอนแสดงสถานะให้เพื่อนร่วมงานเห็นได้ทันที รวมถึงการตั้งค่าความพร้อมใช้งาน (Available, Do not disturb) เพื่อป้องกันการรบกวนขณะโฟกัสงาน เหมาะสำหรับทีมที่ทำงานแบบ Hybrid หรือ Remote
Slackbot คือผู้ช่วย AI ภายในแอปที่สามารถตอบคำถามเบื้องต้น แจ้งเตือนงาน หรือช่วยเตือนความจำ ผู้ใช้สามารถตั้งคำสั่งให้ Slackbot แจ้งเตือนหรือตอบข้อความอัตโนมัติได้ เหมาะกับคนที่ต้องการตัวช่วยจัดการงานซ้ำๆ เช่น เตือนนัดประชุม ส่งข้อความอัตโนมัติเมื่อมีสมาชิกใหม่เข้าทีม หรือเช็ก To-do รายวัน
ก่อนตัดสินใจนำ Slack มาใช้ในองค์กร การรู้ว่าเครื่องมือนี้เหมาะกับใครจะช่วยให้คุณเลือกใช้ได้ตรงจุดมากขึ้น เพราะแม้จะมีฟีเจอร์หลากหลาย แต่การใช้งานจะคุ้มค่าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะทีมและวิธีการทำงานเป็นหลัก
หากยังไม่เคยใช้ Slack มาก่อน ไม่ต้องกังวล เพราะเรามีวิธีใช้ Slack ตั้งแต่เริ่มต้นใช้งาน ด้วยขั้นตอนง่ายๆ และรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเป็นทีมขนาดเล็กหรือองค์กรใหญ่ ก็สามารถตั้งค่าพื้นฐานและเริ่มสื่อสารได้อย่างง่ายดาย ดังนี้
1. Free Plan – ฟรี
2. Pro Plan – ประมาณ 318 บาท/ผู้ใช้/เดือน (หรือ 264 บาท/เดือน เมื่อชำระรายปี)
3. Business+ Plan – ประมาณ 548 บาท/ผู้ใช้/เดือน (หรือ 456 บาท/เดือน เมื่อชำระรายปี)
4. Enterprise Grid – ราคาเฉพาะตามการใช้งานจริงปรับแต่งระบบได้ลึก
เมื่อพูดถึงเครื่องมือสื่อสารในองค์กร Slack มักถูกเปรียบเทียบกับ Microsoft Teams และ Discord ซึ่งแม้ทั้งหมดจะให้บริการด้านการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มก็มีจุดเด่นและเหมาะกับบริบทที่ต่างกัน Slack โดดเด่นด้านความยืดหยุ่นและการเชื่อมต่อกับแอปภายนอกกว่า 2,000 แอป เหมาะกับทีมที่ใช้หลายเครื่องมือในการทำงาน
ส่วน Microsoft Teams จะผสานการใช้งานร่วมกับชุด Microsoft 365 ได้อย่างลงตัว เช่น Outlook, Word, Excel ทำให้เหมาะกับองค์กรที่ใช้งานระบบของ Microsoft เป็นหลัก ในขณะที่ Discord ซึ่งเริ่มจากกลุ่มเกมเมอร์ ก็มีฟีเจอร์เสียงคุณภาพดีและใช้งานง่าย แต่ไม่เน้นฟังก์ชันสำหรับงานองค์กร เช่น การจัดการสิทธิ์หรือการเชื่อมต่อกับเครื่องมือทำงานหลากหลายเท่า Slack หรือ Teams ดังนั้น การเลือกใช้งานจึงควรดูจากลักษณะทีม เครื่องมือที่ใช้ร่วมกัน และวัฒนธรรมการทำงานขององค์กรเป็นหลัก
Slack เป็นหนึ่งในเครื่องมือสื่อสารสำหรับองค์กรที่ได้รับความนิยมมากในยุคการทำงานแบบไฮบริดและรีโมต เพราะช่วยให้ทีมสามารถสื่อสาร ประสานงาน และแชร์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่แน่นอนว่าเหมือนกับเครื่องมืออื่นๆ Slack ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้งาน
Slack คือเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยให้ทีมงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยฟีเจอร์หลากหลาย เช่น ช่องทางแชต (Channels) ข้อความส่วนตัว แชร์ไฟล์ และการเชื่อมต่อกับแอปต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทั้งทีมขนาดเล็กและองค์กรใหญ่ แม้จะมีข้อดีด้านความยืดหยุ่นและใช้งานง่าย แต่ Slack ก็มีข้อจำกัด เช่น ค่าบริการที่สูงขึ้นตามจำนวนผู้ใช้ และข้อจำกัดในเวอร์ชันฟรีที่ไม่สามารถดูประวัติข้อความย้อนหลังได้ครบถ้วน การเลือกใช้ Slack จึงควรพิจารณาตามลักษณะและความต้องการของทีมคุณ
ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่ช่วยให้เพิ่มประสบการณ์การทำงานในชีวิต อย่าลืมหางานผ่าน JobsDB แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา พร้อมช่วยให้คุณได้งานที่ใช่และเหมาะกับตัวเองที่สุด!
หลายคนอาจสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน Slack และความแตกต่างจากแอปสื่อสารทั่วไป เพื่อช่วยให้เข้าใจมากขึ้น เราได้รวบรวมคำถามยอดนิยมและคำตอบที่คุณควรรู้ไว้ที่นี่
Slack ออกแบบมาเพื่อการสื่อสารในองค์กรโดยเฉพาะ มีฟีเจอร์สำหรับจัดการทีมและโปรเจกต์ เช่น Channels การเชื่อมต่อแอปต่างๆ และการค้นหาข้อความย้อนหลัง ขณะที่ Line หรือ Messenger เน้นการสื่อสารส่วนตัวหรือกลุ่มเล็กๆ เป็นหลัก
ใช้ได้ เนื่องจาก Slack รองรับการเชื่อมต่อกับ Google Workspace อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการแชร์ไฟล์ ปฏิทิน และการแจ้งเตือนต่างๆ ช่วยให้ทำงานร่วมกันได้สะดวกยิ่งขึ้น
ได้แน่นอน Slack ซิงก์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ระหว่างอุปกรณ์มือถือและคอมพิวเตอร์ ทำให้คุณไม่พลาดการสื่อสารไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ได้ Slack สามารถเชื่อมต่อกับ Trello, Asana และเครื่องมือจัดการงานอื่นๆ เพื่อรับแจ้งเตือนและอัปเดตสถานะงานโดยตรงภายในแอป ช่วยให้การติดตามงานสะดวกขึ้นมาก