กรณีไม่มีสัญญาจ้าง นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

กรณีไม่มีสัญญาจ้าง นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 11 April, 2025
Share

Key Takeaway

  • การทำงานโดยไม่มีสัญญาจ้าง คือการตกลงจ้างงานด้วยวาจา ตกลงผ่านแชต หรืออีเมล โดยไม่มีเอกสารลายลักษณ์อักษรที่ระบุอัตราค่าจ้าง เงื่อนไขการทำงาน หรือสวัสดิการต่างๆ อย่างชัดเจน 
  • นายจ้างที่ไม่จ่ายค่าจ้างตามตกลง จะต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีให้แก่ลูกจ้าง หากยังเพิกเฉยอาจถูกปรับเงินหรือจำคุก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
  • หากทำงานโดยไม่มีสัญญาจ้างและนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนให้ ควรพูดคุยและเจรจากับนายจ้างก่อน แต่หากไม่ได้ผลให้รวบรวมหลักฐานเพื่อร้องเรียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต่อไป

สำหรับลูกจ้างที่ทำงานโดยไม่มีสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร การทราบสิทธิ์และแนวทางการจัดการเมื่อนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนเพราะไม่มีสัญญา เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถปกป้องสิทธิของตนเองและเรียกร้องค่าตอบแทนที่ควรได้รับตามกฎหมายแรงงานได้อย่างเหมาะสม

โดยบทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของลูกจ้าง วิธีการรวบรวมหลักฐานเพื่อยืนยันการทำงาน และแนวทางดำเนินการเมื่อนายจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง เพื่อเรียกร้องค่าจ้างที่ค้างชำระได้อย่างเป็นธรรมมากที่สุด

สถานการณ์ที่ไม่มีสัญญาจ้างเป็นอย่างไร?

สถานการณ์ที่ไม่มีสัญญาจ้าง คือการที่ลูกจ้างทำงานให้กับนายจ้างโดยไม่มีการเซ็นหนังสือสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งการจ้างงานอาจเกิดจากการตกลงด้วยปากเปล่าเพียงอย่างเดียว โดยมักพบได้บ่อยในงานที่ไม่เป็นทางการ เช่น งานพาร์ตไทม์ ฟรีแลนซ์ หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีระบบเอกสาร มีเพียงข้อตกลงบางส่วนผ่านวาจา แชต หรืออีเมล ทำให้ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง วันจ่ายเงิน หรือสวัสดิการพื้นฐานที่ควรได้รับ

สิทธิของลูกจ้างที่ไม่มีสัญญาจ้าง

​แม้ลูกจ้างจะไม่มีสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่กฎหมายแรงงานไทยยังคงคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะในด้านสวัสดิการ การลา และการได้รับค่าจ้าง ดังนี้ 

สิทธิ์ในเรื่องของสวัสดิการและการลา

กฎหมายแรงงานกำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการและการลาต่างๆ ดังนี้

สิทธิ์ในเรื่องของสวัสดิการและการลา
  • สวัสดิการที่ลูกจ้างควรได้รับ
    • ประกันสังคม (หากทำงานครบ 1 เดือน และนายจ้างมีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป)
    • ค่าจ้างขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด
    • ค่าล่วงเวลา (OT) หากทำงานเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด
    • เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม
  • สิทธิ์ในการหยุดและวันลา
    • วันหยุดประจำสัปดาห์ ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับวันหยุดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน
    • วันหยุดนักขัตฤกษ์ นายจ้างต้องกำหนดวันหยุดตามประเพณี ไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี (รวมวันแรงงานแห่งชาติ)
    • วันหยุดพักผ่อนประจำปี  ลูกจ้างที่ทำงานครบ 1 ปี มีสิทธิ์ได้รับวันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน
    • ลาป่วย ลูกจ้างสามารถลาป่วยได้ตามจริง โดยยังคงได้รับค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 30 วันต่อปี 
    • ลากิจ ลูกจ้างมีสิทธิ์ลากิจได้ตามความเหมาะสมตามและข้อตกลงของบริษัท
    • ลาคลอด สามารถลาได้สูงสุด 98 วัน โดยได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วันแรก และ 45 วันที่เหลือ ประกันสังคมจะจ่ายเงินชดเชยให้ 50% ของค่าจ้าง
สิทธิ์ในการได้รับค่าจ้าง

สิทธิ์ในการได้รับค่าจ้าง 

กฎหมายแรงงานได้กำหนดสิทธิ์ค่าจ้างและค่าตอบแทน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับความเป็นธรรมในการจ้างงานไว้ ดังนี้ 

  • ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างตามที่ตกลงกับนายจ้าง แม้ว่าจะไม่มีเอกสารยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร  
  • นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างตรงเวลาและครบถ้วนตามที่ได้ตกลงกันไว้ หากนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนหรือจ่ายล่าช้ากว่าที่กำหนด ลูกจ้างสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อขอความช่วยเหลือได้ 
  • ค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร ลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับ ค่าชดเชยตามอายุงาน ดังนี้
    • ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ถึง 1 ปี  ได้รับค่าชดเชย 30 วัน
    • ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปี  ได้รับค่าชดเชย 90 วัน
    • ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ถึง 6 ปี  ได้รับค่าชดเชย 180 วัน
    • ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ถึง 10 ปี  ได้รับค่าชดเชย 240 วัน
    • ทำงานครบ 10 ปีขึ้นไป  ได้รับค่าชดเชย 300 วัน
ไม่มีสัญญาจ้าง นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน ฟ้องร้องได้หรือไม่?

ไม่มีสัญญาจ้าง นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน ฟ้องร้องได้หรือไม่?

หากนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนตามที่ตกลง ลูกจ้างมีสิทธิ์เรียกร้องค่าจ้างที่ค้างชำระได้แม้ไม่มีสัญญาจ้าง ดังวิธีต่อไปนี้

  • ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ลูกจ้างสามารถยื่นคำร้องแบบ คร.7 ต่อพนักงานตรวจแรงงานในพื้นที่ที่ตนทำงานอยู่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนและออกคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระ โดยหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม ลูกจ้างสามารถนำคำสั่งดังกล่าวไปบังคับคดีต่อศาลแรงงานได้
  • ยื่นคำร้องผ่านระบบออนไลน์ หากลูกจ้างไม่สะดวกเดินทางไปยื่นคำร้องด้วยตนเอง ลูกจ้างสามารถยื่นคำร้องผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
โทษตามกฎหมายของนายจ้างที่ไม่จ่ายค่าจ้าง

โทษตามกฎหมายของนายจ้างที่ไม่จ่ายค่าจ้าง

เมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างแต่นายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนตามตกลง นายจ้างจะต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของจำนวนเงินค่าจ้างที่ค้างชำระนับจากวันที่ค่าจ้างถึงกำหนดจ่ายจนกว่าจะจ่ายครบถ้วน นอกจากนี้ หากนายจ้างเจตนาไม่จ่ายค่าจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควร อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งโทษของนายจ้างที่ไม่จ่ายค่าจ้าง มีดังนี้

  • โทษปรับตั้งแต่ 5,000 บาท - 2,000,000 บาท 
  • โทษจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับแล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ หากนายจ้างยังคงเพิกเฉย ลูกจ้างสามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน หรือดำเนินคดีผ่านศาลแรงงาน เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองตามกฎหมายได้

ทำอย่างไรเมื่อถูกนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน เพราะไม่มีสัญญาจ้าง

ทำอย่างไรเมื่อถูกนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน เพราะไม่มีสัญญาจ้าง

เมื่อไม่มีสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรอาจมีความเสี่ยงที่นายจ้างจะไม่ชำระเงินค่าจ้างได้ หากเกิดปัญหาดังกล่าวลูกจ้างสามารถเรียกร้องค่าจ้างที่ควรได้รับโดยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้

เริ่มต้นพูดคุยหรือเจรจากับนายจ้าง

เมื่อนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน สิ่งแรกที่ควรทำคือการพูดคุยหรือเจรจาโดยตรง เพื่อหาทางแก้ไขก่อนดำเนินการทางกฎหมาย โดยควรใช้คำพูดที่สุภาพและสื่อความหมายออกมาอย่างชัดเจน เพื่อให้นายจ้างทราบเกี่ยวกับค่าจ้างที่ค้าง พร้อมระบุรายละเอียด เช่น จำนวนเงินและวันที่ควรได้รับค่าจ้าง จากนั้นให้ติดตามผลเป็นระยะ หากไม่ได้รับการตอบสนองควรพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนถัดไป

จัดเตรียมหลักฐาน

หากนายจ้างยังไม่จ่ายเงินเดือนตามที่มีการเจรจา ให้รวบรวมหลักฐานที่สามารถยืนยันการทำงานและการติดต่อกับนายจ้าง เพื่อใช้เป็นข้อพิสูจน์หากต้องดำเนินการทางกฎหมาย เช่น 

  • ข้อความแชตหรืออีเมล ที่มีการสั่งงานหรือพูดคุยเกี่ยวกับค่าจ้าง
  • สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการโอนเงินครั้งก่อนๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีการจ่ายค่าจ้าง
  • บันทึกการเข้า-ออกงาน เช่น ตารางงาน หรือระบบบันทึกเวลา
  • พยานบุคคล เช่น เพื่อนร่วมงานที่สามารถยืนยันการทำงานของคุณได้

ทั้งนี้ ควรจัดเก็บหลักฐานในรูปแบบที่สามารถใช้ต่อสู้ทางกฎหมายได้ เช่น การพิมพ์เป็นสำเนาเอกสาร เพื่อใช้เป็นหลักฐานแนบประกอบกับเอกสารการร้องเรียนหรือการดำเนินคดีทางกฎหมาย นอกจากนี้ควรสำรองข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล เช่น ภาพหน้าจอหรือไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันการสูญหายและสามารถนำไปใช้ได้เมื่อต้องการ

ร้องเรียนหรือใช้ช่องทางทางกฎหมาย

หากนายจ้างยังคงเพิกเฉยและไม่จ่ายเงินเดือน ลูกจ้างสามารถใช้ช่องทางทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องสิทธิของตนเองได้ ดังนี้ 

  • ร้องเรียนที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยสามารถยื่นคำร้องแบบ คร.7 แจ้งกรมแรงงานได้ว่านายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน และหากพนักงานตรวจสอบแล้วพบว่านายจ้างผิดจริง จะมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • พิจารณาการฟ้องร้องผ่านศาลแรงงาน หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานตามขั้นตอนแรก ลูกจ้างสามารถยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง โดยไม่จำเป็นต้องมีทนายความ ลูกจ้างสามารถดำเนินการฟ้องร้องเองได้เลย
  • การแจ้งความหรือใช้สิทธิ์ทางกฎหมายอื่นๆ ในบางกรณีหากนายจ้างจงใจโกงค่าจ้างอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งลูกจ้างสามารถแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายจ้างได้เช่นกัน
วิธีป้องกันล่วงหน้า ไม่ให้เจอปัญหานายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน

วิธีป้องกันล่วงหน้า ไม่ให้เจอปัญหานายจ้างไม่จ่ายเงินเดือน 

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนเพราะไม่มีสัญญา ลูกจ้างควรมีการป้องกันล่วงหน้า โดยใช้แนวทางดังต่อไปนี้

ตรวจสอบประวัตินายจ้าง

ลูกจ้างสามารถตรวจสอบประวัตินายจ้างได้ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อเช็กสถานะการจดทะเบียนของบริษัท หรือค้นหารีวิวจากพนักงานเก่าบนแพลตฟอร์มจัดหางาน เช่น Jobsdb, JobThai หรือ Pantip เพื่อดูความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานและการจ่ายค่าจ้าง นอกจากนี้ ควรตรวจสอบข่าวหรือประวัติข้อพิพาททางกฎหมายของบริษัท เช่น คดีฟ้องร้องเกี่ยวกับค่าจ้างหรือปัญหาด้านแรงงาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการถูกเอาเปรียบในอนาคต

ทำสัญญาจ้างที่ชัดเจนและครอบคลุม

หากนายจ้างไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อตกลงจ้างงาน ลูกจ้างควรขอให้นายจ้างจัดทำเอกสารสัญญาจ้าง โดยระบุรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น อัตราค่าจ้าง วันจ่ายเงิน เงื่อนไขการทำงาน การเลิกจ้าง หรือค่าชดเชย ทั้งนี้ ควรตรวจสอบเงื่อนไขทั้งหมดอย่างรอบคอบก่อนลงนาม และขอสำเนาสัญญาเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานสำคัญในกรณีที่เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าจ้างหรือเงื่อนไขการทำงาน และลดความเสี่ยงในการถูกนายจ้างเอาเปรียบในอนาคต 

สื่อสารให้ชัดเจนระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง

การสื่อสารที่ชัดเจน ทั้งในส่วนความต้องการของลูกจ้างและนายจ้าง จะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจข้อตกลงและเงื่อนไขการจ้างงานตรงกัน โดยการตกลงเงื่อนไขต่างๆ ควรมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลและป้องกันนายจ้างไม่จ่ายเงินเดือนในอนาคต

สรุป

การทำงานโดยไม่มีสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร อาจทำให้นายจ้างปฏิเสธความรับผิดชอบหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการจ้างงานได้ตามอำเภอใจ ดังนั้น ลูกจ้างควรร้องขอให้มีสัญญาจ้างที่ชัดเจน หรือเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถเรียกร้องสิทธิ์ตามกฎหมายได้เมื่อจำเป็น 

หากใครที่ต้องเผชิญกับปัญหาบริษัทไม่จ่ายเงินเดือนซ้ำๆ และต้องการลาออกจากงาน การมองหางานใหม่ที่มั่นคงรองรับและมีเงื่อนไขการจ้างงานที่ชัดเจนอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า โดยสามารถค้นหางานจากบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ที่ Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่จะช่วยให้คุณพบโอกาสใหม่ที่เหมาะสม สวัสดิการดี และมั่นใจในความเป็นธรรมของนายจ้างได้

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

More from this category: คำแนะนำด้านเงินเดือน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา