นั่งหน้าคอมนานๆ จ้องจอไม่หยุด อาจทำให้คุณเผลอเจออาการ “สะบักจม” แบบไม่รู้ตัว ปวดลึกๆ ตึงๆ ที่กลางหลังหรือไหล่จนทำงานต่อแทบไม่ไหว ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะถ้าปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นอาการเรื้อรังได้ มารู้ทันสาเหตุ อาการ พร้อมวิธีดูแลและป้องกันง่ายๆ ที่คนทำงานทุกคนควรรู้!
“สะบักจม” เป็นคำที่คนทั่วไปมักใช้เรียกอาการปวดบริเวณสะบักและรอบๆ สะบัก ซึ่งในทางการแพทย์มักถูกจัดอยู่ในกลุ่มอาการที่เรียกว่ากลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืดรอบสะบัก (Myofascial Pain Syndrome: MPS) หรือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูกชายโครง (Scapulocostal Syndrome: SCS)
เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณรอบสะบักเกิดการตึงตัว หดเกร็ง และอักเสบเรื้อรัง จากการใช้งานซ้ำๆ หรืออยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้เกร็งตัวมากๆ จะทำให้เกิดเป็น “จุดกดเจ็บ” หรือ Trigger Point ซึ่งเป็นปมเล็กๆ ที่มีความไวต่อการกระตุ้น ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่สะดวก จึงเกิดอาการปวด ตึง เมื่อยล้า หรือปวดลึกๆ ในที่สุด
มักเกิดกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมหรือจ้องจอเป็นเวลานาน เพราะท่าทางที่ไม่ถูกต้องทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนและไหล่ถูกใช้งานหนักผิดปกติ จนเกิดอาการตึง ปวด หรือมีความรู้สึกหนักๆ ที่สะบัก
อาการสะบักจมมักเกิดกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ หรือมีท่าทางไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบสะบักทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่สังเกตได้ชัดเจนดังนี้
สาเหตุที่เกิดอาการสะบักจมมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยเฉพาะกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ หรือมีกิจกรรมประจำวันที่ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนและไหล่ทำงานหนัก สาเหตุหลักที่มักพบบ่อยๆ มีดังนี้
ท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหลักของสะบักจมในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ไหล่ห่อ หน้าอกค่อม หรือยืนหลังงอเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อ Serratus Anterior และ Trapezius ซึ่งทำหน้าที่ประคองสะบักทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ กล้ามเนื้อบางส่วนอ่อนแรง ในขณะที่บางส่วนตึง ทำให้สะบักเคลื่อนผิดรูป การยกของหนักด้วยท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ยกจากพื้นโดยไม่งอเข่า ก็เพิ่มแรงกดและเสี่ยงต่อการสะบักจม
กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อรอบสะบักซ้ำๆ เช่น การโยนของ การว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาอย่างเทนนิสหรือยกน้ำหนัก สามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถประคองสะบักได้เต็มที่ สะบักจึงเริ่มยื่นออกมาหรือจม การบาดเจ็บเล็กๆ ซ้ำๆ (Microtrauma) ก็สามารถสะสมจนทำให้เกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้
สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้สูงต่ำเกินไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่ำหรือสูงเกินไป คีย์บอร์ดและเมาส์ไม่อยู่ในระนาบที่สบาย ทำให้ร่างกายปรับตัวในท่าที่ตึงหรือบิดตัว กล้ามเนื้อรอบสะบักจึงทำงานหนักไม่สมดุล และหากทำซ้ำบ่อยๆ จะส่งผลให้สะบักเริ่มเคลื่อนตัวผิดรูป การทำงานในสภาพแวดล้อมแคบหรือจำกัดท่าทาง เช่น ขับรถนานๆ หรือทำงานในพื้นที่เล็ก ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการสะบักจม
กล้ามเนื้อหลังหรือไหล่อ่อนแรง โรคประจำตัวที่ส่งผลต่อระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวมาก หรือขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอที่จะประคองสะบัก นอกจากนี้ การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสมหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อสะบักและไหล่ตึง การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น การแบกของหนักหรือก้มหลังบ่อยๆ ก็สามารถเร่งให้สะบักจมเกิดได้เร็วขึ้น
สะบักจมมักเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทรอบสะบัก การสังเกตและทดสอบด้วยวิธีง่ายๆ จะช่วยให้รู้เกี่ยวกับอาการสะบักจมเบื้องต้นได้!
อาการสะบักจมเรื้อรังส่วนใหญ่สามารถปรับปรุงได้ด้วยการปรับท่าทางและออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อ แต่มีบางสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีปัญหากล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือกระดูกที่ซับซ้อนกว่า ดังนี้
หากอาการปวดรุนแรง ชา อ่อนแรง ขยับไม่ได้ บวม หรือไม่ดีขึ้นเอง ต้องไปพบแพทย์เพื่อประเมินและรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เอง เพราะอาจลุกลามและยากต่อการฟื้นฟู
อาการสะบักจมมักเกิดจากกล้ามเนื้อรอบสะบักอ่อนแรงหรือเกร็งผิดท่าทาง การแก้ไขต้องอาศัยทั้งการปรับท่าทาง การยืดและบริหารกล้ามเนื้อ รวมถึงดูแลพฤติกรรมการใช้ร่างกาย เพื่อให้สะบักกลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติและลดความเจ็บปวดอย่างยั่งยืน ดังนี้
การยืดเหยียดกล้ามเนื้อรอบสะบักเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยคลายความตึง เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยให้สะบักกลับสู่ตำแหน่งปกติ ทำได้ทั้งที่บ้านหรือที่ทำงาน ดังนี้
1. ท่า Wall Angels (ยืนพิงผนัง)
ท่า Wall Angels (ยืนพิงผนัง) ช่วยเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อสะบักกลาง–ล่าง และเปิดอก
วิธีทำ
2. ท่า Scapular Retraction (ดึงสะบักเข้าหากัน)
ท่า Scapular Retraction (ดึงสะบักเข้าหากัน) ช่วยเสริมกล้ามเนื้อกลางสะบัก ลดอาการสะบักจม
วิธีทำ
3. ท่า Doorway Stretch (ยืดอก)
ท่า Doorway Stretch (ยืดอก) ช่วยคลายกล้ามเนื้ออกที่ตึง ช่วยให้สะบักกลับมาที่ตำแหน่งถูกต้อง
วิธีทำ
4. ท่า Prone T/Y Raise (นอนคว่ำยกแขน)
ท่า Prone T/Y Raise (นอนคว่ำยกแขน) ช่วยเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อสะบักกลาง–ล่าง
วิธีทำ
5. ท่า Band Pull-Apart (ใช้สายยางยืด)
ท่า Band Pull-Apart (ใช้สายยางยืด) ช่วยเสริมกล้ามเนื้อหลังส่วนบนและกลาง
วิธีทำ
การป้องกันสะบักจมเน้นการดูแลท่าทาง การเคลื่อนไหว และการเสริมความแข็งแรงของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สะบักอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดความตึงและอาการปวด ดังนี้
สะบักจมแตกต่างจากอาการปวดหลังทั่วไปตรงที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของสะบัก (กระดูกสะบัก) โดยตรง ไม่ใช่แค่ความตึงหรือปวดของกล้ามเนื้อหลังเท่านั้น คนที่มีสะบักจมมักสังเกตเห็นสะบักยื่นออกมาหลังเวลายกแขนหรือทำกิจกรรมบางอย่าง
ขณะที่อาการปวดหลังทั่วไปมักเกิดจากกล้ามเนื้อเกร็ง กระดูกสันหลังเสื่อม หรือท่าทางที่ผิดปกติ และปวดเป็นบริเวณกว้าง โดยไม่เห็นความผิดปกติของกระดูกสะบักชัดเจน
แม้ทั้งสองอาการอาจทำให้รู้สึกเจ็บหลังหรือเคลื่อนไหวลำบาก แต่สะบักจมมีลักษณะเฉพาะคือการเคลื่อนที่ของสะบักผิดปกติและมักสัมพันธ์กับปัญหากล้ามเนื้อรอบสะบักโดยตรง ไม่ใช่ปัญหากล้ามเนื้อหลังทั่วไปเพียงอย่างเดียว
สะบักจมคืออาการปวดและความผิดปกติของกล้ามเนื้อรอบสะบัก โดยเฉพาะกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ มักเกิดจากท่าทางผิดสรีระ การใช้งานซ้ำ หรือสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้สะบักยื่นหรือจม ปวดหลังบน บ่า ไหล่ ตึงกล้ามเนื้อ และเคลื่อนไหวแขนลำบาก หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดต่อเนื่อง ชา อ่อนแรง หรือบวมแดง ควรพบแพทย์ วิธีแก้เน้นปรับท่าทาง ยืดและเสริมกล้ามเนื้อ ขยับร่างกายเป็นระยะ และผ่อนคลายความเครียด ส่วนการป้องกันทำได้ด้วยการปรับท่าทาง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยืดกล้ามเนื้อรอบสะบัก ขยับร่างกายเป็นระยะ และผ่อนคลายความเครียดจะช่วยลดการเกิดอาการสะบักจมได้
ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่มีความยืดหยุ่นในชีวิตและการทำงาน อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา เหมาะกับถนัดและความสนใจของคุณมาไว้ที่นี่แล้ว!
หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับสะบักจม ลองอ่านคำถามที่พบบ่อยต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจมากขึ้น!
โดยทั่วไปอาการสะบักจมไม่ค่อยหายเอง หากยังนั่งทำงานผิดท่าหรือใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ อาจยิ่งรุนแรงขึ้น การปรับท่าทางและออกกำลังกายช่วยได้มาก
การนวดช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและลดอาการปวดชั่วคราว แต่ไม่แก้ปัญหาต้นเหตุ การเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบสะบักควบคู่ไปด้วยจะได้ผลดีกว่า
ช่วยได้แน่นอน โดยเฉพาะท่ายืดเหยียดและเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อหลังและไหล่ ทำให้สะบักกลับสู่ตำแหน่งปกติและลดอาการปวด
ไม่ใช่ทุกคน แต่ถ้าอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นหลังปรับท่าทางและออกกำลังกาย การพบกายภาพบำบัดจะช่วยประเมินกล้ามเนื้อและออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคลได้