สะบักจมคืออะไร? เจ็บลึกๆ หลังทำงานหน้าคอมนานๆ ต้องดูแลอย่างไร

สะบักจมคืออะไร? เจ็บลึกๆ หลังทำงานหน้าคอมนานๆ ต้องดูแลอย่างไร
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 17 November, 2025
Share
  • สะบักจมคืออาการปวดหรือความผิดปกติของกล้ามเนื้อรอบสะบัก มักเกิดจากท่าทางผิดสรีระหรือการใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ทำให้สะบักยื่นหรือจม ปวดหลังบน บ่า และไหล่
  • อาการมักเห็นสะบักยื่นหรือจม ปวดตึงหลังบน บ่า ไหล่ เคลื่อนไหวแขนลำบาก กล้ามเนื้อรอบสะบักอ่อนแรง และบางรายมีเสียงสะบักเสียดสีกัน
  • วิธีเช็กว่าเป็นสะบักจมด้วยการสังเกตสะบักในกระจก ทดสอบยกแขนหรือ Wall Push-Up หากสะบักยื่นผิดปกติหรือเคลื่อนไหวติด อาจบ่งชี้ถึงอาการสะบักจม
  • แก้อาการสะบักจมด้วยการปรับท่าทางการนั่งและยืน ยืดเหยียดและเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบสะบัก ขยับร่างกายเป็นระยะ และผ่อนคลายความเครียดเพื่อบรรเทาอาการ

นั่งหน้าคอมนานๆ จ้องจอไม่หยุด อาจทำให้คุณเผลอเจออาการ “สะบักจม” แบบไม่รู้ตัว ปวดลึกๆ ตึงๆ ที่กลางหลังหรือไหล่จนทำงานต่อแทบไม่ไหว ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะถ้าปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นอาการเรื้อรังได้ มารู้ทันสาเหตุ อาการ พร้อมวิธีดูแลและป้องกันง่ายๆ ที่คนทำงานทุกคนควรรู้!

สะบักจมคืออะไร? อาการยอดฮิตของคนทำงานหน้าคอม

สะบักจมคืออะไร? อาการยอดฮิตของคนทำงานหน้าคอม

“สะบักจม” เป็นคำที่คนทั่วไปมักใช้เรียกอาการปวดบริเวณสะบักและรอบๆ สะบัก ซึ่งในทางการแพทย์มักถูกจัดอยู่ในกลุ่มอาการที่เรียกว่ากลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืดรอบสะบัก (Myofascial Pain Syndrome: MPS) หรือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูกชายโครง (Scapulocostal Syndrome: SCS)

เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อบริเวณรอบสะบักเกิดการตึงตัว หดเกร็ง และอักเสบเรื้อรัง จากการใช้งานซ้ำๆ หรืออยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้เกร็งตัวมากๆ จะทำให้เกิดเป็น “จุดกดเจ็บ” หรือ Trigger Point ซึ่งเป็นปมเล็กๆ ที่มีความไวต่อการกระตุ้น ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณนั้นไม่สะดวก จึงเกิดอาการปวด ตึง เมื่อยล้า หรือปวดลึกๆ ในที่สุด

มักเกิดกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมหรือจ้องจอเป็นเวลานาน เพราะท่าทางที่ไม่ถูกต้องทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนและไหล่ถูกใช้งานหนักผิดปกติ จนเกิดอาการตึง ปวด หรือมีความรู้สึกหนักๆ ที่สะบัก

สะบักจมอาการที่เจอได้บ่อย

สะบักจมอาการที่เจอได้บ่อย

อาการสะบักจมมักเกิดกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ หรือมีท่าทางไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อรอบสะบักทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่สังเกตได้ชัดเจนดังนี้

  • สะบักยื่นหรือจมผิดปกติ สะบักอาจดูโค้งหรือยื่นออกมาจากหลังมากกว่าปกติ เพราะกล้ามเนื้อรอบสะบักไม่สมดุล
  • ปวดหลังส่วนบน บ่า หรือไหล่ อาการปวดตึงเกิดจากกล้ามเนื้อหลังบนและบ่าต้องทำงานหนักตลอดเวลา
  • ตึงหรือเกร็งกล้ามเนื้อรอบสะบัก รู้สึกตึงหนักหรือแข็งบริเวณสะบัก โดยเฉพาะหลังจากนั่งทำงานนาน
  • เคลื่อนไหวแขนหรือไหล่ลำบาก การยกแขนหรือหมุนไหล่บางท่าอาจรู้สึกติดหรือเจ็บ
  • กล้ามเนื้อรอบสะบักอ่อนแรง ทำให้ยกของหรือพยุงแขนได้น้อยลง และอาจส่งผลต่อท่าทางโดยรวม
  • เสียงสะบักกระแทกหรือเสียดสีกัน (บางราย) บางคนอาจได้ยินเสียงดัง “กรอบแกรบ” เวลาขยับไหล่หรือหลังส่วนบน

สาเหตุของสะบักจมเกิดจากอะไรบ้าง?

สาเหตุที่เกิดอาการสะบักจมมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยเฉพาะกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ หรือมีกิจกรรมประจำวันที่ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนและไหล่ทำงานหนัก สาเหตุหลักที่มักพบบ่อยๆ มีดังนี้

ท่าทางการทำงานผิดสรีระ

ท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหลักของสะบักจมในชีวิตประจำวัน เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ไหล่ห่อ หน้าอกค่อม หรือยืนหลังงอเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อ Serratus Anterior และ Trapezius ซึ่งทำหน้าที่ประคองสะบักทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ กล้ามเนื้อบางส่วนอ่อนแรง ในขณะที่บางส่วนตึง ทำให้สะบักเคลื่อนผิดรูป การยกของหนักด้วยท่าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ยกจากพื้นโดยไม่งอเข่า ก็เพิ่มแรงกดและเสี่ยงต่อการสะบักจม

การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ (Overuse)

กิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อรอบสะบักซ้ำๆ เช่น การโยนของ การว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาอย่างเทนนิสหรือยกน้ำหนัก สามารถทำให้กล้ามเนื้อเกิดความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถประคองสะบักได้เต็มที่ สะบักจึงเริ่มยื่นออกมาหรือจม การบาดเจ็บเล็กๆ ซ้ำๆ (Microtrauma) ก็สามารถสะสมจนทำให้เกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นประสาทได้

สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย

สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้สูงต่ำเกินไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ต่ำหรือสูงเกินไป คีย์บอร์ดและเมาส์ไม่อยู่ในระนาบที่สบาย ทำให้ร่างกายปรับตัวในท่าที่ตึงหรือบิดตัว กล้ามเนื้อรอบสะบักจึงทำงานหนักไม่สมดุล และหากทำซ้ำบ่อยๆ จะส่งผลให้สะบักเริ่มเคลื่อนตัวผิดรูป การทำงานในสภาพแวดล้อมแคบหรือจำกัดท่าทาง เช่น ขับรถนานๆ หรือทำงานในพื้นที่เล็ก ก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการสะบักจม

ปัจจัยเสริมจากร่างกายและวิถีชีวิต

กล้ามเนื้อหลังหรือไหล่อ่อนแรง โรคประจำตัวที่ส่งผลต่อระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวมาก หรือขาดการออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอที่จะประคองสะบัก นอกจากนี้ การนอนในท่าที่ไม่เหมาะสมหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อสะบักและไหล่ตึง การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น การแบกของหนักหรือก้มหลังบ่อยๆ ก็สามารถเร่งให้สะบักจมเกิดได้เร็วขึ้น

เช็กให้ชัวร์ เป็นสะบักจมอยู่ไหม

เช็กให้ชัวร์ เป็นสะบักจมอยู่ไหม?

สะบักจมมักเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทรอบสะบัก การสังเกตและทดสอบด้วยวิธีง่ายๆ จะช่วยให้รู้เกี่ยวกับอาการสะบักจมเบื้องต้นได้!

  • สังเกตจากกระจก ยืนหันหลังเข้ากระจกหรือใช้กระจกมือ ตรวจดูสะบักทั้งสองข้าง หากสะบักยื่นออกมาหรือมีลักษณะ “ปีกสะบัก” ชัดเจนเมื่ออยู่ในท่าธรรมชาติหรือยกแขน แสดงว่ามีแนวโน้มของสะบักจม
  • ทดสอบยกแขน (Arm Raise Test) ยกแขนไปด้านหน้าและด้านข้างจนสุด หากสะบักด้านใดยื่นออกมาเด่นชัดหรือหมุนผิดปกติขณะยกแขน อาจบ่งชี้ถึงการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ Serratus Anterior หรือ Trapezius
  • ทดสอบ “Wall Push-Up” แบบง่าย ยืนห่างจากผนังประมาณแขนยาว วางมือบนผนังแล้วดันตัวเข้าหาผนัง หากสะบักด้านใดยื่นออกมาหรือ “ปีก” ชัดเจนเมื่อดัน แสดงถึงความผิดปกติของกล้ามเนื้อประคองสะบัก
  • เช็กอาการปวด ตึง สังเกตว่ามีอาการปวดหลังบนสะบัก ปวดไหล่ หรือรู้สึกตึงบริเวณรอบสะบักหรือไม่ อาการเหล่านี้มักมาพร้อมกับสะบักจม โดยเฉพาะหลังใช้งานแขนหนักๆ

อาการสะบักจมเรื้อรังแบบไหนต้องพบแพทย์

อาการสะบักจมเรื้อรังส่วนใหญ่สามารถปรับปรุงได้ด้วยการปรับท่าทางและออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อ แต่มีบางสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีปัญหากล้ามเนื้อ เส้นประสาท หรือกระดูกที่ซับซ้อนกว่า ดังนี้

  • ปวดรุนแรงหรือต่อเนื่อง ถ้าปวดสะบักหรือไหล่มากจนรบกวนการทำงานหรือการนอน และไม่ดีขึ้นหลังปรับท่าทางหรือยืดกล้ามเนื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อฉีกขาดหรือเอ็นอักเสบ
  • มีอาการชา อ่อนแรง หรือกล้ามเนื้ออ่อนตัว หากเกิดอาการชา รู้สึกเหมือนเข็มทิ่ม หรือแขนขาอ่อนแรง อาจบ่งชี้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท เช่น เส้นประสาทคอถูกกด
  • มีการเคลื่อนไหวจำกัดอย่างชัดเจน ถ้าไม่สามารถยกแขน หมุนไหล่ หรือเอื้อมมือได้ตามปกติ อาจมีปัญหาเอ็น กระดูก หรือข้อไหล่ที่ต้องรักษาโดยแพทย์
  • มีอาการบวม แดง ร้อน อาจบ่งชี้การอักเสบเฉียบพลันหรือการติดเชื้อ ซึ่งต้องพบแพทย์ทันที
  • อาการไม่ดีขึ้นหลังปรับท่าทางและออกกำลังกาย 2–4 สัปดาห์ หากลองปรับพฤติกรรมการนั่ง ยกของเบาๆ หรือยืดกล้ามเนื้อแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดเพื่อวินิจฉัย

หากอาการปวดรุนแรง ชา อ่อนแรง ขยับไม่ได้ บวม หรือไม่ดีขึ้นเอง ต้องไปพบแพทย์เพื่อประเมินและรักษาอย่างเหมาะสม ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เอง เพราะอาจลุกลามและยากต่อการฟื้นฟู

วิธีแก้สะบักจมด้วยตัวเอง

อาการสะบักจมมักเกิดจากกล้ามเนื้อรอบสะบักอ่อนแรงหรือเกร็งผิดท่าทาง การแก้ไขต้องอาศัยทั้งการปรับท่าทาง การยืดและบริหารกล้ามเนื้อ รวมถึงดูแลพฤติกรรมการใช้ร่างกาย เพื่อให้สะบักกลับมาอยู่ในตำแหน่งปกติและลดความเจ็บปวดอย่างยั่งยืน ดังนี้

  1. ปรับท่าทางการนั่งและยืน การรักษาท่าทางให้ถูกต้องเป็นขั้นแรกที่สำคัญ นั่งหลังตรง ไหล่ผ่อนลง และไม่ค่อมหรือยกไหล่ขึ้น ช่วยลดแรงกดบนสะบักและส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อหลังส่วนบนให้กลับมาแข็งแรง
  2. ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบสะบัก การฝึกกล้ามเนื้อรอบสะบัก เช่น การดึงสะบักเข้าหากันหรือทำ Wall Angels จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ Serratus Anterior และ Trapezius ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้สะบักไม่ยื่นออกมาด้านหลัง
  3. ยืดกล้ามเนื้อที่ตึง เช่น กล้ามเนื้ออกและไหล่ด้านหน้าสามารถดึงสะบักให้เคลื่อนออกไป การยืดกล้ามเนื้อเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อและลดแรงดึงที่ทำให้สะบักจม
  4. ขยับร่างกายเป็นระยะ การนั่งหรือจ้องหน้าจอคอมนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อหลังอ่อนแรงและสะบักยื่น ควรลุกขึ้นยืดแขนและหลังทุก 30–60 นาทีเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อและปรับท่าทางให้ถูกต้อง
  5. ปรับพฤติกรรมการทำงาน การจัดโต๊ะและจอคอมให้ระดับสายตาตรงกลาง และเลือกเก้าอี้ที่รองรับหลังส่วนล่างและหลังบน จะช่วยลดแรงกดบนสะบักและป้องกันไม่ให้สะบักจมเกิดซ้ำ
  6. ทำกายภาพบำบัด หากอาการสะบักจมรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น การปรึกษากายภาพบำบัดจะช่วยได้ เพราะนักกายภาพสามารถประเมินกล้ามเนื้อ วิเคราะห์สาเหตุ และออกแบบโปรแกรมฝึกเฉพาะสำหรับคุณ
  7. ผ่อนคลายความเครียดและกล้ามเนื้อ การคลายความเครียด เช่น การทำโยคะหรือการหายใจลึกๆ ช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อไหล่และหลัง การผ่อนคลายนี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบสะบักทำงานได้ดีขึ้นและป้องกันอาการสะบักจม

รวมท่ายืดเหยียดแก้อาการสะบักจม

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อรอบสะบักเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยคลายความตึง เพิ่มความยืดหยุ่น และช่วยให้สะบักกลับสู่ตำแหน่งปกติ ทำได้ทั้งที่บ้านหรือที่ทำงาน ดังนี้

ท่า Wall Angels

1. ท่า Wall Angels (ยืนพิงผนัง)

ท่า Wall Angels (ยืนพิงผนัง) ช่วยเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อสะบักกลาง–ล่าง และเปิดอก

วิธีทำ

  • ยืนพิงผนังหลังแนบ ต้นคอและสะบักติดผนัง
  • กางแขนขึ้นเป็นรูปตัว “W” ให้หลังแขนและข้อศอกแนบผนัง
  • ค่อยๆ ยกแขนขึ้นเป็น “Y” แล้วลงมาเป็น W ทำซ้ำ 10–15 ครั้ง


2. ท่า Scapular Retraction (ดึงสะบักเข้าหากัน)

ท่า Scapular Retraction (ดึงสะบักเข้าหากัน) ช่วยเสริมกล้ามเนื้อกลางสะบัก ลดอาการสะบักจม

วิธีทำ

  • นั่งหรือยืนหลังตรง
  • ดึงสะบักเข้าหากันเหมือนพยายาม “หนีบเหรียญ” ระหว่างสะบัก
  • ค้าง 5–10 วินาที แล้วคลาย ทำซ้ำ 10–15 ครั้ง

ท่า Doorway Stretch

3. ท่า Doorway Stretch (ยืดอก)

ท่า Doorway Stretch (ยืดอก) ช่วยคลายกล้ามเนื้ออกที่ตึง ช่วยให้สะบักกลับมาที่ตำแหน่งถูกต้อง

วิธีทำ

  • ยืนในประตู มือจับขอบประตูระดับไหล่
  • ก้าวขาไปข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมดันอกไปข้างหน้า
  • ค้าง 20–30 วินาที ทำ 2–3 ครั้ง


4. ท่า Prone T/Y Raise (นอนคว่ำยกแขน)

ท่า Prone T/Y Raise (นอนคว่ำยกแขน) ช่วยเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อสะบักกลาง–ล่าง

วิธีทำ

  • นอนคว่ำ มือวางข้างลำตัว
  • ยกแขนด้านข้างเป็นตัว “T” ค้าง 2–3 วินาที
  • ยกแขนเฉียงขึ้นเป็น “Y” ทำซ้ำ 10–12 ครั้ง

5. ท่า Band Pull-Apart (ใช้สายยางยืด)

ท่า Band Pull-Apart (ใช้สายยางยืด) ช่วยเสริมกล้ามเนื้อหลังส่วนบนและกลาง

วิธีทำ

  • ถือสายยางยืดหน้าตัว กางแขนออกด้านข้าง
  • ดึงสายให้แนบชิดหน้าอก โดยเก็บสะบักเข้าหากัน
  • ค่อยๆ คลาย ทำ 10–15 ครั้ง

วิธีป้องกันสะบักจม

การป้องกันสะบักจมเน้นการดูแลท่าทาง การเคลื่อนไหว และการเสริมความแข็งแรงของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สะบักอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ลดความตึงและอาการปวด ดังนี้

  • ปรับท่าทางการนั่งให้ถูกต้อง นั่งหลังตรง ไหล่ไม่ห่อ ปรับความสูงเก้าอี้และจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ช่วยลดแรงดึงสะบักไปข้างหน้าและลดโอกาสเกิดสะบักจม
  • ขยับร่างกายเป็นระยะ หลีกเลี่ยงการนั่งนิ่งนานๆ ควรลุกยืดตัวหรือเดินเบาๆ ทุก 30–60 นาที เพื่อลดความเกร็งของกล้ามเนื้อรอบสะบัก
  • เสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบสะบัก การฝึกกล้ามเนื้อหลังและไหล่ช่วยให้สะบักกลับสู่ตำแหน่งปกติ ลดอาการปวดและทำให้ท่าทางดีขึ้น
  • ยืดกล้ามเนื้อที่ตึง ยืดหน้าอก ไหล่ และหลังส่วนบนช่วยคลายแรงดึงสะบักไปข้างหน้า เพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการตึง
  • ปรับพฤติกรรมการทำงาน หลีกเลี่ยงการถือของหนักข้างเดียว ยกแขนเหนือศีรษะนานๆ หรือทำกิจกรรมซ้ำๆ ควรสลับท่าทางระหว่างวัน
  • ผ่อนคลายความเครียด ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อเกร็งง่าย การทำสมาธิ ฝึกหายใจลึก หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อช่วยลดแรงตึงบริเวณสะบัก
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายทั้งกล้ามเนื้อหลัง แกนกลางลำตัว และกล้ามเนื้อรอบไหล่เป็นประจำช่วยเสริมความแข็งแรง ป้องกันสะบักจมและทำให้ท่าทางดีขึ้นอย่างยั่งยืน

อาการสะบักจมกับอาการปวดหลังอื่นๆ แตกต่างกันอย่างไร?

สะบักจมแตกต่างจากอาการปวดหลังทั่วไปตรงที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของสะบัก (กระดูกสะบัก) โดยตรง ไม่ใช่แค่ความตึงหรือปวดของกล้ามเนื้อหลังเท่านั้น คนที่มีสะบักจมมักสังเกตเห็นสะบักยื่นออกมาหลังเวลายกแขนหรือทำกิจกรรมบางอย่าง

ขณะที่อาการปวดหลังทั่วไปมักเกิดจากกล้ามเนื้อเกร็ง กระดูกสันหลังเสื่อม หรือท่าทางที่ผิดปกติ และปวดเป็นบริเวณกว้าง โดยไม่เห็นความผิดปกติของกระดูกสะบักชัดเจน

แม้ทั้งสองอาการอาจทำให้รู้สึกเจ็บหลังหรือเคลื่อนไหวลำบาก แต่สะบักจมมีลักษณะเฉพาะคือการเคลื่อนที่ของสะบักผิดปกติและมักสัมพันธ์กับปัญหากล้ามเนื้อรอบสะบักโดยตรง ไม่ใช่ปัญหากล้ามเนื้อหลังทั่วไปเพียงอย่างเดียว

สรุป

สะบักจมคืออาการปวดและความผิดปกติของกล้ามเนื้อรอบสะบัก โดยเฉพาะกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมนานๆ มักเกิดจากท่าทางผิดสรีระ การใช้งานซ้ำ หรือสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้สะบักยื่นหรือจม ปวดหลังบน บ่า ไหล่ ตึงกล้ามเนื้อ และเคลื่อนไหวแขนลำบาก หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดต่อเนื่อง ชา อ่อนแรง หรือบวมแดง ควรพบแพทย์ วิธีแก้เน้นปรับท่าทาง ยืดและเสริมกล้ามเนื้อ ขยับร่างกายเป็นระยะ และผ่อนคลายความเครียด ส่วนการป้องกันทำได้ด้วยการปรับท่าทาง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ยืดกล้ามเนื้อรอบสะบัก ขยับร่างกายเป็นระยะ และผ่อนคลายความเครียดจะช่วยลดการเกิดอาการสะบักจมได้

ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่มีความยืดหยุ่นในชีวิตและการทำงาน อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา เหมาะกับถนัดและความสนใจของคุณมาไว้ที่นี่แล้ว!

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสะบักจม (FAQ)

หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับสะบักจม ลองอ่านคำถามที่พบบ่อยต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจมากขึ้น!

อาการสะบักจมจะหายเองได้ไหม ถ้าไม่รักษา?

โดยทั่วไปอาการสะบักจมไม่ค่อยหายเอง หากยังนั่งทำงานผิดท่าหรือใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ อาจยิ่งรุนแรงขึ้น การปรับท่าทางและออกกำลังกายช่วยได้มาก

เป็นสะบักจมนวดเองหายไหม?

การนวดช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและลดอาการปวดชั่วคราว แต่ไม่แก้ปัญหาต้นเหตุ การเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบสะบักควบคู่ไปด้วยจะได้ผลดีกว่า

ออกกำลังกายช่วยแก้อาการสะบักจมได้ไหม?

ช่วยได้แน่นอน โดยเฉพาะท่ายืดเหยียดและเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อหลังและไหล่ ทำให้สะบักกลับสู่ตำแหน่งปกติและลดอาการปวด

สะบักจมต้องทำกายภาพบำบัดไหม?

ไม่ใช่ทุกคน แต่ถ้าอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นหลังปรับท่าทางและออกกำลังกาย การพบกายภาพบำบัดจะช่วยประเมินกล้ามเนื้อและออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคลได้

More from this category: ความอยู่ดีมีสุขในที่ทำงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา