ตึงคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไร? สัญญาณเตือนออฟฟิศซินโดรมหรือโรคอื่น

ตึงคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไร? สัญญาณเตือนออฟฟิศซินโดรมหรือโรคอื่น
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 03 November, 2025
Share
  • สาเหตุการตึงคอ บ่า ไหล่ มักเกิดจากการนั่งทำงานท่าเดิมนานๆ ท่าทางไม่ถูกต้อง ความเครียดสะสม หรือการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยวข้องกับโรค เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือภาวะกระดูกคอเสื่อมได้เช่นกัน
  • กล้ามเนื้อตึง ออฟฟิศซินโดรม หรือเป็นโรคอื่นแยกอาการได้ดังนี้ กล้ามเนื้อตึงธรรมดามักดีขึ้นเมื่อพักหรือยืดเหยียด ส่วนออฟฟิศซินโดรมจะมีอาการซ้ำๆ เรื้อรังจากการทำงานต่อเนื่อง และถ้าเป็นโรคอื่นๆ มักมีอาการร่วม เช่น ชา แขนอ่อนแรง ปวดศีรษะรุนแรง หรือเวียนศีรษะร่วมด้วย

  • แนวทางรักษาการตึงคอ บ่า ไหล่เริ่มจากการปรับท่าทาง พักผ่อน และยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หากอาการไม่ดีขึ้นอาจใช้วิธีประคบร้อน–เย็น กินยาคลายกล้ามเนื้อ ทำกายภาพบำบัด หรือพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเฉพาะทางตามสาเหตุที่แท้จริง

  • วิธีป้องกันและดูแลอาการตึงคอ บ่า ไหล่ ได้ด้วยการนั่งทำงานให้ถูกหลักสรีรศาสตร์ ไม่อยู่ท่าเดิมนานเกินไป ควรลุกยืดเหยียดหรือเดินทุกชั่วโมง ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ดูแลสุขภาพโดยรวม และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เพิ่มความตึง เช่น ก้มเล่นมือถือเป็นเวลานาน

เหล่าพนักงานออฟฟิศคงเคยรู้สึกตึงๆ หรือเจ็บบริเวณคอ บ่า ไหล่ และมองว่าอาการเหล่านี้อาจดูเหมือนเรื่องเล็กและไม่ใส่ใจ แต่ถ้าปล่อยไว้อาจเป็นปัญหาสุขภาพในภายหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศซินโดรมจากพฤติกรรมการทำงาน ความเครียด หรืออาจเป็นสัญญาณของการเกิดโรคที่ควรรีบระวัง ในบทความนี้พาไปรู้จักกับสาเหตุของอาการตึงคอ บ่า ไหล่ พร้อมวิธีสังเกตและดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามจนเกินแก้ไข

สาเหตุอาการตึงคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

สาเหตุอาการตึงคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

อาการตึงคอ บ่า และไหล่ เป็นภาวะที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศหรือผู้ที่ใช้ร่างกายในท่าทางซ้ำๆ มักเกิดกับผู้ที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน คนที่ใช้มือถือบ่อย หรือแม้แต่ผู้ที่มีความเครียดสะสมก็สามารถเผชิญกับภาวะนี้ได้เช่นกัน ไปดูกันว่าสาเหตุหลักที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง!

ความเครียดและความวิตกกังวล

ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีผลต่อการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในช่วงที่เรานั่งทำงานหรือคิดมากโดยไม่รู้ตัว กล้ามเนื้อคอ บ่า และไหล่จะตึงแข็งขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยสะสม หากเครียดเรื้อรังนานๆ กล้ามเนื้ออาจไม่สามารถคลายตัวได้เต็มที่ จนทำให้เกิดความตึงเรื้อรังและส่งผลต่ออาการปวดศีรษะหรือไมเกรนร่วมด้วย

ท่าทางการนั่งและการทำงานที่ไม่ถูกต้อง

การนั่งผิดท่าถือเป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุด เช่น การนั่งหลังค่อม ก้มคอจ้องจอคอมพิวเตอร์ หรือโน้มตัวไปด้านหน้ามากเกินไป สิ่งเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนต้องทำงานหนักเพื่อพยุงร่างกาย ขณะเดียวกันกล้ามเนื้ออีกด้านกลับไม่ได้ใช้งานจนเกิดความไม่สมดุล เมื่อทำซ้ำๆ เป็นเวลานาน กล้ามเนื้อที่รับน้ำหนักจะเกิดการอักเสบหรือตึงตัว จนทำให้เกิดอาการเจ็บ ตึงคอ บ่า ไหล่ได้

การใช้กล้ามเนื้อหนักเกินไปหรือใช้งานซ้ำๆ

ไม่ว่าจะเป็นการยกของหนัก ออกแรงกะทันหัน หรือทำงานบ้านบางอย่าง เช่น ซักผ้า ถูบ้าน หรือแม้แต่การเล่นกีฬาบางชนิด ล้วนเป็นการใช้กล้ามเนื้อคอ บ่า และไหล่เกินกำลังได้ โดยเฉพาะในพนักงานออฟฟิศการใช้งานซ้ำๆ อย่างการพิมพ์งาน ใช้เมาส์ต่อเนื่อง หรือถือโทรศัพท์ข้างเดียวเป็นเวลานานๆ ก็ทำให้กล้ามเนื้อสะสมความล้าโดยที่เราไม่รู้ตัว ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บตึงตามมาในที่สุด

อาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

ออฟฟิศซินโดรมคือกลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานซ้ำๆ ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องหลายชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงตัวและอักเสบ อาการที่พบได้บ่อยคือปวดคอ บ่า ไหล่ และอาจร้าวไปที่หลังหรือแขน หากปล่อยไว้นานอาจพัฒนาไปสู่ภาวะรุนแรง เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือเส้นประสาทถูกกดทับ

โรคหรือภาวะทางสุขภาพ

ในบางกรณี อาการตึงคอ บ่า ไหล่ อาจไม่ได้มาจากพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากโรคหรือภาวะทางสุขภาพ เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง โรคข้ออักเสบ รวมไปถึงภาวะทางระบบประสาท เช่น ไมเกรน หรือเส้นประสาทถูกกดทับ การตรวจร่างกายโดยแพทย์จะช่วยแยกสาเหตุและเลือกการรักษาที่เหมาะสมได้

ปัจจัยอื่นๆ

ยังมีปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่ส่งผลให้อาการตึงคอ บ่า ไหล่เกิดขึ้นหรือรุนแรงขึ้นได้ เช่น การนอนหมอนที่สูงหรือต่ำเกินไป ทำให้คอไม่ได้อยู่ในแนวตรง การก้มดูมือถือเป็นเวลานานจนเกิด ‘อาการ Text Neck’ หรือแม้แต่การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เพิ่มภาระต่อกล้ามเนื้อและทำให้เกิดความตึงเรื้อรัง

เช็กให้ชัวร์! กล้ามเนื้อตึง ออฟฟิศซินโดรม หรือเป็นโรคอื่น?

เช็กให้ชัวร์! กล้ามเนื้อตึง ออฟฟิศซินโดรม หรือเป็นโรคอื่น?

เช็กให้ชัวร์! อาการตึงคอ บ่า ไหล่ อาจไม่ได้มีแค่สาเหตุเดียวเสมอไป บางครั้งอาจเป็นเพียงอาการเมื่อยล้าจากการใช้งานกล้ามเนื้อ แต่บางครั้งอาจบ่งบอกถึงภาวะออฟฟิศซินโดรม หรือแม้แต่โรคอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ การสังเกตอาการให้ชัดเจนจะช่วยให้ดูแลและรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น

อาการกล้ามเนื้อตึงธรรมดา

อาการตึงจากการใช้กล้ามเนื้อทั่วไปมักเกิดขึ้นหลังจากนั่งทำงานนาน ยกของหนัก หรือออกกำลังกายเกินกำลัง ลักษณะคือกล้ามเนื้อรู้สึกแข็งหรือตึงเล็กน้อย แต่เมื่อได้พัก ยืดเหยียด หรือประคบร้อนอาการก็มักจะดีขึ้นและไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก

อาการออฟฟิศซินโดรม

หากอาการตึงและปวดเกิดขึ้นซ้ำๆ เป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานที่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ หรือใช้มือถือบ่อยๆ จนกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ และหลังส่วนบนเกิดการอักเสบ อาจบ่งชี้ว่าเป็น “ออฟฟิศซินโดรม” อาการอาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการดูแล เช่น ปวดเรื้อรัง ร้าวไปแขน หรือปวดศีรษะร่วมด้วย

สัญญาณเตือนโรคอื่นที่อาจเกี่ยวข้อง

บางครั้งอาการตึงคอ บ่า ไหล่ อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ซ่อนอยู่ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม ข้ออักเสบ หรือไมเกรน ลักษณะคืออาการเจ็บปวดรุนแรงต่อเนื่อง ไม่ดีขึ้นแม้พักหรือยืดเหยียด และอาจมีอาการร่วม เช่น ชา แขนอ่อนแรง หรือเวียนศีรษะ หากพบอาการลักษณะนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

แนวทางการรักษาอาการตึงคอ บ่า ไหล่

แนวทางการรักษาอาการตึงคอ บ่า ไหล่

อาการตึงคอ บ่า ไหล่ แม้จะไม่ใช่เรื่องอันตรายร้ายแรงในทันที แต่หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและพัฒนาเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ แนวทางการรักษามีหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองเบื้องต้นไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์ โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • ปรับพฤติกรรมและท่าทาง นั่งทำงานให้หลังตรง ปรับจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา และไม่ก้มคอหรือยกไหล่โดยไม่รู้ตัว ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ เช่น ลุกขึ้นยืน เดิน ยืดเส้นยืดสายทุก 1 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อตึงสะสม

  • ออกกำลังกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เลือกการออกกำลังกายที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ พิลาทิส หรือการยืดเหยียดเบาๆ บริเวณคอ บ่า และไหล่ นอกจากนี้ การเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและไหล่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการตึงซ้ำ

  • ประคบร้อนหรือประคบเย็น การประคบร้อนช่วยให้กล้ามเนื้อคลาย ลดความตึงและเพิ่มการไหลเวียนเลือด ส่วนการประคบเย็นจะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดในช่วงที่เพิ่งเกิดอาการใหม่ๆ สามารถเลือกใช้ตามลักษณะอาการ

  • การใช้ยา หากอาการปวดรบกวนการใช้ชีวิต สามารถใช้ยาแก้ปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล หรือยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs และอาจใช้ยาคลายกล้ามเนื้อตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองติดต่อกันเป็นเวลานาน

  • ทำกายภาพบำบัด นักกายภาพบำบัดสามารถช่วยด้วยวิธีนวด ดัด ดึง หรือใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น อัลตราซาวนด์ความร้อน และเลเซอร์บำบัด เพื่อคลายกล้ามเนื้อและฟื้นฟูการทำงานของคอ บ่า และไหล่ รวมถึงแนะนำท่าบริหารเฉพาะบุคคล

  • การรักษาเฉพาะทาง หากตรวจพบว่าอาการตึงเกิดจากโรค เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท กระดูกคอเสื่อม หรือข้ออักเสบ อาจต้องรักษาด้วยการฉีดยาลดอักเสบ การทำหัตถการเฉพาะ หรือแม้แต่การผ่าตัดในบางกรณี ซึ่งต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

7 วิธีป้องกันและดูแลอาการตึงคอ บ่า ไหล่

อาการตึงคอ บ่า ไหล่สามารถป้องกันได้ หากเราใส่ใจพฤติกรรมการใช้ร่างกายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง การทำงาน หรือแม้แต่การพักผ่อน การปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงยืดหยุ่นมากขึ้น

  1. ปรับท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง นั่งหลังตรง ไหล่ผ่อนคลาย จัดจอคอมให้อยู่ระดับสายตา และให้เท้าวางราบกับพื้น

  2. หลีกเลี่ยงการอยู่ในท่าเดิมนานๆ ลุกเปลี่ยนอิริยาบถทุก 45–60 นาที เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง

  3. พักสายตาและลุกเดินระหว่างทำงาน มองออกไปไกลๆ ทุก 20 นาที และเดินยืดเหยียดสั้นๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อ

  4. ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เลือกท่าออกกำลังกายที่เน้นคอ บ่า และหลัง เช่น โยคะ พิลาทิส หรือเวทเบาๆ

  5. จัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม เช่น เลือกใช้เก้าอี้และโต๊ะทำงานที่เหมาะสม ใช้เก้าอี้ที่รองรับหลังได้ดี โต๊ะทำงานสูงพอดีกับแขน และแสงสว่างเพียงพอ

  6. ดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น จัดการความเครียด ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น เดินเล่น ทำสมาธิ ฟังเพลง หรือพักผ่อนให้เพียงพอ

  7. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อตึง เช่น การก้มเล่นมือถือเป็นเวลานาน การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว หรือการนอนหมอนที่สูงเกินไป

อาการตึงคอ บ่า ไหล่ แบบไหนที่ควรพบแพทย์

อาการตึงคอ บ่า ไหล่ ส่วนใหญ่สามารถบรรเทาได้ด้วยการพักหรือปรับพฤติกรรม แต่บางกรณีอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะที่รุนแรง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

  • อาการปวดรุนแรงหรือเรื้อรังนานเกิน 2–4 สัปดาห์ แม้พักหรือยืดเหยียดแล้วไม่ดีขึ้น

  • มีอาการร้าวลงแขน มือ หรือมีอาการชาร่วมด้วย

  • เคลื่อนไหวคอหรือไหล่ลำบาก ขยับแล้วเจ็บมาก

  • มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรือสายตาพร่า ร่วมกับอาการตึงคอ บ่า ไหล่

  • เคยได้รับอุบัติเหตุบริเวณคอ บ่า หรือไหล่ แล้วมีอาการปวดไม่ทุเลา

รวม 5 ท่ายืดเส้นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อเบื้องต้น

รวมท่ายืดเส้นและผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ชาวออฟฟิศ หรือผู้ที่มีอาการตึงคอ บ่า ไหล่ สามารถทำได้เองที่บ้านหรือที่ทำงาน ใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วยคลายความเกร็งและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี

ท่ายืดคอด้านข้าง

1.ท่ายืดคอด้านข้าง

  • นั่งหรือนั่งหลังตรง ผ่อนคลายไหล่

  • เอียงศีรษะไปด้านซ้าย โดยใช้มือซ้ายประคองศีรษะเบาๆ

  • จะรู้สึกตึงบริเวณกล้ามเนื้อคอด้านขวา ค้างไว้ 15–20 วินาที แล้วสลับข้าง

ท่าก้มคอยืดหลังคอ

2.ท่าก้มคอยืดหลังคอ

  • นั่งหลังตรง ประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะ

  • ค่อยๆ ก้มศีรษะไปด้านหน้า ดึงเบาๆ ด้วยแรงมือจนรู้สึกตึงบริเวณต้นคอและหลังคอ

  • ค้างไว้ 15–20 วินาที แล้วผ่อนคลาย

ท่าหมุนไหล่

3.ท่าหมุนไหล่

  • ยืนหลังตรง ยกแขนขึ้นให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวไหล่

  • หมุนแขนทั้งสองข้างไปด้านหลังเป็นวงกลมเล็กๆ จากนั้นค่อยๆ ขยายวงกลมให้กว้างขึ้น

  • ทำให้ครบ 10 ครั้ง

ท่ายืดไหล่ข้ามตัว

4.ท่ายืดไหล่ข้ามตัว

  • ยกแขนขวาขึ้นระดับไหล่ แล้วเหยียดตรงไปด้านซ้ายข้ามลำตัว

  • ใช้มือซ้ายกดแขนขวาเข้าหาลำตัวเบาๆ จะรู้สึกตึงบริเวณบ่าและไหล่

  • ค้างไว้ 15–20 วินาที แล้วสลับข้าง

ท่ายืดอกและไหล่

5.ท่ายืดอกและไหล่

  • ยืนหรือนั่งหลังตรง ประสานมือไว้ด้านหลังลำตัว

  • เหยียดแขนตรงและค่อยๆ ดันมือไปด้านหลัง พร้อมแอ่นอกขึ้นเล็กน้อย

  • รู้สึกตึงบริเวณหน้าอกและไหล่ ค้างไว้ 15–20 วินาที

สรุป

อาการตึงหรือปวดบริเวณคอ บ่า และไหล่ หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็ก แต่แท้จริงแล้วหากปล่อยไว้อาจลุกลามจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ ไม่ว่าจะเกิดจากพฤติกรรมการนั่งทำงานผิดท่า ความเครียดสะสม การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ ภาวะออฟฟิศซินโดรม หรือแม้แต่โรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและกล้ามเนื้อ การสังเกตอาการและทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงจึงสำคัญ เพราะจะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ตั้งแต่การปรับท่าทางการนั่ง ยืดเหยียด ออกกำลังกาย ไปจนถึงการทำกายภาพบำบัดหรือพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะตึงคอ บ่า ไหล่กลายเป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำวันและสุขภาพในระยะยาวได้

ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ชีวิตก้าวไปข้างหน้า และพาคุณเข้าใกล้เป้าหมายที่วางไว้มากขึ้น อย่าลืมหางานที่เหมาะกับคุณผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานคุณภาพจากหลายสาขาอาชีพไว้ในที่เดียว!

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการตึง คอ บ่า ไหล่ (FAQ)

หลายคนที่มีอาการตึงคอ บ่า ไหล่ อาจสงสัยว่าควรดูแลตนเองอย่างไร หรือเมื่อไรที่ต้องไปพบแพทย์ มาลองเช็กคำถามยอดฮิตและคำตอบกันเลย

อาการตึง คอ บ่า ไหล่ แบบไหนที่ควรไปพบแพทย์?

หากมีอาการเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ร่วมกับอาการชา แขนอ่อนแรง เวียนศีรษะ หรือปวดศีรษะรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

วิธีนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อเองที่บ้านทำอย่างไร?

สามารถใช้นิ้วกดคลึงเบาๆ บริเวณคอและบ่า หรือใช้ลูกเทนนิส โฟมโรลเลอร์กลิ้งไปตามจุดที่ตึง ประคบอุ่นร่วมด้วยจะช่วยให้เลือดไหลเวียนและลดความเกร็งของกล้ามเนื้อ

ถ้านั่งถูกท่าแล้วแต่ยังรู้สึกตึงอยู่ ควรทำอย่างไร?

แม้จะนั่งถูกท่า แต่ถ้าอยู่ท่าเดิมนานเกินไปก็ยังเสี่ยงตึงได้ ควรลุกยืดเส้นทุก 1 ชั่วโมง ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

หากไม่รักษาอาการตึงคอ บ่า ไหล่ ส่งผลอย่างไรในระยะยาว?

อาการอาจลุกลามเป็นออฟฟิศซินโดรม เกิดความเจ็บปวดเรื้อรัง หรืออาจพัฒนาเป็นปัญหาโครงสร้าง เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงและรักษายากขึ้น

More from this category: ความอยู่ดีมีสุขในที่ทำงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา