ทำงานแบบ Multitasking คืออะไร? เหมาะกับใคร เราควรทำงานแบบนี้ไหมนะ

ทำงานแบบ Multitasking คืออะไร? เหมาะกับใคร เราควรทำงานแบบนี้ไหมนะ
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 09 December, 2025
Share

  • Multitasking คือการทำหลายงานพร้อมกันหรือสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ เพื่อให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่สมองมนุษย์ไม่ได้โฟกัสหลายงานได้เต็มที่พร้อมกัน จึงอาจทำให้เกิดความผิดพลาดหรือความเหนื่อยล้า
  • ข้อดี Multitasking คือช่วยจัดการงานเล็กๆ หรือรอเวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และเหมาะกับงานที่ไม่ซับซ้อน ข้อจำกัด Multitasking คือสมองต้องสลับความสนใจบ่อย ทำให้คุณภาพงานลดลง เพิ่มความเครียด และอาจทำให้สมาธิสั้นหรือความจำระยะสั้นลดลง
  • สาเหตุที่บางคนไม่สามารถ Multitasking ได้ เพราะบางคนฝึกสมองให้ชินกับการสลับงาน หรือใช้เทคนิคการจัดการเวลาและลำดับความสำคัญ ทำให้สามารถรับมือกับงานหลายอย่างพร้อมกันได้โดยไม่เสียคุณภาพมากนัก
  • เทคนิคจัดการงานแทน Multitasking คือใช้วิธี Single-tasking, Time Blocking, Pomodoro, Eisenhower Matrix, Batching งานที่คล้ายกัน และพักสมองเป็นระยะ เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้โฟกัสงานสำคัญ ทำงานมีคุณภาพ และลดความเครียดจากการพยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน

เคยไหมที่เราพยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน หวังว่าจะเสร็จเร็วขึ้น แต่พอดูอีกที งานกลับออกมาไม่ดีเท่าที่ควร หรือรู้สึกว่ายุ่งกว่าเดิม? นั่นอาจเป็นกับดักของการทำงานแบบ Multitasking ที่หลายคนไม่รู้ตัว ในบทความนี้จะพาไปดูว่า Multitasking Skill คืออะไร ดีจริงหรือหลอกตัวเอง ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นได้จริงไหม และมีวิธีจัดการงานอย่างไรให้ไม่เสียทั้งเวลาและคุณภาพงาน!

Multitasking คืออะไร? สกิลยอดฮิตของคนทำงาน

Multitasking คืออะไร? สกิลยอดฮิตของคนทำงาน

Multitasking คือการทำหลายสิ่งพร้อมกันหรือสลับไปมาระหว่างงานอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสกิลยอดฮิตของคนทำงานยุคดิจิทัลที่ต้องรับมือกับข้อมูล ข่าวสาร และการสื่อสารหลายช่องทางในเวลาเดียวกัน ความคาดหวังเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพทำให้หลายคนเลือกทำงานแบบ Multitasking เพื่อรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้มากขึ้น แต่ในความจริงสมองมนุษย์ไม่สามารถโฟกัสหลายงานพร้อมกันได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการ “สลับงาน” ซึ่งทำให้สมองเหนื่อยง่าย ความจำระยะสั้นลดลง และคุณภาพงานอาจด้อยลงตามไปด้วย

นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ความเครียดสะสม การนอนหลับไม่เต็มที่ และประสิทธิภาพในการตัดสินใจลดลงในระยะยาว แม้ Multitasking จะดูเหมือนช่วยให้ทำงานทันเวลา แต่ก็อาจแลกมากับคุณภาพชีวิตและสุขภาพสมองที่แย่ลงโดยไม่รู้ตัว

ข้อดีและข้อเสียของ Multitasking

ข้อดีและข้อเสียของ Multitasking

แม้ว่า Multitasking Skill คือทักษะที่หลายคนใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงาน แต่การทำหลายสิ่งพร้อมกันก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ เพื่อให้เราเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ จนส่งผลเสียต่อคุณภาพงานและสุขภาพของตัวเอง

Multitasking ข้อดีมีอะไรบ้าง

การทำงานแบบ Multitasking ช่วยให้จัดการงานเล็กๆ ที่ไม่ซับซ้อนได้พร้อมกัน เช่น การฟังเพลงไปด้วยขณะทำงาน หรือรอตอบอีเมลระหว่างโหลดไฟล์ ทำให้รู้สึกว่าเวลาไม่ถูกเสียไปเปล่า นอกจากนี้ยังช่วยให้บางคนมีความตื่นตัวและกระตุ้นสมองให้ไม่เบื่อกับการทำงานแบบเดิมซ้ำๆ อีกทั้งยังเป็นทักษะที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลที่ต้องรับมือกับงานและข้อมูลหลายด้านพร้อมกัน

Multitasking ข้อเสียมีอะไรบ้าง

แม้จะดูเหมือนช่วยประหยัดเวลา แต่ในความเป็นจริงการทำงานแบบ Multitasking มักทำให้สมองต้องสลับโฟกัสบ่อยครั้ง ส่งผลให้เสียเวลาในการ “รีโฟกัส” และเพิ่มโอกาสเกิดความผิดพลาด งานที่ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์หรือความละเอียดสูงมักด้อยคุณภาพลงหากทำพร้อมกับงานอื่นๆ นอกจากนี้การฝืนทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันยังเพิ่มความเครียด ทำให้สมองล้า นอนหลับไม่สนิท และอาจลดประสิทธิภาพในการตัดสินใจได้ในระยะยาว

งานแบบไหนที่ไม่ควร Multitasking

ไม่ใช่งานทุกประเภทที่จะเหมาะกับการทำงานแบบ Multitasking โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้สมาธิหรือความละเอียดสูง เพราะการแบ่งความสนใจอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและคุณภาพงานลดลง งานที่ควรหลีกเลี่ยงการ Multitasking มีดังนี้

  • งานที่ต้องใช้สมาธิสูง (Deep Work) เช่น การเขียนรายงาน การวิเคราะห์ข้อมูล หรืองานวิจัย ที่ต้องโฟกัสต่อเนื่องจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
  • งานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานด้านการแพทย์ การขับรถ หรือการควบคุมเครื่องจักร ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจสร้างผลกระทบร้ายแรง
  • งานที่ต้องการความละเอียดแม่นยำ เช่น การตรวจเอกสาร การคำนวณทางการเงิน หรือการออกแบบทางวิศวกรรม ที่หากพลาดแม้แต่ตัวเลขเดียวก็อาจเสียหายใหญ่ได้
  • งานที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารสำคัญ เช่น การประชุม การนำเสนอ หรือการเจรจาธุรกิจ ที่ต้องให้ความใส่ใจเต็มร้อยเพื่อไม่ให้พลาดประเด็นสำคัญ
  • งานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น การออกแบบ เขียนคอนเทนต์ หรือการคิดแคมเปญใหม่ๆ ซึ่งต้องการสมาธิและการไหลลื่นของไอเดีย หากถูกรบกวนบ่อยอาจทำให้ความคิดสะดุดได้
วิธีทำงานแบบ Multitasking ให้มีประสิทธิภาพ

วิธีทำงานแบบ Multitasking ให้มีประสิทธิภาพ

การทำ Multitasking ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป หากจัดการอย่างมีระบบก็สามารถช่วยให้ทำงานได้หลายอย่างโดยไม่เสียคุณภาพ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อทำให้ Multitasking มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

  • แยกงานหลัก–งานรองให้ชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของงาน เลือกโฟกัสงานหลักก่อน แล้วค่อยทำงานรองที่ไม่ซับซ้อนควบคู่ไป
  • กำหนดเวลาสำหรับงานหลายอย่าง (Time-boxing) จัดช่วงเวลาเฉพาะสำหรับแต่ละงาน ลดการสลับไปมาบ่อยๆ ทำให้โฟกัสได้ดีขึ้น
  • ทำคู่กับงานอัตโนมัติหรือง่ายๆ เช่น ฟังพอดแคสต์ระหว่างออกกำลังกาย หรือรอต้มกาแฟระหว่างตอบอีเมล งานง่ายๆ จะไม่แย่งสมาธิจากงานหลัก
  • ใช้เทคนิค “Two-Minute Rule” ถ้างานใดใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ให้ทำเลย ไม่ต้องค้างไว้ จะช่วยลดภาระและความวุ่นวายจากงานเล็กๆ
  • ลดสิ่งรบกวนภายนอก ปิดการแจ้งเตือนมือถือ หรือจัดโต๊ะทำงานให้เรียบง่าย เพื่อลดโอกาสที่สมาธิจะหลุด
  • ทบทวนงานหลัง Multitasking ตรวจสอบความถูกต้องของงานที่ทำไป เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการแบ่งความสนใจ
  • พักสมองระหว่างงาน ใช้เทคนิค Pomodoro หรือหยุดพักสั้นๆ หลังจากโฟกัสหนักๆ จะช่วยให้สมองรีเฟรชและพร้อมทำงานต่อ
วิธีทำงานแบบ Multitasking ให้มีประสิทธิภาพ

7 เทคนิคจัดการงานแทน Multitasking

หลายคนติดนิสัย Multitasking เพราะคิดว่าจะช่วยให้ทำงานได้ไวขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาจทำให้สมองล้า งานผิดพลาด และเสียเวลาในการโฟกัสใหม่ วิธีแก้คือเปลี่ยนมาใช้เทคนิคการจัดการงานที่ช่วยให้ทำทีละอย่างได้ลึกและมีคุณภาพมากขึ้น โดยลอง 7 เทคนิคนี้

ใช้เทคนิค Time Blocking

การทำงานแบบ Time Blocking คือการแบ่งเวลาออกเป็นบล็อกชัดเจนตามประเภทงาน เช่น ช่วง 9.00–11.00 น. ใช้กับงานที่ต้องใช้สมาธิสูงอย่างการวิเคราะห์หรือเขียนรายงาน ส่วนช่วงบ่ายกำหนดไว้สำหรับการประชุมหรือการตอบอีเมล วิธีนี้ช่วยกันไม่ให้งานเล็กๆ หรือสิ่งรบกวนเข้ามาแทรกกลางจนทำให้เสียสมาธิ และยังทำให้เห็นภาพรวมว่าวันหนึ่งใช้เวลากับงานประเภทใดบ้าง

Pomodoro Technique (25/5 นาที)

เทคนิคนี้เหมาะกับคนที่สมาธิหลุดง่าย โดยให้ตั้งเวลาโฟกัสงาน 25 นาทีเต็มๆ จากนั้นพักสั้นๆ 5 นาที เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย เมื่อทำครบ 4 รอบค่อยพักยาวประมาณ 15–30 นาที วิธีนี้ช่วยให้การโฟกัสเป็นช่วงๆ ทำได้ง่ายขึ้น ไม่เหนื่อยจนเกินไป และช่วยลดความรู้สึกอยาก “สลับไปทำอย่างอื่น” ที่มักทำให้เกิด Multitasking

Eisenhower Matrix (สำคัญ-ด่วน)

เป็นวิธีจัดลำดับงานที่ทำให้ตัดสินใจได้ว่าอะไรควรทำก่อน โดยใช้ตาราง 2x2 แบ่งงานเป็น 4 ประเภท ได้แก่

  • สำคัญและด่วน ให้ทำทันที
  • สำคัญแต่ไม่ด่วน ให้วางแผนและจัดเวลา
  • ด่วนแต่ไม่สำคัญ ให้มอบหมายให้คนอื่นทำ
  • ไม่สำคัญและไม่ด่วน ให้ตัดออกไปเลย

การใช้ Matrix นี้ช่วยให้ไม่ต้องทำทุกอย่างพร้อมกัน และลดโอกาสเผลอทำงานไม่สำคัญจนเสียเวลา

Batching งานที่คล้ายกัน

Batching งานที่คล้ายกันคือการรวมงานประเภทเดียวกันไว้ทำพร้อมกัน เช่น ตอบอีเมลทั้งหมดใน 2 ช่วงเวลาต่อวัน แทนที่จะตอบตลอดทั้งวัน หรือเขียนคอนเทนต์หลายชิ้นในคราวเดียว การทำแบบนี้ช่วยลด “การสลับโหมดสมอง” ที่ทำให้เสียพลังงาน และทำให้การทำงานไหลลื่นต่อเนื่องมากกว่า Multitasking

Single-tasking + Do Not Disturb Mode

ตรงข้ามกับ Multitasking โดยสิ้นเชิง คือการเลือกทำงานเพียงหนึ่งอย่างในเวลานั้น พร้อมปิดสิ่งรบกวน เช่น ปิดการแจ้งเตือนมือถือ ปิดแท็บโซเชียล หรือใช้แอปโหมดห้ามรบกวน การ Single-Tasking ช่วยให้คุณภาพงานดีขึ้น เพราะสมองได้ใช้พลังงานทั้งหมดกับสิ่งเดียว

เขียน To-do List + 3 งานหลักต่อวัน

เริ่มต้นวันด้วยการเขียน To-do List แยกงานเล็ก-ใหญ่ จากนั้นเลือก 3 งานหลักที่สำคัญที่สุดมากำหนดเป็นเป้าหมายของวัน การมี “Top 3” ช่วยไม่ให้เผลอทำงานจุกจิกหลายอย่างพร้อมกันจนไม่ได้แตะงานหลัก การจดลิสต์ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ไม่ต้องจำทุกอย่างไว้เอง

พักสมองสั้นๆ เป็นระยะ

การโฟกัสยาวๆ โดยไม่พักอาจทำให้สมองล้าและเผลอหลุดไปทำอย่างอื่น การพักสั้นๆ เช่น ลุกเดิน ยืดเส้น หรือหายใจลึกๆ ระหว่างทำงาน ช่วยให้สมองรีเซตตัวเองและกลับมาโฟกัสได้ดีกว่าเดิม วิธีนี้ช่วยให้ไม่ต้องพึ่ง Multitasking เพื่อ “ฆ่าเวลา” ระหว่างที่สมองเหนื่อย

สรุป

Multitasking คือการทำหลายงานพร้อมกันหรือสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ เพื่อให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่แท้จริงแล้วสมองมนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาให้โฟกัสหลายงานในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสลับความสนใจซึ่งอาจทำให้งานผิดพลาด สมองเหนื่อยล้า และเพิ่มความเครียดได้ แม้ Multitasking จะมีข้อดี เช่น จัดการงานเล็กๆ ไปพร้อมกันหรือใช้เวลารอให้เกิดประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดโดยเฉพาะกับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง ความละเอียด หรือความคิดสร้างสรรค์ หากอยากทำงานให้มีคุณภาพมากขึ้น ควรใช้เทคนิคอย่าง Time Blocking, Pomodoro, Eisenhower Matrix หรือการ Single-tasking ควบคู่กับการพักสมองอย่างเหมาะสม เพื่อโฟกัสงานสำคัญได้ดียิ่งขึ้น

ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา หลากหลายสายอาชีพมาไว้เพื่อคุณ!

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Multitasking (FAQ)

หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับ Multitasking ลองอ่านคำถามที่พบบ่อยต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจมากขึ้น!

ทำอย่างไรให้ทำงานแบบ Multitask ได้ดี?

การทำงานแบบ Multitask ให้มีประสิทธิภาพควรเลือกงานที่ไม่ซับซ้อนหรือเป็นงานรอง ทำคู่กับงานหลัก ใช้เทคนิคแบ่งเวลา (Time-blocking) และพักสมองเป็นระยะ เพื่อลดความเหนื่อยล้าของสมองและลดข้อผิดพลาด

Multitasking Person คืออะไร?

Multitasking Person คือคนที่สามารถจัดการหลายงานหรือสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ ได้พร้อมกัน พวกเขามักมีทักษะในการแบ่งเวลา จัดลำดับความสำคัญ และปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงของงานได้เร็ว แม้บางครั้งสมองอาจเหนื่อยล้า แต่คนกลุ่มนี้มักรู้วิธีเลือกงานที่สามารถทำพร้อมกันได้โดยไม่เสียคุณภาพ

มีทักษะไหนบ้างที่ช่วยเสริม Multitasking 

ทักษะที่ช่วยเสริมได้ เช่น การวางแผนงาน (Planning) การจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) การโฟกัสและจัดการเวลา (Time Management) และความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของงานอย่างรวดเร็ว

Multitasking เหมาะกับคนที่มีสมาธิสั้นไหม?

สำหรับคนที่มีสมาธิสั้น การทำ Multitasking อาจทำให้เสียสมาธิและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย แนะนำให้ใช้เทคนิค Single-tasking แบ่งงานเป็นช่วงสั้นๆ และพักสมองบ่อยๆ จะช่วยให้จัดการงานหลายอย่างได้โดยไม่เครียดเกินไป

More from this category: ความอยู่ดีมีสุขในที่ทำงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา