เคยไหมที่เราพยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน หวังว่าจะเสร็จเร็วขึ้น แต่พอดูอีกที งานกลับออกมาไม่ดีเท่าที่ควร หรือรู้สึกว่ายุ่งกว่าเดิม? นั่นอาจเป็นกับดักของการทำงานแบบ Multitasking ที่หลายคนไม่รู้ตัว ในบทความนี้จะพาไปดูว่า Multitasking Skill คืออะไร ดีจริงหรือหลอกตัวเอง ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้นได้จริงไหม และมีวิธีจัดการงานอย่างไรให้ไม่เสียทั้งเวลาและคุณภาพงาน!
Multitasking คือการทำหลายสิ่งพร้อมกันหรือสลับไปมาระหว่างงานอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสกิลยอดฮิตของคนทำงานยุคดิจิทัลที่ต้องรับมือกับข้อมูล ข่าวสาร และการสื่อสารหลายช่องทางในเวลาเดียวกัน ความคาดหวังเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพทำให้หลายคนเลือกทำงานแบบ Multitasking เพื่อรู้สึกว่าตัวเองทำงานได้มากขึ้น แต่ในความจริงสมองมนุษย์ไม่สามารถโฟกัสหลายงานพร้อมกันได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือการ “สลับงาน” ซึ่งทำให้สมองเหนื่อยง่าย ความจำระยะสั้นลดลง และคุณภาพงานอาจด้อยลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ความเครียดสะสม การนอนหลับไม่เต็มที่ และประสิทธิภาพในการตัดสินใจลดลงในระยะยาว แม้ Multitasking จะดูเหมือนช่วยให้ทำงานทันเวลา แต่ก็อาจแลกมากับคุณภาพชีวิตและสุขภาพสมองที่แย่ลงโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่า Multitasking Skill คือทักษะที่หลายคนใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงาน แต่การทำหลายสิ่งพร้อมกันก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรรู้ เพื่อให้เราเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ จนส่งผลเสียต่อคุณภาพงานและสุขภาพของตัวเอง
การทำงานแบบ Multitasking ช่วยให้จัดการงานเล็กๆ ที่ไม่ซับซ้อนได้พร้อมกัน เช่น การฟังเพลงไปด้วยขณะทำงาน หรือรอตอบอีเมลระหว่างโหลดไฟล์ ทำให้รู้สึกว่าเวลาไม่ถูกเสียไปเปล่า นอกจากนี้ยังช่วยให้บางคนมีความตื่นตัวและกระตุ้นสมองให้ไม่เบื่อกับการทำงานแบบเดิมซ้ำๆ อีกทั้งยังเป็นทักษะที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัลที่ต้องรับมือกับงานและข้อมูลหลายด้านพร้อมกัน
แม้จะดูเหมือนช่วยประหยัดเวลา แต่ในความเป็นจริงการทำงานแบบ Multitasking มักทำให้สมองต้องสลับโฟกัสบ่อยครั้ง ส่งผลให้เสียเวลาในการ “รีโฟกัส” และเพิ่มโอกาสเกิดความผิดพลาด งานที่ต้องใช้ความคิดวิเคราะห์หรือความละเอียดสูงมักด้อยคุณภาพลงหากทำพร้อมกับงานอื่นๆ นอกจากนี้การฝืนทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันยังเพิ่มความเครียด ทำให้สมองล้า นอนหลับไม่สนิท และอาจลดประสิทธิภาพในการตัดสินใจได้ในระยะยาว
ไม่ใช่งานทุกประเภทที่จะเหมาะกับการทำงานแบบ Multitasking โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้สมาธิหรือความละเอียดสูง เพราะการแบ่งความสนใจอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและคุณภาพงานลดลง งานที่ควรหลีกเลี่ยงการ Multitasking มีดังนี้
การทำ Multitasking ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป หากจัดการอย่างมีระบบก็สามารถช่วยให้ทำงานได้หลายอย่างโดยไม่เสียคุณภาพ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อทำให้ Multitasking มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้
หลายคนติดนิสัย Multitasking เพราะคิดว่าจะช่วยให้ทำงานได้ไวขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาจทำให้สมองล้า งานผิดพลาด และเสียเวลาในการโฟกัสใหม่ วิธีแก้คือเปลี่ยนมาใช้เทคนิคการจัดการงานที่ช่วยให้ทำทีละอย่างได้ลึกและมีคุณภาพมากขึ้น โดยลอง 7 เทคนิคนี้
การทำงานแบบ Time Blocking คือการแบ่งเวลาออกเป็นบล็อกชัดเจนตามประเภทงาน เช่น ช่วง 9.00–11.00 น. ใช้กับงานที่ต้องใช้สมาธิสูงอย่างการวิเคราะห์หรือเขียนรายงาน ส่วนช่วงบ่ายกำหนดไว้สำหรับการประชุมหรือการตอบอีเมล วิธีนี้ช่วยกันไม่ให้งานเล็กๆ หรือสิ่งรบกวนเข้ามาแทรกกลางจนทำให้เสียสมาธิ และยังทำให้เห็นภาพรวมว่าวันหนึ่งใช้เวลากับงานประเภทใดบ้าง
เทคนิคนี้เหมาะกับคนที่สมาธิหลุดง่าย โดยให้ตั้งเวลาโฟกัสงาน 25 นาทีเต็มๆ จากนั้นพักสั้นๆ 5 นาที เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย เมื่อทำครบ 4 รอบค่อยพักยาวประมาณ 15–30 นาที วิธีนี้ช่วยให้การโฟกัสเป็นช่วงๆ ทำได้ง่ายขึ้น ไม่เหนื่อยจนเกินไป และช่วยลดความรู้สึกอยาก “สลับไปทำอย่างอื่น” ที่มักทำให้เกิด Multitasking
เป็นวิธีจัดลำดับงานที่ทำให้ตัดสินใจได้ว่าอะไรควรทำก่อน โดยใช้ตาราง 2x2 แบ่งงานเป็น 4 ประเภท ได้แก่
การใช้ Matrix นี้ช่วยให้ไม่ต้องทำทุกอย่างพร้อมกัน และลดโอกาสเผลอทำงานไม่สำคัญจนเสียเวลา
Batching งานที่คล้ายกันคือการรวมงานประเภทเดียวกันไว้ทำพร้อมกัน เช่น ตอบอีเมลทั้งหมดใน 2 ช่วงเวลาต่อวัน แทนที่จะตอบตลอดทั้งวัน หรือเขียนคอนเทนต์หลายชิ้นในคราวเดียว การทำแบบนี้ช่วยลด “การสลับโหมดสมอง” ที่ทำให้เสียพลังงาน และทำให้การทำงานไหลลื่นต่อเนื่องมากกว่า Multitasking
ตรงข้ามกับ Multitasking โดยสิ้นเชิง คือการเลือกทำงานเพียงหนึ่งอย่างในเวลานั้น พร้อมปิดสิ่งรบกวน เช่น ปิดการแจ้งเตือนมือถือ ปิดแท็บโซเชียล หรือใช้แอปโหมดห้ามรบกวน การ Single-Tasking ช่วยให้คุณภาพงานดีขึ้น เพราะสมองได้ใช้พลังงานทั้งหมดกับสิ่งเดียว
เริ่มต้นวันด้วยการเขียน To-do List แยกงานเล็ก-ใหญ่ จากนั้นเลือก 3 งานหลักที่สำคัญที่สุดมากำหนดเป็นเป้าหมายของวัน การมี “Top 3” ช่วยไม่ให้เผลอทำงานจุกจิกหลายอย่างพร้อมกันจนไม่ได้แตะงานหลัก การจดลิสต์ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ไม่ต้องจำทุกอย่างไว้เอง
การโฟกัสยาวๆ โดยไม่พักอาจทำให้สมองล้าและเผลอหลุดไปทำอย่างอื่น การพักสั้นๆ เช่น ลุกเดิน ยืดเส้น หรือหายใจลึกๆ ระหว่างทำงาน ช่วยให้สมองรีเซตตัวเองและกลับมาโฟกัสได้ดีกว่าเดิม วิธีนี้ช่วยให้ไม่ต้องพึ่ง Multitasking เพื่อ “ฆ่าเวลา” ระหว่างที่สมองเหนื่อย
Multitasking คือการทำหลายงานพร้อมกันหรือสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ เพื่อให้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่แท้จริงแล้วสมองมนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาให้โฟกัสหลายงานในเวลาเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือการสลับความสนใจซึ่งอาจทำให้งานผิดพลาด สมองเหนื่อยล้า และเพิ่มความเครียดได้ แม้ Multitasking จะมีข้อดี เช่น จัดการงานเล็กๆ ไปพร้อมกันหรือใช้เวลารอให้เกิดประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัดโดยเฉพาะกับงานที่ต้องใช้สมาธิสูง ความละเอียด หรือความคิดสร้างสรรค์ หากอยากทำงานให้มีคุณภาพมากขึ้น ควรใช้เทคนิคอย่าง Time Blocking, Pomodoro, Eisenhower Matrix หรือการ Single-tasking ควบคู่กับการพักสมองอย่างเหมาะสม เพื่อโฟกัสงานสำคัญได้ดียิ่งขึ้น
ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา หลากหลายสายอาชีพมาไว้เพื่อคุณ!
หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับ Multitasking ลองอ่านคำถามที่พบบ่อยต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจมากขึ้น!
การทำงานแบบ Multitask ให้มีประสิทธิภาพควรเลือกงานที่ไม่ซับซ้อนหรือเป็นงานรอง ทำคู่กับงานหลัก ใช้เทคนิคแบ่งเวลา (Time-blocking) และพักสมองเป็นระยะ เพื่อลดความเหนื่อยล้าของสมองและลดข้อผิดพลาด
Multitasking Person คือคนที่สามารถจัดการหลายงานหรือสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ ได้พร้อมกัน พวกเขามักมีทักษะในการแบ่งเวลา จัดลำดับความสำคัญ และปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงของงานได้เร็ว แม้บางครั้งสมองอาจเหนื่อยล้า แต่คนกลุ่มนี้มักรู้วิธีเลือกงานที่สามารถทำพร้อมกันได้โดยไม่เสียคุณภาพ
ทักษะที่ช่วยเสริมได้ เช่น การวางแผนงาน (Planning) การจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization) การโฟกัสและจัดการเวลา (Time Management) และความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของงานอย่างรวดเร็ว
สำหรับคนที่มีสมาธิสั้น การทำ Multitasking อาจทำให้เสียสมาธิและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย แนะนำให้ใช้เทคนิค Single-tasking แบ่งงานเป็นช่วงสั้นๆ และพักสมองบ่อยๆ จะช่วยให้จัดการงานหลายอย่างได้โดยไม่เครียดเกินไป