9 เทรนด์การทำงานในอนาคตสำหรับปี 2023

9 เทรนด์การทำงานในอนาคตสำหรับปี 2023
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 07 July, 2023
Share

เปิดศักราชใหม่ในปีกระต่ายน้อยแบบนี้ บรรดานายจ้างและหนุ่มสาวชาวออฟฟิศทั้งหลาย มีเป้าหมายอะไรกันเป็นพิเศษในปีนี้กันบ้างไหมในเรื่องของงาน? ตั้งใจไว้ว่าจะรันวงการไปในทิศทางไหน หรือใครที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ยังไม่มีอะไรให้ยึดโยง เน้นความตั้งใจอย่างเต็มที่เป็นสำคัญก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด

วันนี้ JobsDB เลยรวมเอาเทรนด์การทำงานที่น่าสนใจในปี 2023 มาฝากกัน เผื่อใครเจออะไรที่กำลังตามหาอยู่ ลองดูพวกเทรนด์เหล่านี้เป็นไกด์ไลน์ดูก่อนได้ว่ามีอะไร Fix กับคุณบ้าง ได้ไม่ได้เป็นเรื่องของอนาคต การลงมือทำต่างหากคือปัจจุบันที่สำคัญสุด

อัปเดต 9 เทรนด์การทำงานปี 2023!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วง 2-3 ปีที่โควิดอยู่กับเรานั้น ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ กระจายตัวไปเยี่ยมเยียนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก เรียกว่ารัดเข็มขัดประหยัดกันสุด ๆ ทั้งผู้บริโภคและเจ้าของธุรกิจ นอกจากนี้ระบบการทำงานต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไป องค์กรต่าง ๆ ปรับให้เวลาการทำงานยืดหยุ่น ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระลอกนั้น ยังหลงเหลือร่องรอยเอาไว้ในเทรนด์การทำงานในปีนี้แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

1.Quiet hiring

กลางปีที่แล้วในแวดวงองค์กร คำศัพท์นี้เรียกได้ว่ามาแรงกว่าใคร โดย Quiet hiring คือการให้คนทำงานทำมากกว่าบทบาทเดิมที่ได้รับ โดยไม่จ้างพนักงาน Full Time เข้ามาช่วย ว่ากันตรง ๆ คือเสมือนการบีบให้ออกทางอ้อม ใครทนได้ก็ทน หรือใครสามารถพัฒนาตัวเองให้โตไปในทางอื่นได้ ก็ไม่เป็นปัญหา ซึ่งวิธีนี้เริ่มเห็นมากขึ้นในช่วงหลังมานี้

2.Hybrid flexibility

เชื่อว่าคำนี้ได้ยินกันบ่อยขึ้นในช่วงหลัง ทั้งระบบการทำงานที่อาจจะไม่ต้องเข้าออฟฟิศเต็มรูปแบบ เข้าบ้างบางวัน ระยะเวลาการทำงานที่ไม่ Stick มากขึ้น งานเสร็จ กลับบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่โต๊ะทั้งวัน เน้นผลลัพธ์เป็นสำคัญ รวมถึงวันลาที่ให้อิสระมากขึ้นโดยไม่หักเงินเดือน

3. Managers need support

ระบบการทำงานในปัจจุบัน ค่อนข้างเอื้อประโยชน์ต่อกันมากขึ้น มุ่งเน้นความเป็นทีมเวิร์กกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหน เหนือกว่าใครหรือล่างกว่าใคร ทุกหน้าที่ต้องเกื้อกูลกัน เอื้อประโยชน์และซัพพอร์ตกัน รวมถึงต้องลดช่องว่างและความกดดันต่าง ๆ ออกให้มากที่สุด อย่างทีม Managers ก็ต้องการคนทำงานที่ใส่ใจวางรากฐานดีมาตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้การทำงานในขั้นตอนท้ายง่ายขึ้น

4. Pursuit of nontraditional candidates

เทรนด์นี้น่าสนใจสำหรับใครที่คิดจะเปลี่ยนสายงาน ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ มีทัศนคติเปิดกว้างในเรื่องนี้มากขึ้น ไม่จำเป็นที่คุณต้องจบหรือทำงานก่อนหน้ามาตรงสายกับสิ่งที่สมัคร ความคิด ทัศนคติและความสามารถคือสิ่งที่องค์กรมองว่า “สำคัญ” และนั่นคือสิ่งพิสูจน์ได้ว่าคุณทำงานตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้จริงไหม ประสบการณ์เดิมไม่ใช่ตัวชี้วัดที่สำคัญอีกต่อไป

5.Healing pandemic trauma

สุขภาพกายและใจของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งในสภาวะรอบโลกช่วงนี้มองไปทางไหนก็น่าหดหู่ไปหมด ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน สงคราม โรคระบาด ฯลฯ เรียกได้ว่ามีแต่เรื่องชวนเครียด ซึ่งหลาย ๆ องค์กรเข้าใจถึงปัญหาอาการป่วยใจเหล่านี้ดี จึงได้พยายามออกนโยบายต่าง ๆ ให้ลูกจ้างออกไปใช้ชีวิตพักผ่อน เติมเต็มแรงบันดาลใจมากขึ้น อย่างการเพิ่มวันลา เพิ่มงบให้กับงานอดิเรก หรือออกค่าใช้จ่ายในส่วนของสตรีมมิงและเอนเตอร์เมนต์ต่าง ๆ มากขึ้น ดูแลจิตใจกัน

6. Organizations bolster DEI

เริ่มต้นด้วยการอธิบายคำว่า DEI กันเป็นอันดับแรก โดยคำย่อนี้ประกอบไปด้วย Diversity (ความหลากหลาย), Equity (ความเท่าเทียม) and Inclusion (การอยู่ร่วมกัน) ซึ่งทั้งหมดสามเรื่องนี้เป็นสิ่งที่องค์กรใหม่ ๆ ให้ผลักดันและพยายามทำให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น อย่างการยอมรับความแตกต่างทางเพศอย่างไม่แบ่งแยก ทุกวิชาชีพไม่มีเรื่องเพศเป็นข้อจำกัด หากคุณมีความสามารถ รวมถึงการอยู่ร่วมกันแบบรับฟังความคิดเห็น

7.Collect data by technologies

จากความเชื่อที่มองคนทำงานเป็นมนุษย์มากขึ้น บริษัทต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับพนักงานมากขึ้น ด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ สถานภาพความเป็นอยู่ ครอบครัว ฯลฯ ผ่านระบบ AI หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อความเป็นส่วนตัว แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ ช่วยเหลือ แนะนำข้อมูลต่าง ๆ ให้พวกเขาแฮปปี้ที่จะทำงาน

8. Organizations use AI

การใช้ AI เก็บข้อมูลหรือช่วยสกรีนคนตั้งแต่การสมัครงาน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดีตรงที่คนค่าใช้จ่ายเรื่องคน ประหยัดเวลา สะดวกง่าย แต่เสียตรงที่ว่าบางครั้ง AI ก็เถรตรงเกินไป อาจจะทำให้คุณเสียโอกาสจ้างพนักงานที่มีความสามารถผ่านการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น นอกจากนี้การใช้ AI ในระบบการทำงานที่มากขึ้น หลาย ๆ คนยังค่อนข้าง Concern ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล กลัวไม่ปลอดภัยจริง ๆ

9. Gen Z skills gaps reveal

เทรนด์ร้อนแรงของการทำงานในช่วงนี้ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ช่องว่างระหว่าง Gen ที่ทุกองค์ต้องพบเจอ โดยเฉพาะการทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ เอาจริง ๆ การจัดการเรื่องนี้ให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์นั้นบอกเลยว่าไม่มีคำตอบที่ตายตัว เน้นความเข้าใจกึ่งทำใจ ถือเป็นศิลปะการสื่อสารเฉพาะบุคคล เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ทุกคนในองค์กรต้องพบเจอ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน หนีไม่พ้นแน่นอน

จากข้อมูลด้านบนจะเห็นได้ว่าการทำงานในยุคนี้ เทคโนโลยีล้วนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น คุณเองไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทไหน ทั้งคนทำงานหรือผู้ว่าจ้าง ต่างก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและพัฒนาตัวเองให้ทันโลกอยู่เสมอ พอจะเรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็ทำ แต่ถ้าทำแล้วไม่ใช่ ก็อย่าฝืน เปลี่ยน หาสิ่งที่เหมาะกับเราไปได้เรื่อย ๆ

ตราบใดที่โลกยังไม่หยุดหมุน คุณเองก็อย่าหยุดเรียนรู้

ติดตามทุกเทรนด์ข่าวสารน่าสนใจ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับแวดวงการทำงานได้แล้ววันนี้ ที่ JobsDB แพลตฟอร์มหางานอันดับหนึ่งในไทย หาคนตรงงาน หางานตรงใจ

More from this category: งานแรก

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สำรวจหัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เลือกสิ่งที่สนใจเพื่อเรียกดูอาชีพที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
เพียงคลิก 'สมัครสมาชิก' เพื่อยอมรับ คำชี้แจงสิทธิ์ส่วนบุคคลของ Jobsdb โดยคุณสามารถยกเลิกอีเมลเมื่อใดก็ได้
สงวนลิขสิทธิ์ 1998-2024 โดย บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด