Upskill และ Reskill คืออะไร ต่างกันอย่างไร รู้ก่อนพัฒนาอาชีพให้ยั่งยืน
- Upskill คือการพัฒนาทักษะที่มีอยู่แล้วให้เก่งขึ้น เพื่อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ การ Upskill ช่วยให้คนทำงานเพิ่มโอกาสก้าวหน้าและรักษาความสามารถแข่งขันในสายอาชีพ
- Reskill คือการเรียนรู้ทักษะใหม่เพื่อตอบโจทย์งานหรือสายอาชีพใหม่ ช่วยให้คนทำงานสามารถเปลี่ยนสายงาน ปรับตัวกับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลง และสร้างความมั่นคงในอาชีพ
- เริ่มต้น Upskill และ Reskill ด้วยการเริ่มจากประเมินทักษะปัจจุบัน กำหนดเป้าหมาย เลือกทักษะที่สำคัญและตรงตลาด วางแผนเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติจริง สร้างเครือข่าย และประเมินความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
- สายงานมาแรงที่ควรเตรียม Upskill และ Reskill ได้แก่ Data, UX/UI Design, Coding & Software Development, Digital Marketing, AI & Machine Learning และ Cybersecurity การพัฒนาทักษะเหล่านี้ช่วยให้คนทำงานปรับตัวทันเทคโนโลยี เพิ่มโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ และตอบโจทย์ความต้องการตลาดแรงงานยุคดิจิทัล
ในยุคที่โลกการทำงานเปลี่ยนเร็วและทักษะที่เคยมีอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การรู้จัก Upskill และ Reskill จึงไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดและเติบโตในสายอาชีพ บทความนี้พาไปรู้จักแนวทางพัฒนาตัวเอง และวางแผนก้าวต่อไปในอาชีพอย่างมั่นใจ!
Upskill และ Reskill คืออะไร?
Upskill และ Reskill คือแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะเพื่อปรับตัวกับการทำงานและการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน โดยความนิยามความของคำว่า Reskill และ Upskill ดังนี้
Upskill คือการเพิ่มพูนหรือพัฒนาทักษะที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในสายงานเดิม เช่น พนักงานบัญชีที่เรียนรู้การใช้โปรแกรมบัญชีใหม่ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ที่อัปเดตความรู้เรื่อง SEO และโซเชียลมีเดีย
Reskill คือการเรียนรู้ทักษะใหม่ทั้งหมดเพื่อเปลี่ยนไปทำงานในสายอาชีพหรือบทบาทใหม่ ช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน เช่น พนักงานโรงงานที่เรียนรู้ทักษะด้าน Data Analysis เพื่อไปทำงานสาย IT หรือครูที่เคยสอนวิชาคณิตศาสตร์เรียนรู้การพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อเปลี่ยนสายงาน
ทั้งสองแนวคิดนี้มีความแตกต่างกันตรงที่ Upskill มุ่งเน้นการต่อยอดทักษะเดิมให้เก่งขึ้น ส่วน Reskill เน้นการเรียนรู้ใหม่เพื่อเปลี่ยนทิศทางอาชีพ ทำให้ทั้งสองแนวทางเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาตนเองและสร้างความยืดหยุ่นในสายอาชีพ
ทำไม Upskill และ Reskill ถึงสำคัญกับคนทำงาน
ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและตลาดงานมีการแข่งขันสูง การ Upskill และ Reskill คือสิ่งสำคัญสำหรับคนทำงาน เพราะช่วยให้สามารถปรับตัว เติบโต และรักษาความมั่นคงในอาชีพได้
- เทคโนโลยีและงานเปลี่ยนเร็ว การพัฒนาทักษะช่วยให้ตามทันเทคโนโลยีใหม่และวิธีทำงานที่เปลี่ยนไป
- เพิ่มโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ ทักษะใหม่หรือทักษะที่เก่งขึ้นทำให้มีโอกาสเลื่อนตำแหน่งหรือรับบทบาทสำคัญ
- เพิ่มความมั่นคงในอาชีพ การมีทักษะหลากหลายช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแทนที่หรือตกงาน
- ตอบสนองความต้องการของตลาดงาน การอัปเดตหรือเปลี่ยนทักษะตรงกับความต้องการของนายจ้างทำให้โอกาสหางานสูงขึ้น
- พัฒนาความสามารถและความมั่นใจตัวเอง การเรียนรู้และปรับตัวช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานและการแก้ปัญหา
6 วิธีเริ่มต้น Upskill และ Reskill
การเริ่มต้น Upskill และ Reskill อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากการวางแผนและดำเนินการเป็นขั้นตอน เพื่อให้การพัฒนาทักษะตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายอาชีพและความต้องการของตลาด
1. ประเมินทักษะปัจจุบันและเป้าหมาย
ก่อนเริ่มพัฒนาทักษะ ควรทำการวิเคราะห์ตัวเองว่าทักษะใดที่คุณถนัดอยู่แล้วและทักษะใดที่ต้องปรับปรุง นอกจากนี้ต้องกำหนดเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว ของอาชีพ เช่น ต้องการเลื่อนตำแหน่ง เปลี่ยนสายงาน หรือเพิ่มความสามารถด้านเทคโนโลยี การประเมินนี้ช่วยให้รู้ว่าต้องพัฒนาอะไรและจะเริ่มจากตรงไหน
2. เลือกทักษะที่สำคัญและตรงตลาด
ไม่ใช่ทักษะทุกอย่างที่มีค่าเท่ากัน การเลือกทักษะที่ตลาดงานต้องการ หรือมีแนวโน้มเติบโตสูง จะช่วยให้การลงทุนเวลาและพลังงานคุ้มค่า เช่น การเรียนรู้ด้าน Data Analysis, AI การตลาดดิจิทัล หรือ Soft Skills เช่น การสื่อสารและการจัดการทีม การเลือกทักษะที่ตรงกับตลาดทำให้โอกาสในการก้าวหน้าและหางานใหม่เพิ่มขึ้น
3. วางแผนการเรียนรู้
เมื่อรู้ทักษะที่ต้องพัฒนาแล้ว ต้องสร้างแผนเรียนรู้ที่ชัดเจน กำหนดวิธีการเรียน เช่น คอร์สออนไลน์ เวิร์กชอป การอ่านหนังสือ หรือเรียนรู้จากงานจริง พร้อมตั้งเวลาฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ แผนที่ดีช่วยให้ไม่เสียเวลาและสามารถติดตามความคืบหน้าได้
4. ลงมือเรียนและฝึกฝนจริง
การเรียนรู้ต้องควบคู่กับการปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดความเข้าใจและทักษะสามารถใช้งานได้จริง ลองนำสิ่งที่เรียนมาทดลองทำงานจริง ทำโปรเจกต์จำลอง หรือช่วยงานเพื่อนร่วมทีม การฝึกซ้ำและแก้ไขข้อผิดพลาดช่วยสร้างความชำนาญและมั่นใจ
5. สร้างเครือข่ายและอัปเดตความรู้
การพัฒนาตัวเองไม่ควรทำคนเดียว ควรเข้าร่วมชุมชนอาชีพ กลุ่มออนไลน์ งานสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทรนด์ใหม่ๆ การมีเครือข่ายช่วยให้ได้รับคำแนะนำ เปิดโอกาสใหม่ๆ และรู้ว่าทักษะใดกำลังเป็นที่ต้องการ
6. ประเมินความก้าวหน้าและปรับปรุง
หลังจากเรียนรู้และฝึกฝนแล้ว ต้องประเมินผลอย่างสม่ำเสมอว่าทักษะที่ได้มาใช้ได้จริงหรือยัง มีส่วนใดที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หรือมีทักษะใหม่ที่ควรพัฒนาเพิ่มเติม การติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องช่วยให้ Upskill และ Reskill มีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างความก้าวหน้าในอาชีพได้จริง
คอร์สเรียนออนไลน์ยอดนิยมในยุคดิจิทัล
ในยุคดิจิทัล การเรียนออนไลน์เป็นวิธีพัฒนาทักษะได้สะดวกและยืดหยุ่น หลายแพลตฟอร์มมีคอร์สที่ตอบโจทย์ทั้งสายงานเทคโนโลยี ธุรกิจ และ Soft Skills
- FutureSkill แพลตฟอร์มไทยที่เน้นทักษะอนาคต เช่น Digital Transformation, AI, Data Science และการพัฒนาความคิดเชิงวิเคราะห์
- Skooldio คอร์สออนไลน์สายเทคโนโลยีและธุรกิจ เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ เช่น Web Development, Data Analytics, Product Management
- DSD Online Training แพลตฟอร์มของไทยที่เน้นการอบรมวิชาชีพเฉพาะด้าน เช่น โปรแกรม, การตลาดดิจิทัล, การบริหารงาน
- Chula MOOC คอร์สออนไลน์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครอบคลุมทั้งวิชาเทคนิค วิชาชีพ และพัฒนาตนเอง พร้อมรับประกาศนียบัตร
- Coursera แพลตฟอร์มระดับโลก มีคอร์สจากมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำ ครอบคลุมทุกสายงาน และสามารถรับใบประกาศนียบัตรหรือเรียนต่อเชิงวิชาการ
- Udemy แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์หลากหลาย เน้นการเรียนรู้ตามความสนใจ เรียนได้ทั้งสายเทคนิค ธุรกิจ และการพัฒนาตนเอง
- LinkedIn Learning คอร์สออนไลน์เชิงอาชีพ เน้นพัฒนาทักษะสำหรับการทำงาน เช่น Leadership, Project Management การสื่อสาร และเทคโนโลยี
รวมสายงานที่มาแรง เตรียม Upskill & Reskill ให้พร้อม
ในยุคดิจิทัล หลายสายงานกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากทั้งโอกาสก้าวหน้า เงินเดือนสูง และความสามารถในการทำงานแบบยืดหยุ่น การเตรียมตัว Upskill และ Reskill ในสายงานเหล่านี้จึงสำคัญต่อความก้าวหน้าและความมั่นคงในอาชีพ
Data
สายงานด้าน Data ครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst) การสร้างโมเดลเชิงพยากรณ์ (Data Scientist) และการจัดการโครงสร้างข้อมูล (Data Engineer) การ Upskill ในด้านการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล ภาษาโปรแกรมเช่น Python หรือ R และการทำ Data Visualization จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญในสายงานนี้มีคุณค่าและสามารถปรับตัวตามความต้องการขององค์กร
UX/UI Design
งาน UX/UI Design มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ดีและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย การ Reskill และ Upskill เช่น การเรียนรู้เครื่องมือออกแบบใหม่ๆ (Figma, Adobe XD) การทำ User Research และการปรับปรุง Design Thinking จะช่วยให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Coding และ Software Development
สาย Coding และ Software Development ต้องพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านภาษาโปรแกรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Python, JavaScript, Cloud Computing และ Framework ยอดนิยม การ Upskill ในเทคโนโลยีล่าสุดและ Reskill เพื่อตอบโจทย์งานใหม่ๆ จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถสร้างซอฟต์แวร์คุณภาพสูงและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้
AI และ Machine Learning
สาย AI และ Machine Learning กำลังเป็นที่ต้องการสูง เพราะหลายองค์กรนำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การ Upskill และ Reskill เช่น การเรียนรู้โมเดล Machine Learning, Deep Learning การประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และการประยุกต์ใช้ AI กับงานจริง จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถสร้างโซลูชันที่มีมูลค่าสูง
Digital Marketing และ Social Media Marketing
งานด้าน Digital Marketing ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ เครื่องมือโฆษณาดิจิทัล และการวิเคราะห์ผลแคมเปญ การ Upskill เช่น การเรียนรู้ SEO หรือ Content Marketing และ Social Media Analytics จะช่วยให้สามารถออกแบบกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ธุรกิจและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้
Cybersecurity
สายงาน Cybersecurity เน้นการปกป้องข้อมูลและระบบจากภัยคุกคามไซเบอร์ การ Upskill และ Reskill เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยี Security Tools การวิเคราะห์ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
ในยุคดิจิทัลการพัฒนาทักษะด้วย Upskill และ Reskill เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนทำงาน เพื่อให้ตามทันเทคโนโลยี ปรับตัวกับตลาดแรงงาน และสร้างโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ การ Upskill คือการพัฒนาทักษะเดิมให้เก่งขึ้น ส่วน Reskill คือการเรียนรู้ทักษะใหม่เพื่อตอบโจทย์งานหรือสายอาชีพใหม่
การเริ่มต้นควรประเมินทักษะปัจจุบัน เลือกทักษะที่ตรงตลาด วางแผนการเรียน ฝึกปฏิบัติจริง สร้างเครือข่าย และประเมินผลอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการเรียนคอร์สออนไลน์ เช่น FutureSkill, Skooldio เป็นต้น สำหรับสายงานมาแรงที่ควรเตรียม Upskill & Reskill ได้แก่ Data, UX/UI Design, Coding & Software Development, Digital Marketing, AI & Machine Learning และ Cybersecurity ซึ่งการพัฒนาทักษะเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคง ก้าวหน้า และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดงานได้อย่างแท้จริง
หากคุณกำลังเตรียมตัว Upskill และ Reskill เพื่อต่อยอดสู่ความก้าวหน้าในสายอาชีพและบรรลุเป้าหมาย อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา ให้คุณได้พบกับโอกาสใหม่ที่ใช่สำหรับคุณที่สุด!
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- แนะนำ 10 ประโยคพรีเซนต์งานภาษาอังกฤษ ที่ใช้แล้วเป๊ะ เป็นธรรมชาติ
- สูตร Excel เบื้องต้น เพื่อความสะดวกในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล
- รวม 25 AI Tools เครื่องมืออัจฉริยะ ตัวช่วยทำงาน ที่ชาวออฟฟิศควรรู้!
- ทักษะ Soft Skills คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อการทำงานในยุคปัจจุบัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Upskill Reskill (FAQ)
หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับ Upskill และ Reskill ลองอ่านคำถามที่พบบ่อยต่อไปนี้เพื่อความเข้าใจมากขึ้น!
Upskill และ Reskill ช่วยให้ได้งานใหม่จริงไหม?
การพัฒนาทักษะทั้งสองรูปแบบช่วยเพิ่มความสามารถและความน่าสนใจต่อผู้ว่าจ้าง โดยเฉพาะทักษะที่ตลาดงานต้องการ จะช่วยให้คุณมีโอกาสได้งานใหม่หรือก้าวหน้าในอาชีพมากขึ้น
สำหรับคนไม่มีพื้นฐาน ควรเริ่มเรียนอะไรดี?
ควรเริ่มจากทักษะพื้นฐานที่สอดคล้องกับความสนใจและแนวทางอาชีพ เช่น ภาษาโปรแกรมเบื้องต้น การวิเคราะห์ข้อมูล หรือทักษะดิจิทัลเบื้องต้น จากนั้นค่อยต่อยอดไปสู่ทักษะขั้นสูง
เรียนออนไลน์มีน้ำหนักแค่ไหนต่อการพัฒนาอาชีพ?
คอร์สออนไลน์ช่วยให้เรียนรู้ได้สะดวกและยืดหยุ่น แต่คุณควรฝึกปฏิบัติจริงควบคู่ไปด้วย การมีใบประกาศนียบัตรจากแพลตฟอร์มชื่อดังยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในสายงาน
บริษัทสนับสนุน Reskill อย่างไรได้บ้าง?
บริษัทสามารถสนับสนุนได้หลายวิธี เช่น จัดคอร์สฝึกอบรมภายในหรือออนไลน์ ให้เวลาพนักงานเรียนรู้ทักษะใหม่ จัดงบสนับสนุนการเรียน หรือสร้างโครงการพัฒนาพนักงานเพื่อ Reskill ให้ตรงกับความต้องการธุรกิจ
