Key Takeaway
อินโฟกราฟิก คือเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลที่มีความซับซ้อนหรือจำนวนมากให้เข้าใจง่ายขึ้นผ่านการนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุกๆ ด้าน
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับอินโฟกราฟิกให้มากยิ่งขึ้นแบบเจาะลึก ตั้งแต่ความสำคัญ ประโยชน์ ไปจนถึงแนวทางการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้การสื่อสารข้อมูลของคุณเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
อินโฟกราฟิก (Infographic) คือการออกแบบข้อมูลให้ง่ายต่อการเข้าใจ โดยใช้ภาพ แผนภูมิ กราฟ ไอคอน แผนที่ สี หรือองค์ประกอบกราฟิกอื่นๆ ในการนำเสนอข้อมูลแทนการใช้ตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยให้สมองประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น อินโฟกราฟิกจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายในเวลาอันสั้น
โดยปัจจุบันอินโฟกราฟิกถูกนำไปใช้ในหลากหลายบริบท ทั้งในองค์กร การศึกษา สื่อดิจิทัล หรือแม้แต่สายงานอาชีพอิสระที่ต้องการสร้างความโดดเด่นให้กับเนื้อหาของตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงหรือจดจำข้อมูล ซึ่งอาจช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
อินโฟกราฟิกแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะการนำเสนอข้อมูล ซึ่งการเลือกให้เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญของกราฟิกดีไซน์ ที่จะช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ดึงดูดความสนใจ และทำให้ข้อมูลเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น โดยอินโฟกราฟิกมักแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
อินโฟกราฟิกประเภทนี้จะเน้นการนำเสนอข้อมูลทั่วไปในรูปแบบที่กระชับ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นการ “สรุป” โดยอาจมีไอคอนหรือสัญลักษณ์ช่วยสื่อความหมาย และใช้การจัดวางตัวหนังสือให้น่าอ่าน เพื่อทำให้ข้อมูลดูไม่น่าเบื่อจนเกินไป
เหมาะสำหรับ การจัดทำบทความให้ความรู้ การนำเสนอแนวคิดหรือหลักการต่าง ๆ การสื่อสารข้อมูลเชิงอธิบาย หรือสื่อการสอนและการอบรม ที่ต้องการให้ผู้อ่านจดจำใจความสำคัญได้อย่างรวดเร็ว
อินโฟกราฟิกประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงตัวเลขและสถิติ โดยใช้กราฟ แผนภูมิ หรือไดอะแกรม เป็นหลัก เพื่อช่วยให้ผู้รับสารเข้าใจข้อมูลที่มีตัวเลขจำนวนมากได้ง่ายขึ้น และเห็นแนวโน้มของข้อมูลได้อย่างชัดเจน
มักนำมาใช้กับการรายงานผลสำรวจหรือผลวิจัย การเปรียบเทียบตัวเลขทางธุรกิจหรือเศรษฐกิจ การนำเสนอแนวโน้มทางสถิติ เช่น จำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือการแสดงอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ
อินโฟกราฟิกประเภทนี้จะเน้นการแสดงข้อมูลที่มีลำดับเหตุการณ์หรือช่วงเวลาชัดเจน โดยมักใช้เส้นเวลา (Timeline) เป็นองค์ประกอบหลักพร้อมกับจุดแสดงเหตุการณ์สำคัญหรือไอคอนประกอบ เพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลในแต่ละช่วงได้ง่ายขึ้น
โดยแบบไทม์ไลน์จะเน้นนำมาใช้ในการแสดงพัฒนาการของแบรนด์หรือองค์กร การนำเสนอเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ การอธิบายวิวัฒนาการของเทคโนโลยี หรือการแสดงแผนงานโครงการที่มีระยะเวลาต่อเนื่อง
อินโฟกราฟิกประเภทนี้ใช้เปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง 2 สิ่งหรือมากกว่านั้น โดยอาจแสดงเป็นตาราง กราฟ หรือแผนภูมิที่แบ่งเป็น 2 ฝั่ง เพื่อทำให้เห็นข้อแตกต่าง หรือข้อดี-ข้อเสียของแต่ละตัวเลือกได้อย่างชัดเจน
มักนำมาใช้สำหรับการเปรียบเทียบคุณสมบัติของสินค้า A กับ B การแสดงข้อดี-ข้อเสียของทางเลือกต่างๆ การเปรียบเทียบแพ็กเกจบริการหรือแผนการสมัครสมาชิก หรือการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสองเทคโนโลยี
อินโฟกราฟิกประเภทนี้ใช้สำหรับการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบรายการ (List) โดยเน้นการจัดเรียงเป็นข้อ ๆ เพื่อให้อ่านง่าย กระชับ และช่วยให้จดจำข้อมูลได้เร็วขึ้น ซึ่งมักใช้ไอคอน ลำดับหมายเลข หรือ Bullet Points ในการแสดงรายการข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ
แบบลิสต์เหมาะกับการนำเสนอบทความหรือข้อมูลที่ต้องการจัดเรียงเป็นข้อๆ เช่น 10 วิธีดูแลสุขภาพให้แข็งแรง 7 เทคนิคเพิ่มยอดขายออนไลน์ หรือเช็กลิสต์สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเดินทาง
อินโฟกราฟิกประเภทนี้ออกแบบมาเพื่ออธิบายขั้นตอนหรือกระบวนการทำงาน โดยใช้ลูกศร ไอคอน หรือแผนผังโฟลว์ (Flowchart) เพื่อแสดงให้เห็นลำดับของกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียด ทำให้ข้อมูลที่มีหลายขั้นตอนเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เหมาะสำหรับการทำขั้นตอนสมัครใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ วิธีการสั่งซื้อสินค้าหรือใช้บริการ กระบวนการผลิตสินค้า หรือการทำงานของระบบต่างๆ หรือการอธิบายขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือดำเนินงาน
อินโฟกราฟิกประเภทนี้จะใช้แสดงลำดับชั้นของข้อมูลจากระดับสูงสุดไปยังระดับต่ำสุด โดยมักแสดงในรูปแบบ พีระมิด (Pyramid) แผนภูมิองค์กร (Organizational Chart) หรือผังโครงสร้าง (Tree Diagram) เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์และลำดับความสำคัญของข้อมูลในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน
นำไปใช้บ่อยในการแสดงโครงสร้างองค์กรหรือแผนผังการบริหาร การจัดลำดับความสำคัญของความต้องการในชีวิต การแสดงระดับความสำคัญของข้อมูล หรือการจัดประเภทของสิ่งต่างๆ ตามความสัมพันธ์เชิงลำดับ
การทำอินโฟกราฟิกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรทราบถึงองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้
การสร้างอินโฟกราฟิกให้ออกมามีคุณภาพ ต้องอาศัยหลักการและเคล็ดลับต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยหลักการออกแบบอินโฟกราฟิกแบ่งออกได้เป็น 4 ด้าน ดังนี้
หัวข้อก็เปรียบเสมือนปกหนังสือ ยิ่งทำให้น่าสนใจมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดึงดูดให้คนอยากเปิดอ่านมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการตั้งหัวข้อให้ดึงดูดใจ สามารถทำได้ดังนี้
การมีเนื้อหาที่น่าสนใจเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้ผู้อ่านติดตามงานขอเราไปจนจบ ซึ่งการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ สามารถทำได้ดังนี้
ตัวอย่างแนวทางการเขียนเนื้อหา
แบบที่ไม่แนะนำ เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำมากกว่า 60% การดื่มน้ำจึงจะช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบไหลเวียนโลหิต และยังช่วยให้ผิวพรรณสดใสอีกด้วย
แบบที่แนะนำ เช่น ทำไมต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ? เพื่อช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบไหลเวียนโลหิต ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ดูสุขภาพดีจากภายใน
การใช้รูปภาพและไอคอนที่เหมาะสมจะช่วยให้การสื่อสารในอินโฟกราฟิกมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถทำได้ ดังนี้
การเลือกฟอนต์และสีที่เหมาะสม จะช่วยทำให้ข้อมูลอ่านง่ายและดึงดูดความสนใจได้มากยิ่งขึ้น โดยสามารถทำได้ ดังนี้
อินโฟกราฟิกเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เนื้อหาอ่านง่ายและน่าสนใจ ซึ่งการสร้างอินโฟกราฟิกที่มีประสิทธิภาพต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งหัวข้อที่ดึงดูดใจเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้อ่าน การจัดเรียงเนื้อหาให้เป็นลำดับที่เข้าใจง่าย หรือการเลือกใช้ฟอนต์กับสีให้เข้ากับเนื้อหา โดยองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้การทำอินโฟกราฟิกสมบูรณ์แบบและสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่กำลังหางานกราฟิกดีไซน์ และต้องการโชว์ทักษะอินโฟกราฟิกแบบเฉิดฉาย สามารถค้นหาตำแหน่งงานที่เหมาะกับคุณได้ที่ Jobsdb ซึ่งมีงานด้านออกแบบให้เลือกมากมาย ทั้งงานดิจิทัลดีไซน์ คอนเทนต์ครีเอทีฟ และสื่อมัลติมีเดีย ที่เปิดโอกาสให้คุณได้มาพัฒนาความสามารถกับอาชีพในฝันได้แบบไม่มีขีดจำกัด!