ประสบการณ์การสร้างโปรไฟล์ สู่ความสำเร็จในการหางาน

หลาย ๆ ครั้งความท้าทายในชีวิตไม่ได้วิ่งเข้าหาเราฝ่ายเดียว แต่เราต่างหากที่ตั้งใจวิ่งชนกับมันซะเอง“ถามว่าชอบไหม?ก็ชอบนะ สนุกทุกครั้งที่ได้เจอ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในความChallengeก็มีความเหนื่อยอยู่ด้วยไม่น้อย ซึ่งก็ไม่ได้แคร์หรอกครับกับความเหนื่อยอ่ะ”คุณบ๊อบบี้ - กฤศณัฏฐ์  กิจวิทยศักดิ์หนึ่งใน Candidate ผู้ประสบความสำเร็จในการเฟ้นหาความท้าทายใหม่ของชีวิตการทำงาน ปัจจุบันทำงานในตำแหน่งแบรนด์เมเนเจอร์แบรนด์เสื้อผ้าระดับอินเตอร์ฯ สัญชาติ USA

เส้นทางสายBrand Manager

ชีวิตการทำงานที่เริ่มจาก “ งานเซลล์ ” ตำแหน่งที่ฟังแล้วเกร่อ ไม่โก้เก๋เท่าไหร่ หารู้ไม่พวกเขาคือเส้นเลือดใหญ่ขององค์กรเลยทีเดียว ทำอยู่หลายปี ก็พร้อมเติบโตก้าวสู่ตำแหน่งงาน Brand manager ของแบรนด์นาฬิกาของดีไซน์เนอร์ชื่อก้องโลกชาวญี่ปุ่นแบรนด์หนึ่ง ที่ ๆ ไอเดียอันพลุ่งพล่าน โบยบินได้อย่างอิสระ ใต้ท้องฟ้าของ Family Business ได้ 4- 5 ปี การบินสู่น่านฟ้าใหม่ขององค์กรที่ใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า กับฟังก์ชั่นความสามารถที่เพิ่มมากขึ้น ในฐานะ Operation Manager แบรนด์แฟชั่น แต่จะต้องกางปีกให้แผ่แค่ไหนบนท้องฟ้าขององค์กรใหญ่ขนาดนี้ แค่ครึ่งปีเท่านั้น การทำงานสาย Brand Manager ก็เพรียกหาอีกครั้ง กับแบรนด์นาฬิกาที่คุ้นเคย พร้อมเครื่องประดับอันงดงามสไตล์ยุโรป เวลาผ่านไปนานปีมากขึ้น ก็ได้ขยายความสามารถไปถึงการเป็นแบรนด์ฯ ที่ดูแล โปรดักท์ถึง 5 แบรนด์ ความสนุกปนความเหนื่อย และอีกหลายปัจจัย หลายเหตุการณ์ที่ผันแปรมากมาย ก่อให้เกิดก้าวสำคัญของปัจจุบัน การตัดสินใจ ออกจาก Comfort Zone ที่ไร้ Happiness แล้วพาตัวเองเข้าสู่โลกแห่งความจริงครั้งใหม่ กับความท้าทายครั้งใหม่อีกครั้ง

จบการตลาดมา แต่ได้มาทำงานBrand Manager

“ถ้าถามว่าอันไหนมันดีกว่ากัน มันก็ไม่มีอะไรดีหรือไม่ดีไปกว่ากัน  คือมันดีคนละแบบ ถ้าเป็นการตลาดมันก็จะได้เรื่องของการครีเอท ความคิดสร้างสรรค์ การรังสรรค์รูปแบบใหม่ๆของ Marketing Campaign แต่ถ้าเป็น Brand Manager มันก็จะได้ดูภาพรวมของแบรนด์ ไม่ใช่แค่เรื่องของโปรโมชั่น แต่ต้องดูตั้งแต่การออร์เดอร์สินค้า ดูเรื่องของ operation ดูหน้าร้าน ยอดขาย ดูทุกๆอย่างที่จะมาเป็นหนึ่งแบรนด์ ซึ่งความยากง่ายก็จะต่างกัน ซึ่งถ้ามว่าชอบอะไร ก็คงตอบว่าชอบงานแบรนด์ฯ เพราะมันทำให้เราเรียนรู้ในทุก angle ของแบรนด์ที่เราดู เพราะในหนึ่งแบรนด์ก็จะมีหลาย angle ให้เราได้ฝึกปรือฝีมือ ได้สัมผัสประสบการณ์ที่มากขึ้น จากการที่เราเคยทำแค่โปรดักส์นาฬิกา แต่ตอนนี้เราได้มา involve ในเรื่องของแฟชั่นมันเลยทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนในอีกรูปแบบนึง ในอีกมิติแล้วยังมีเรื่อง seasonal เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้เราต้อง alert ตลอดเวลา สนุกดีครับ” (หัวเราะ..... และยิ้มอ่อน)

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเริ่มสร้างโปรไฟล์กับjobsDB

เริ่มจากการเป็นmemberกับjobsDBมานานมากแล้ว สร้างโปรไฟล์ และอัปเดททุกครั้งที่มีskillเพิ่มเติม ส่วนหนึ่งเพราะกลัวลืมด้วยครับ และจริงๆก็หางานจากjobsDBที่เดียวone and onlyจริงๆคือ ตัว job alert จะคอยอัปเดทตำแหน่งงานต่าง ๆ โดยส่งมาทาง e-mail อยู่เรื่อย ๆ แล้วเราก็คอยดู ว่างานไหน ตำแหน่งอะไรที่น่าสนใจ จากนั้นก็แค่ apply ไป ก่อนหน้านั้นเราก็แค่กรอกข้อมูลตามขั้นตอนเพียงครั้งเดียว ผมก็เลือก category งานเป็น Marketing/ Brand งานที่ทาง jobsDB จะส่งมาก็จะเป็นไปตาม category ที่เราได้เลือกไว้

กว่าจะได้งานที่ลงตัวที่สุดก็คือที่นี่ ก็ถือว่าใช้เวลาพอสมควรครับ สัมภาษณ์ 3 รอบ..... แต่ก่อนหน้านั้นก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์หลายที่เหมือนกัน ซึ่งทุกที่ก็เป็นบริษัทที่มาจากที่เรา apply ใน jobsDB ทั้งนั้นเลย ก็นับเป็นหนึ่งในประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้รับจากการ apply งานผ่าน jobsDB

อยากเปลี่ยนงาน?

เพราะอะไรต้องบอกจริง ๆ หรอ ( ยิ้มอ่อนพร้อมมองบน) หลักๆก็คงเป็นเรื่องของความอิ่มตัวของงานที่เคยทำอยู่ แล้วก็อยากหาอะไรใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต  ประกอบกับปัญหาในเรื่องที่กี่ยวกับองค์กรด้วย เราไม่ Comfortable ที่จะทำงานต่อไป ก็เลยลองหา Opportunity ใหม่ ๆ ซึ่งกว่าจะลงตัวกับงานนี้ ก็ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน แต่ก็เข้าใจว่าที่ใช้เวลานานเพราะตำแหน่งที่สมัครอาจจะมีขั้นตอนการพิจารณาที่นานหน่อย มี Candidate และ Condition มาก

ได้คุยกับเค้ามั๊ยว่าทำไมเลือกเรา

จริง ๆ ก็ไม่ได้คุยแบบจริงจังว่าทำไม แต่ในความคิดของตัวเองคิดว่าเป็นเพราะ 3 ประเด็นที่ประกอบกัน ทั้งเรื่องของเรซูเม่ การสัมภาษณ์ และการบ้านที่เขา Assign มาให้เราทำ เขาให้เราวิเคราะห์แบรนด์ในเครือแบรนด์หนึ่ง ว่าเราเห็นว่าอย่างไร เขาอาจจะชอบที่เราวิเคราะห์ในแง่มุมของเราก็ได้ และอีกอย่าง ตอนที่เราได้สัมภาษณ์กับเจ้าของเอง เขาคง ”คลิ๊ก” กับเราด้วย เขาคง OK ว่าเราสามารถร่วมงานกันได้

ที่ว่า “คลิ๊ก” มันเป็นพลังงานรูปแบบไหน (หัวเราะแรง)

“คือ... เราคุยกับเขาได้แบบ Flow Flow ลื่นไหล คุยได้แม้กระทั่งไลฟ์สไตล์ที่เราเป็นอยู่ ในขณะที่หลาย ๆ บริษัทที่เราสัมภาษณ์มา เขาก็จะคุยแค่เรื่อง งาน ๆ ๆ หรือบางทีการสัมภาษณ์ก็ไม่ได้เอื้อำนวยให้เราได้คุยเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ หรือให้เราได้มีโอกาสได้บอกความเป็นตัวตนของเรา แต่ที่นี่เราสามารถพูดได้”

State of Mine!พร่ำบอกกับตัวเอง....อยากแชร์ให้คนอื่น

สิ่งที่บอกกับตัวเอง มันก็ไม่ใช่สิ่งใหม่อะไรเลย เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะใช้มันอยู่แล้ว นั่นคือ “เราจะต้องสู้ และให้กำลังใจตัวเองในทุก ๆ วัน” เราเป็นคน ๆ เดียวที่สามารถจะให้กำลังใจตัวเองได้ตลอดเวลา และ Cheer up ได้ดีที่สุด กำลังใจที่สำคัญที่สุดควรเริ่มจากตัวเอง และเติมให้เต็มได้ทุกวัน ส่วนเรื่องของกำลังใจจากคนรอบข้างก็เป็นเรื่องที่ดี เสริมให้เราได้มีกำลังใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่สร้างขึ้นมาด้วยตัวของเราเองก่อน กำลังใจจากคนรอบข้างที่ส่งมาก็คงไม่มีผล หรือมีความหมายมากเท่าไหร่

การทำงานในยุคปัจจุบัน

อย่าคิดที่จะหางานที่ไม่มีปัญหา เราก็แค่ต้องทำงานให้เต็มที่ เต็มศักยภาพ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการทำงาน หลาย ๆ Chapter ของชีวิตการทำงาน ปัญหาที่พบเป็นปกติคือเรื่อง “คน” แต่ที่โฟกัสมากกว่านั้นคือเรื่องของการ Miscommunication การสื่อสารที่ผิดพลาด โดยส่วนตัวแล้วชอบทำงานที่มี Communication ที่ตรงไปตรงมา ไม่ต้องมานั่งเดา Message ตลอดเวลา ไม่เข้าใจให้ถาม เคลียร์คัทชัดเจน รวดเร็ว ว่องไว แก้ไขได้ทันเวลา

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สมัครงานอย่างไรให้ได้องค์กรดีกว่าเดิม

คำถามสัมภาษณ์งาน ทำไมถึงเปลี่ยนงาน ถ้าไม่มีความสุขกับที่ทำงานเก่า ตอบอย่างไร