ข้อปฏิบัติการจ้างงานที่องค์กรควรทำในปี 2022
ข้อปฏิบัติการจ้างงานถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างขององค์กรที่สำคัญ ทว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำหรือเข้มงวดเท่า “ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน” ซึ่งผูกมัดด้วยเรื่องขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในทุก ๆ ประเด็นการทำงาน เน้นเรื่องการกำหนดสิทธิหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่พึงปฏิบัติต่อกัน เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการทำงาน ทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดขัดแย้ง อย่างไรก็ตามหากองค์กรหรือลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับดังกล่าว จะมีผลทางกฏหมายทันที (เป็นเรื่องเกี่ยวกับวันหยุดและหลักเกณฑ์การหยุด วัน-เวลาทำงาน วินัยและโทษทางวินัย การเลิกจ้าง ค่าชดเชย ฯลฯ)
ข้อปฏิบัติการจ้างงานที่องค์กรควรทำในปี 2022
แล้วข้อปฏิบัติการจ้างงานคืออะไร?
อธิบายง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพอย่างเข้าใจง่าย ข้อปฏิบัติการจ้างงานเป็นเพียงแนวทางเสริมของข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน จะมีหรือไม่มีก็ไม่เกี่ยวข้องกับทางกฏหมาย เป็นแบบแผนเฉพาะขององค์กรนั้น ๆ ที่ระบุขึ้นเอง แตกต่างไปตามวัฒนธรรมและทิศทางของบริษัท ว่าต้องการให้พนักงานดำเนินไปในทิศทางไหน เปรียบเสมือนเวลาคุณสร้างบ้าน ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้บ้านแข็งแรง เป็นสิ่งที่ทุกสิ่งปลูกสร้างต้องมี ส่วนข้อปฏิบัติการจ้างงานเป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามไปตามสไตล์ความชอบของเจ้าของบ้าน มีเพื่ออำนวยความสะดวก ให้คนในบ้านอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากขึ้น
แนวทางปฏิบัติที่องค์กรควรมีในการจ้างงานยุค 2022
การมีโครงสร้างบ้านที่แข็งแรง กันแดดกันฝน ทนต่อทุกสภาพอากาศย่อมเป็นที่สิ่งดี แต่ถ้าองค์กรของคุณ เต็มไปด้วยตกแต่งที่ทันสมัยสวยงามให้ทัศนียภาพจรรโลงใจผู้อยู่อาศัย อยู่แล้วมีความสุขเป็น Comfort Zone ที่ดีสบายใจ ไม่ใช่หันซ้ายเจอความกดดัน หันขวาเจอการแข่งขันที่ต้องแอคทีฟตลอดเวลา
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ ยุค 2022 แบบนี้ คนทำงานส่วนใหญ่เน้นการทำงานแบบ Work life Balance มากขึ้น มีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนงานกันเป็นเรื่องปกติถ้างานนั้น ๆ ไม่ตอบโจทย์ หรืออยู่แล้วไม่มีความสุข แนวทางปฏิบัติขององค์กรจึงเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดทิศทาง เพื่อสนับสนุนให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
1.วิธีการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีและการแพร่ระบาดของโรค Covid19 เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นสำคัญ ซึ่งทำให้ระบบและวิธีการทำงานในช่วง 2-3 ปีหลังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ละองค์กรมีการปรับตัวและมีวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทุกคนสามารถทำงานจากสถานที่ใดก็ได้ Work from Home ประชุมออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้รูปแบบทีมเสมือน (Virtual Team) มากขึ้น
ในแง่ของลูกจ้าง เชื่อว่าส่วนใหญ่แฮปปี้กับวิธีการทำงานแบบนี้ เพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ได้หลายส่วน มีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง บริหารเวลาง่าย แต่ในทางกลับกันบางองค์กรอาจจะรู้สึกไม่ไว้ใจ ต้องการให้พนักงานเข้ามาทำงานเต็มระบบ ซึ่งถ้าบริษัทเลือกแนวทางปฏิบัติแบบนี้ อาจะต้องยอมรับถึงผลเสียที่ตามมา พนักงานบางคนอาจจะไม่ Comfort และไม่ชอบอะไรที่ Fix เหมือนระบบการทำงานแบบเก่า ลองเน้นถึงผลลัพธ์เป็นสำคัญ และหาทางออกร่วมกันให้การทำงานมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น
2. ว่าด้วยวันลาและการหยุดพักผ่อน
จริงอยู่ที่ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามกรอบของกฏหมาย มีจำนวนวันลาขั้นต่ำในแต่ละปีที่ระบุตัวเลขไว้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าบางบริษัทที่ให้ตามสิทธิ์พื้นฐานทั่วไป บางบริษัทให้มากกว่าขั้นพื้นฐานเลยไปนิดหน่อย ไปจนถึงลาได้แบบไม่อั้นไม่มีจำกัดเลยก็มี ซึ่งอย่างหลังมักเป็นองค์กรสมัยใหม่หัวก้าวหน้า กึ่ง ๆ Start up เป็นหลัก
บางองค์กรมองว่าข้อบังคับเกี่ยวกับเวลาทำงาน การลาหรือวันหยุดประจำปีเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องด้วยมีนโยบายสนับสนุนให้พนักงานทำงานได้จากสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามความพอใจ เอาจิตใจและความสุขในการทำงานของลูกน้องเป็นสำคัญ ถึงขนาดยกเลิกข้อบังคับเรื่องชั่วโมงการทำงานและการลาหยุด เน้นการวัดผลการทำงาน ประสิทธิภาพต่าง ๆ และการจ่ายค่าตอบแทนตามจริงเท่านั้น ในอีกมุมหนึ่ง ก็ถือเป็นการลดต้นทุนของบริษัทไปโดยปริยาย ทั้งค่าเช่าสถานที่ทำงาน ค่าสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
3. สนับสนุนการเรียนรู้ในทักษะต่าง ๆ ของพนักงาน
ถึงแม้พนักงานในองค์กรของคุณจะพิสูจน์ตัวเองตั้งแต่วันสัมภาษณ์ รวมถึงแสดงศักยภาพที่แท้จริงระหว่างทำงานแล้ว หากพวกเขาต้องการเรียนรู้ทักษะอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ ในฐานะองค์กรที่อยากเห็นการพัฒนาของพนักงาน ควรสนับสนุนหรือมีทุนทรัพย์ในการซัพพอร์ตส่วนนี้ ประสบการณ์สำคัญก็จริง ทว่าการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อเติมคลังความรู้ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันในโลกยุคปัจจุบัน
ไม่ว่าจะเป็นทักษะที่มีผลโดยตรงกับการทำงาน หรือเรียนด้านอื่น ๆ เพื่อความสุขของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร เรียนภาษา เรียนดนตรี เรียนวาดรูป ฯลฯ สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้ส่งผลต่องานโดยตรง แต่ส่งผลถึงเรื่องจิตใจเป็นสำคัญ หากพนักงานของคุณถูกเติมเต็มจิตใจด้วยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ยิ่งทำให้พวกเขามีพลังในการขับเคลื่อนงานที่ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผลลัพธ์เหล่านั้นก็จะตกกับองค์กรของคุณอยู่ดี
4. ว่าด้วยการเกษียณอายุที่กว้างขึ้น
แม้ตามกฎหมายจะกำหนดการเกษียณอายุเอาไว้ที่ 55 ปี โดยอ้างอิงจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่เริ่มให้สิทธิประโยชน์จากกรณีที่คุณอยู่ในวัยชราภาพ รวมทั้งการได้รับยกเว้นภาษีจากเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมวัยชรา อัตราการเกิดใหม่ของเด็กในช่วง 7 ปีหลังถือว่าต่ำเป็นประวัติการณ์ ที่สำคัญยังคงขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ
เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทางภาครัฐมีเนโยบายขยายเวลาเกษียณอายุของข้าราชการออกไปเป็น 65–70 ปี ด้วยปัญหาการขาดแคลนคนที่มีคุณภาพ (สร้างคนไม่ทัน) รวมถึงวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่รุดหน้าไปไกล ช่วยให้คนอายุยืนขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่า ภาครัฐปรับตัวแล้ว เอกชนเองย่อมหนีไม่พ้นปัญหานี้อย่างแน่นอน ยิ่งแรงงานกลุ่มเฉพาะทางยิ่งมีน้อย อาจจะต้องวางแผนรับมือเรื่องนี้ ไปจนถึงขั้นยกเลิกการกำหนดอายุเกษียณไว้ในข้อบังคับการทำงาน
ข้อปฏิบัติการจ้างงานที่ดีจะช่วยเสริมให้บรรยากาศการทำงาน เป็นไปอย่างราบรื่นและพนักงานทำงานด้วยใจเป็นสุข หากองค์กรกำหนดทิศทางเอาไว้ชัดเจน หลายสิ่งหลายอย่างก็จะดำเนินไปอย่างเป็นระบบ เพื่อพบกับปลายทางที่ดี ทั้งนี้อย่าลืมเปิดประตูสู่โอกาสดี ๆ ด้วยตัวเอง เข้ามาตามหาบริษัทที่ใช่ งานที่ชอบผ่าน JobsDB แอปพลิเคชั่นหางานครบวงจร!
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/5-best-way-to-recruit-employees/
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/lean-startup/
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/brainstorming/