Key Takeaway
ก่อนจะเริ่มพูดถึงรายละเอียดต่างๆ มาทำความรู้จักกับโปรแกรม Work and Travel กันก่อนว่าเป็นอะไร มีจุดเด่นอย่างไร เหมาะสำหรับใคร รวมถึงสิ่งที่ควรเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวอย่างครบถ้วน และพร้อมเต็มที่สำหรับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทั้งสนุกและได้เรียนรู้จากการทำงานและท่องเที่ยวในต่างประเทศครั้งนี้
โครงการ “Work and Travel” ส่วนใหญ่หมายถึงโปรแกรมที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แต่จริงๆ แล้วมีโครงการในหลายประเทศที่เปิดโอกาสให้ได้ไปทำงานและท่องเที่ยวในต่างประเทศ รวมถึงโครงการ Work and Holiday ที่เปิดโอกาสให้นักเดินทางได้ทำงานและเรียนรู้วัฒนธรรมไปพร้อมกัน โดยแต่ละโครงการจะมีชื่อและวัตถุประสงค์แตกต่างกันตามประเทศที่เลือกไปทำงาน งานที่เปิดรับก็มีหลากหลาย เช่น งานในโรงแรม รีสอร์ต สวนสนุก ร้านอาหาร หรือร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น นอกจากจะได้ฝึกภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้รับค่าจ้างขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทที่ร่วมงานด้วยอีกด้วย
ประเทศที่คนไทยนิยมไป Work and Travel มีประเทศไหนบ้าง? โดยโปรแกรมและโอกาสทำงานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการ สำหรับคนที่สนใจหางานต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวอย่างไร มาดูกัน
โครงการ Work and Holiday เป็นหนึ่งในโอกาสที่เปิดให้คนไทยสามารถเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในต่างประเทศ โดยใช้วีซ่าประเภท Working Holiday Visa (Subclass 462) ซึ่งมีระยะเวลาโครงการสูงสุด 12 เดือน และสามารถต่ออายุได้อีก 12 เดือน หากผู้เข้าร่วมโครงการทำงานในภาคเกษตรกรรมตามที่เงื่อนไขวีซ่ากำหนด
ลักษณะของโครงการ Work and Travel นี้คือการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ทำงานพาร์ตไทม์ควบคู่กับการท่องเที่ยว เหมาะสำหรับทั้งคนที่จบการศึกษาแล้วหรือผู้ที่ต้องการใช้เวลามากขึ้นในการเรียนรู้วัฒนธรรมและประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ
โครงการ Work and Holiday เป็นโปรแกรม Work and Travel ที่เปิดโอกาสให้เดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในต่างประเทศ สามารถเลือกทำงานได้หลากหลายประเภทและใช้ชีวิตในต่างแดนได้นานขึ้น โดยใช้วีซ่าประเภท Working Holiday Visa ซึ่งมีระยะเวลาโครงการสูงสุด 12 เดือน เหมาะสำหรับคนเรียนจบแล้วหรือผู้ที่ต้องการทั้งประสบการณ์การทำงาน การฝึกภาษา และการท่องเที่ยวในระยะยาว
Work and Travel USA ใช้วีซ่า J-1 Visa ภายใต้โครงการ Summer Work Travel Program ซึ่งมีระยะเวลาโครงการประมาณ 3-5 เดือนในช่วงปิดเทอมใหญ่ โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงหลัก คือ Spring ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมถึง 7 กรกฎาคม และ Summer ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคมถึง 7 กันยายน นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมโครงการยังสามารถท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกาหลังจบโครงการได้สูงสุดอีก 30 วัน
โครงการ Work and Study เป็นหนึ่งในรูปแบบของ Work and Travel ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เดินทางไปเรียนและทำงานในต่างประเทศพร้อมกัน โดยใช้วีซ่าประเภท Study Permit Visa ซึ่งมีระยะเวลาโครงการสูงสุด 12 เดือน ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาทักษะภาษาและประสบการณ์ทำงานไปพร้อมๆ กันในต่างแดน
สำหรับใครที่อยากทำงานต่างประเทศและอยากลองไป Work and Travel ค่าใช้จ่ายของโครงการนี้โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 60,000-120,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเทศและโปรแกรมที่เลือก ค่าใช้จ่ายหลักๆ จะรวมถึงค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ ค่าอบรมเตรียมความพร้อม รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวระหว่างอยู่ต่างประเทศด้วย
เพื่อให้การสมัคร Work and Travel เป็นไปอย่างราบรื่น ควรเตรียมเอกสารสำคัญต่างๆ ให้ครบถ้วนและพร้อมใช้งาน ดังนี้
ก่อนเริ่มต้นวางแผนไปสัมผัสประสบการณ์ทำงานและท่องเที่ยวในต่างประเทศกับโครงการ Work and Travel สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือขั้นตอนการสมัครที่ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน ไปดูว่าก่อนจะบินได้ ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้างในการสมัคร Work and Travel
Work and Travel คือโครงการที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในต่างประเทศช่วงปิดเทอม โดยโครงการยอดนิยมคือ Work and Travel USA ซึ่งใช้วีซ่า J-1 ระยะเวลา 3–5 เดือน นอกจากนี้ยังมีโครงการ Work and Holiday และ Work and Study ในประเทศอย่างออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ งานส่วนใหญ่เป็นสายบริการ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม หรือสวนสนุก ผู้เข้าร่วมจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษ ได้ค่าตอบแทน และประสบการณ์จากวัฒนธรรมใหม่ ค่าใช้จ่ายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 60,000–100,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเทศและโปรแกรมที่เลือก
และสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นหางานต่างประเทศหรือลองโอกาสใหม่ๆ หลังจบโครงการ Work and Travel ก็สามารถเข้าไปค้นหางานต่างประเทศที่ตรงใจได้ง่ายๆ ผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่มีตำแหน่งงานจากทั่วโลก รวมถึงงานต่างประเทศให้คุณเลือกตามความถนัดและความฝันของคุณอีกด้วย