มาใหม่เป็นเด็กเส้น ควรวางตัวอย่างไร

เรื่องราวของคำว่าเส้นสาย มีอยู่ในทุกที่และทุกวงการ เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนยาวมาจนถึงชีวิตการทำงาน ทุกคนล้วนต้องเคยเจอเหล่าลูกท่านหลานเธอกันมาแล้วทั้งสิ้น ขึ้นชื่อคำว่าเด็กเส้น มักถูกคนอื่นตั้งธงในใจอยู่เสมอ ว่าเป็นต้องคนที่ความสามารถไม่ถึง จนต้องใช้กำลังภายในเข้ามาอยู่องค์กร ครั้นจะไปมีเรื่องกับเด็กเส้น ก็ไม่กล้า เพราะกลัวจะไปขัดแข้งขัดขา

เป็นเด็กฝากควรวางตัวอย่างไร

แต่หากลองมองกลับกันว่า ถ้าวันหนึ่งคุณกลับต้องกลายเป็นเด็กเส้นเสียเองอย่างหลีกเลี่ยง จะมีวิธีวางตัวอย่างไร ให้พ้นคำครหาในองค์กร วันนี้มาหาคำตอบพร้อมๆ กันในบทความนี้เลย

เหตุผลของการเป็นเด็กเส้น

เราเชื่อว่าทุกคนล้วนมีความสามารถและทักษะประจำตัวเองแทบทั้งสิ้น แต่บางครั้งก็มีเหตุผลบางประการ ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการก้าวเข้าสู่วงการเด็กเส้นได้ เช่น บางคนต้องทำตามใจครอบครัว พ่อแม่อยากให้ทำงานในสายต่างๆ ที่เขาหวังไว้ จึงต้องใช้คอนเนคชันที่มี ฝากฝังลูกของตนเองเข้าทำงานในบริษัทที่มีคนรู้จักทำงานอยู่ หรือบางครั้งพ่อแม่ก็อาจจะเป็นห่วงลูก อยากให้มีคนรู้จักดูแลในระหว่างการใช้ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ครั้นลูกจะขัดใจพ่อแม่ก็ทำได้ยาก จึงต้องสมยอม รับบทบาทเด็กเส้นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ยังมีเคสอื่นๆ อีก อย่างเช่นการใช้คอนเนคชันที่ตัวเองมี จากเพื่อนฝูง รุ่นพี่ คนที่เคยทำงานด้วยกันในออฟฟิศเก่า ชักชวนกันไปร่วมทีมในออฟฟิศใหม่ คนอื่นๆ ในออฟฟิศก็อาจจะมองว่าคุณเป็นเด็กเส้นได้ เพราะบางทีก็มีแค่เส้นบางๆ กั้นระหว่างคำว่าคอนเนคชันกับเด็กเส้น

10 ทริคการวางตัว ถ้าต้องกลายเป็นเส้น

1. ทำตัวให้เป็นมิตร

อันดับแรกเลยคือคุณต้องทำตัวเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ที่ดีก่อน เพราะแน่นอนว่าคนเก่าที่อยู่ในบริษัทมาก่อน แล้วรู้ข่าวว่าจะมีเด็กเส้นเข้ามา จะต้องตั้งกำแพงใส่คุณพร้อมมองคุณในแง่ลบก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคุณลองทำตัวให้เป็นมิตร สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนในบริษัท กำแพงที่คนอื่นๆ ตั้งไว้ อาจจะค่อยๆ ทลายลงได้

2. เข้าหาคนอื่นก่อน

อย่าลังเลที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับคนอื่นก่อน เพราะความที่คุณเข้าไปเป็นเด็กเส้น คงยากที่จะมีคนกล้ามาเปิดบทสนทนาด้วยก่อนอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณดันเข้ามาจากทางฝั่งของผู้บริหารแล้วด้วยล่ะก็ บอกเลยว่ายากเป็น 2 เท่า ดังนั้นจงทำตัวเป็นนางงามมิตรภาพ เข้าไปทักทาย แนะนำตัว และทำความรู้จักกับคนอื่นก่อนได้เลย ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร พกใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มติดไปด้วย รับรองผ่านฉลุย

3. อย่าใส่ใจคำนินทา

เรื่องราวของเด็กเส้นมักคู่ขนานมากับเรื่องของการนินทา ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครที่จะรอดพ้นวงจรนี้ไปได้ เมื่อพวกเขารู้ข่าวว่าจะมีเด็กเส้นคนใหม่มาร่วมงานด้วย ก็จะต้องมีการพูดถึงกันตั้งแต่ก่อนที่คุณจะเข้ามาเริ่มงานแล้ว และเมื่อถึงวันที่ได้เริ่มงานไปแล้ว ยังมีคนคอยนินทาคุณอยู่ ก็อย่าใส่ใจไป คิดว่าเสียว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกวงสังคม

อีกอย่างคือควรหัดเป็นคิดบวก พยายามมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน ว่ากลุ่มคนที่นินทาคุณ เขาอาจจะยังไม่รู้ตัวตนของคุณจริงๆ แล้วเอาแค่คำว่าเด็กเส้นมาตัดสินว่าคุณเป็นไม่ดี เมื่อเวลาผ่านไปแล้วคุณได้พิสูจน์ตัวเองว่าคุณมีความสามารถจริงๆ ถึงวันนั้นพวกเขาก็หยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไปเอง

หากคุณหวั่นไหวไปกับคำนินทา แล้วเลือกวิธีการปะทะ อาจทำให้เรื่องบานปลาย และทำให้คุณยิ่งดูแย่ในสายตาคนอื่นยิ่งขึ้นไป ควรใช้วิธีนิ่งสงบสยบเคลื่อนไหว ไม่โต้ตอบใดๆ ทั้งสิ้น เพราะถ้าหากมีเรื่องกันจริงๆ แล้วมีการตัดสินว่าคุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิด คนก็จะยิ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ว่าคุณมีผู้บริหารคอยถือหางอยู่ ถือเป็นการตอกย้ำคำว่าเด็กเส้นเข้าไปอีก ดังนั้นควรตัดไฟเสียแต่ต้นลม

4. ถ่อมตนไว้ก่อน

การถ่อมตนสามารถใช้ได้ในทุกสังคมรวมไปถึงสังคมมนุษย์เงินเดือน หากคุณรู้จักถ่อมตน จะทำให้คนอื่นรู้สึกเอ็นดูคุณมากขึ้น เขาจะเห็นว่าคุณก็ดูเป็นคนที่เข้าถึงง่าย สามารถทำให้เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณได้ทุกเมื่อ ในยามที่คุณประสบปัญหา

หากคุณทำงานดีจนได้รับคำชมเชย ก็อย่าดีใจจนออกนอกหน้าหรือหลงระเริงไปกับคำชม เพราะอาจทำให้คนหมั่นไส้คุณได้ง่ายๆ แต่ถ้าวันใดเกิดมีข้อผิดพลาดในการทำงานขึ้น คุณก็ควรที่กล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ ยอมรับผิด และหาทางปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้เกิดความผิดขึ้นซ้ำสอง หากคุณสามารถปฏิบัติตามนี้ได้ ก็ช่วยให้คนอื่นมองคุณในแง่ดีขึ้น

5. ตั้งใจทำงานมากเป็น 2 เท่า

คนส่วนใหญ่เมื่อรู้ว่ามีเด็กเส้นเข้ามา ก็จะถูกฝังชิปไว้ในหัวว่าเด็กเส้นจะต้องเป็นคนไร้ความสามารถ มิฉะนั้นก็คงไม่ต้องใช้เส้นเข้ามาทำงานหรอก ดังนั้นหน้าที่ของคุณคือจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ด้วยว่าคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถเพียงใด

ดังนั้นคุณจึงควรที่จะตั้งใจทำงานมากกว่าคนอื่นๆ ในทีมเป็น 2 เท่า มีงานอะไรที่ต้องทำกันเป็นทีม ก็อย่าลังเลที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ในช่วงแรกควรมาทำงานให้เช้ากว่าปกติ แล้วกลับให้ช้ากว่าคนอื่นเช่นเดียวกัน ไม่กลัวว่าใครจะมองว่าคุณสร้างภาพ เพราะหากคุณตั้งใจทำงานจริงๆ เวลาและผลงานก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวของคุณเอง

6. มีทักษะอะไร งัดออกมาใช้ให้เต็มที่

เมื่อตั้งใจทำงานแล้ว ก็อย่าลืมที่จะงัดความสามารถผสานกับทักษะที่คุณมีอยู่เต็มกระเป๋า งัดสกิลทุกอย่างออกมาใช้ให้หมด ยิ่งถ้าเป็นทักษะที่คนอื่นในทีมยังขาดอยู่แล้วล่ะก็ สุดท้ายก็เป็นส่วนช่วยเติมเต็มทีมให้เพอร์เฟคต์ยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนนี้จะเป็นส่วนช่วยสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี และเขาก็จะได้รู้ว่าเด็กเส้นคนนี้ก็ไม่ได้เข้ามาเพราะฟลุค

หรือถ้าหากเขาเห็นว่ามีคุณทักษะพิเศษ ก็จงอย่าลังเลที่ให้ความรู้หรือสอนผู้อื่นด้วยเช่นกัน อย่าทำตัวเป็นพวกหวงวิชา เพราะเขาอาจจะมองว่าคุณกั๊กได้

7. อย่าโชว์เก๋า

ต่อเนื่องมาจากข้อที่ 6 หากคุณมีความสามารถและทักษะที่อัดแน่น อย่าเผลอลืมตัวโชว์เหนือ คอยแนะนำหรือให้ความรู้คนอื่นเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม หรือในเวลาที่พวกเขาขอความช่วยเหลือ อย่าโชว์ภูมิโดยใช่เหตุ เพราะหากคุณทำตัวมั่นใจในความสามารถของตัวเองจนเกินไป อาจทำให้คนอื่นรู้สึกหมั่นไส้คุณมากกว่าเดิม เผลอๆ จะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งขึ้นมาก็ได้

อีกอย่างคือคุณต้องระลึกไว้เสมอว่า ไม่ว่าใครจะเก่งมาจากไหน ทักษะทุกอย่างล้วนต้องผ่านการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด พร้อมด้วยการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

8. อย่ากลัวที่จะตั้งคำถาม

แต่ถ้าคุณยังขาดทักษะบางอย่าง แล้วกลับกลายเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดันมัทักษะหรือประสบการณ์ในด้านนั้น ก็จงอย่าลังเลในการขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนั้น ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะมองว่าเราเป็นเด็กเส้นที่ไร้ความสามารถ แต่เรื่องนี้เป็นการสื่อถึงความกระตือรือร้นในการทำงาน ถ้าเราคอยหมั่นถามเรื่องงานกับคนอื่นๆ จะทำให้เขารู้สึกว่าเราเป็นคนใส่ใจในเรื่องงาน

อีกทั้งเขายังจะเห็นว่าคุณพร้อมที่จะเรียนรู้และปรับปรุงในทักษะที่คุณยังขาดอยู่ เพื่อช่วยเสริมทีมให้บรรลุเป้าหมายในการทำงานที่ตั้งไว้อีกด้วย

9. ให้ความเคารพทุกคนในที่ทำงาน

ทุกตำแหน่งในออฟฟิศล้วนมีความสำคัญแทบทั้งสิ้น เนื้องานและสไตล์การทำงานของแต่ละทีมก็ย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป คุณจึงควรให้เกียรติและเคารพทุกคนในที่ทำงาน หากคุณปฏิบัติในข้อนี้ได้ คุณก็จะได้รับความไว้ใจ ความเคารพ และการให้เกียรติ กลับคืนมาด้วยเช่นเดียวกัน

10. พยายามมีส่วนร่วมในบริษัท ร่วมกิจกรรม

ปิดท้ายกันด้วยอีกหนึ่งเรื่องภายในองค์กร ที่นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว หลายบริษัทก็มักมีการกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดในแก่พนักงานอยู่เสมอ เช่น กิจกรรมสันทนาการประจำสัปดาห์ กิจกรรมท่องเที่ยวประจำปี ฯลฯ จงอย่าลังเลที่จะเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ เพราะนี่ถือเป็นพื้นที่ชั้นดี ที่จะทำให้คุณเรียนรู้นิสัยและทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานได้ง่ายขึ้น

หากในกิจกรรมนั้นๆ ต้องการความช่วยเหลือ หรือขอให้พนักงานไปเป็นสตาฟช่วยจัดงาน คุณก็ควรที่จะอาสาเช่นกัน หากคุณนิ่งเฉย อาจทำให้คนอื่นคิดไปว่าเด็กเส้นคนนี้ มาแบบเชิ่ดๆ เริ่ดๆ ไม่แคร์ ไม่สนอะไรทั้งนั้น แบบนี้ก็คงไม่ดีสักเท่าไร

สรุปทริคการวางตัวของเด็กเส้น เมื่อต้องเข้าไปทำงานที่ใหม่

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเป็นเด็กเส้นจริงๆ อย่ากังวลใจว่าใครจะคิดกับเราอย่างไร แต่คุณต้องมั่นใจในศักยภาพที่มีอยู่ในมือของคุณ แล้วนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าคุณก็เป็นคนที่มีความสามารถ แม้คุณจะเข้ามาทำงานด้วยการแนะนำของคนอื่นๆ แต่คุณก็มีส่วนช่วยในการทำให้บริษัทก้าวต่อไปได้ไม่แพ้พนักงานคนอื่นๆ เช่นกัน

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88/

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7/