Key Takeaway
การต่อทะเบียนรถทุกปีเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย เพื่อยืนยันว่ารถยังพร้อมใช้งาน และช่วยควบคุมความปลอดภัยในการใช้รถบนท้องถนน
สามารถต่อทะเบียนได้หลายช่องทาง เช่น ที่กรมการขนส่งทางบก ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ หรือแอป DLT จุดบริการในห้าง (Drive Thru/Shop In Mall) หรือตู้ Kiosk
หากต่อทะเบียนล่าช้า จะต้องเสียค่าปรับ และถ้าขาดนานเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับ รวมถึงประกันอาจไม่คุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุ
การต่อภาษีรถคือการชำระภาษีประจำปี ส่วนต่อทะเบียนคือการต่ออายุทะเบียนให้รถถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งสองอย่างแตกต่างกันแต่ต้องทำควบคู่กันทุกปี
เบื่อไหมทุกปีต้องวุ่นวายกับการต่อทะเบียนรถ ทั้งต้องลางาน ไปต่อคิว หรือจ่ายค่าบริการให้คนอื่นทำแทน? จริงๆ แล้วเราสามารถต่อทะเบียนรถเองได้แบบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นรถบริษัท รถส่วนตัวที่ใช้ทำงาน หรือรถของพนักงานเอง ใช้ส่วนตัวและไม่เกี่ยวกับงาน ทั้งการต่อทะเบียนรถยนต์หรือต่อทะเบียนมอเตอร์ไซค์ จะทำผ่านระบบออนไลน์ก็ได้ หรือจะเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบกด้วยตัวเองก็สะดวกไม่แพ้กัน บทความนี้จะพาไปดู ขั้นตอนแบบละเอียด เข้าใจง่าย ทำตามได้จริง ไม่ต้องมีประสบการณ์มาก่อนก็ทำได้ สะดวก ประหยัด และรู้ทันทุกขั้นตอนแน่นอน!
สำหรับพนักงานที่ต้องใช้รถตัวเองในการทำงาน หรือใช้รถของบริษัท การต่อทะเบียนรถถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นการชำระภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก การต่อทะเบียนช่วยให้รถยังสามารถใช้งานได้อย่างถูกกฎหมาย และได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีที่ต้องติดไว้ที่กระจกหน้ารถอย่างชัดเจน
หากไม่ต่อทะเบียนตามกำหนด รถจะถือว่า “ขาดการต่อภาษี” ส่งผลให้เจ้าของรถเสี่ยงถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท และหากขาดต่อภาษีนานเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับอัตโนมัติ ทำให้ไม่สามารถใช้งานรถในการทำงานได้ จนกว่าจะดำเนินการต่อทะเบียนใหม่ ซึ่งนอกจากเสียเวลาแล้ว อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ รถที่ไม่ได้ต่อทะเบียนจะไม่สามารถทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ได้ และหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างใช้งานเพื่อทำงาน อาจไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย จึงถือว่าการต่อทะเบียนรถเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับพนักงานทุกคนที่ใช้รถเพื่อทำงาน
ต่อทะเบียนรถกับต่อภาษีรถ มักถูกพูดถึงควบคู่กันจนหลายคนสับสนว่าคือเรื่องเดียวกันเพราะมักทำพร้อมกันทุกปี แต่ความจริงแล้วทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยการต่อทะเบียนรถคือการดำเนินการเพื่อให้ทะเบียนรถยังคงมีสถานะใช้งานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่ต่อทะเบียนเกิน 3 ปี ทะเบียนจะถูกระงับ และอาจต้องจดทะเบียนใหม่ ซึ่งยุ่งยากและเสียเวลา
ส่วนการต่อภาษีรถ หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า “การชำระภาษีรถประจำปี” คือการเสียภาษีให้กับกรมการขนส่งฯ ตามอัตราที่กำหนดโดยขึ้นอยู่กับประเภทรถ ขนาดเครื่องยนต์ และอายุของรถ การเสียภาษีนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องทำก่อนถึงการต่อทะเบียน หากไม่ชำระภาษีก็จะไม่สามารถต่อทะเบียนรถได้
ทั้งนี้ แม้ว่าจะเป็นขั้นตอนที่แยกจากกัน แต่ในทางปฏิบัติเมื่อเจ้าของรถไปดำเนินการที่กรมการขนส่งฯ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ มักจะทำทั้งชำระภาษี และต่อทะเบียนไปพร้อมกันในครั้งเดียว ทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นขั้นตอนเดียวกัน ทั้งที่จริงแล้วเป็นการดำเนินการสองส่วนที่เกี่ยวข้องกันนั่นเอง
สำหรับพนักงานที่ต้องการรถบริษัทไปต่อทะเบียน หรือรถตัวเองแต่ใช้สำหรับทำงานไปต่อทะเบียนรถ หรือรถส่วนตัวของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทั้งรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมให้พร้อมล่วงหน้าคือเอกสารที่ต้องใช้ในการต่อทะเบียน เพราะถ้าเอกสารไม่ครบ อาจทำให้ต้องเสียเวลาเดินทางซ้ำอีกครั้ง มาดูกันว่าเอกสารที่ใช้ต่อทะเบียนรถมีอะไรบ้าง และแต่ละประเภทของรถต้องใช้เอกสารต่างกันอย่างไร
รถของพนักงานเอง ใช้ส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน สามารถต่อทะเบียนได้ตามปกติเหมือนที่เคยทำมา โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้
บัตรประชาชนของเจ้าของรถ
เล่มทะเบียนรถ
ใบเสร็จชำระภาษีปีที่ผ่านมา
ใบรับรอง พ.ร.บ.
การต่อทะเบียนรถยนต์กรณีรถยนต์ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถกระบะ หรือรถ SUV ต้องใช้เอกสารหลักๆ ดังนี้
ใบมอบอำนาจจากบริษัท (ระบุชื่อพนักงานที่ไปดำเนินการแทน)
สำเนาบัตรประชาชนของพนักงานผู้ไปดำเนินการ
เล่มทะเบียนรถ (สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ)
ใบเสร็จชำระภาษีปีที่ผ่านมา (ถ้ามี)
โดยเอกสารที่ต้องใช้ในกรณีรถของพนักงานเองแต่ใช้ทำงานมีดังนี้
บัตรประชาชนของเจ้าของรถ
เล่มทะเบียนรถ
ใบเสร็จชำระภาษีปีที่ผ่านมา
ใบรับรองการต่อประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
หากรถเป็นรถของพนักงานเอง แต่บริษัทจ่ายค่าภาษีหรือประกัน ควรมีเอกสารยืนยันความสัมพันธ์ เช่น หนังสือมอบอำนาจหรือใบแจ้งค่าใช้จ่ายจากบริษัท และควรตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมกับสำนักงานขนส่งแต่ละจังหวัด เพราะบางแห่งอาจมีข้อกำหนดพิเศษ
หากคุณเลือกที่จะต่อทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบกด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ก็สามารถดำเนินการได้ไม่ยาก เพียงเตรียมเอกสารให้ครบและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด โดยแต่ละขั้นตอนจะเป็นไปตามลำดับดังนี้
หากรถมีอายุเกินกำหนดที่ต้องตรวจสภาพ ได้แก่ รถยนต์อายุเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์อายุเกิน 5 ปี จะต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพก่อนการต่อทะเบียน ซึ่งสามารถตรวจได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) หรือที่กรมการขนส่งทางบก โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความพร้อมของรถ เช่น ระบบเบรก ไฟหน้า ไฟท้าย ระบบไอเสีย ฯลฯ เมื่อผ่านการตรวจแล้ว จะได้รับใบรับรองการตรวจสภาพรถ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการขั้นตอนต่อไป
หลังจากเตรียมเอกสารครบและตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว (ถ้าจำเป็น) ให้นำรถและเอกสารทั้งหมดไปที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือเขตที่รถคุณจดทะเบียนอยู่ โดยแนะนำให้ไปตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงการรอนาน เมื่อไปถึงให้ติดต่อที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อขอคิวในการดำเนินการต่อทะเบียน เจ้าหน้าที่จะช่วยแนะนำขั้นตอนต่างๆ และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเบื้องต้น
เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่จะคำนวณภาษีรถประจำปีตามประเภทและอายุของรถ พร้อมแจ้งค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมป้ายทะเบียน (ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง) หรือค่าปรับ (หากต่อทะเบียนล่าช้า) หลังจากนั้นเจ้าของรถสามารถชำระเงินได้ที่ช่องรับชำระเงินของกรมการขนส่ง ซึ่งรองรับทั้งเงินสดและบางแห่งมีระบบชำระผ่าน QR code หรือบัตร
หลังชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะอัปเดตข้อมูลในเล่มทะเบียนรถให้ทันที หากมีการเปลี่ยนแปลงป้ายทะเบียน เช่น ป้ายหาย ป้ายชำรุด หรือเป็นป้ายทะเบียนรถใหม่ จะได้รับป้ายใหม่ในขั้นตอนนี้ด้วย สำหรับรถทั่วไปที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะยังคงใช้ป้ายเดิม และเจ้าหน้าที่จะคืนเล่มทะเบียนให้หลังอัปเดตเสร็จ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมดที่ได้รับคืน ไม่ว่าจะเป็นเล่มทะเบียนรถที่ผ่านการอัปเดตเรียบร้อยแล้ว หรือ แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีประจำปี ที่ควรติดไว้บนกระจกรถ (สำหรับรถยนต์) หรือบริเวณที่กำหนด (สำหรับรถจักรยานยนต์) เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เจ้าของรถก็สามารถใช้งานรถต่อไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายจนกว่าจะถึงรอบปีถัดไป
หากต้องการความสะดวกและประหยัดเวลา การต่อทะเบียนรถออนไลน์เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ต้องเดินทางไปที่กรมการขนส่งทางบก ไปดูขั้นตอนการต่อทะเบียนรถออนไลน์กันว่าทำอย่างไรบ้าง
เริ่มต้นโดยเปิดเว็บเบราว์เซอร์แล้วเข้าไปที่เว็บไซต์ทางการของกรมการขนส่งทางบกที่ https://www.dlt.go.th หรือเข้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax ซึ่งรองรับทั้ง iOS และ Android เพื่อความสะดวกในการใช้งานบนมือถือ
สำหรับผู้ใช้ครั้งแรกต้องทำการสมัครสมาชิกโดยกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และตั้งรหัสผ่าน เมื่อสมัครเสร็จแล้ว ให้ล็อกอินเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ รวมถึงการต่อทะเบียนรถ
หลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว ให้เลือกเมนูหรือหัวข้อ “ต่อทะเบียนรถ” ซึ่งระบบจะให้กรอกหมายเลขทะเบียนรถและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อค้นหาข้อมูลรถของคุณในระบบ และแสดงรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการต่อทะเบียนในปีนั้นๆ
เมื่อระบบแสดงข้อมูลรถแล้ว ให้ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เช่น หมายเลขทะเบียน ยี่ห้อรถ รุ่น ปีที่จดทะเบียน และวันหมดอายุภาษีรถประจำปี เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องและรถยังสามารถต่อทะเบียนออนไลน์ได้ (กรณีรถไม่ติดเงื่อนไขตรวจสภาพ)
หลังจากยืนยันข้อมูลเรียบร้อย ระบบจะคำนวณภาษีรถและค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้ พร้อมช่องทางการชำระเงินที่สะดวก เช่น ผ่านบัตรเครดิต เดบิต หรือพร้อมเพย์ เมื่อชำระเงินสำเร็จ ระบบจะส่งใบเสร็จยืนยันการชำระมาให้ทันที
เมื่อชำระเงินครบถ้วน ระบบจะออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ให้ดาวน์โหลดและบันทึกเก็บไว้ สำหรับรถที่ใช้ระบบ e-Stamp (สติกเกอร์แสดงการชำระภาษีแบบดิจิทัล) จะได้รับสติกเกอร์อิเล็กทรอนิกส์ให้ติดบนรถตามตำแหน่งที่กำหนด ช่วยลดปัญหาป้ายหายหรือปลอมแปลงได้
หากรถมีอายุเกินกำหนดที่ต้องตรวจสภาพ เช่น รถยนต์อายุเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์เกิน 5 ปี ระบบจะแจ้งให้ทราบและไม่สามารถต่อทะเบียนออนไลน์ได้ทันที ต้องนำรถไปตรวจสภาพที่สถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) หรือที่กรมการขนส่งฯ ก่อน จากนั้นนำใบรับรองการตรวจสภาพมายืนยันเพื่อดำเนินการต่อทะเบียนในขั้นตอนถัดไป
นอกจากการต่อทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบกหรือผ่านระบบออนไลน์แล้ว ปัจจุบันยังมีช่องทางอื่นๆ ที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อรองรับผู้ใช้รถที่ต้องการความง่ายและประหยัดเวลา ไม่ต้องรอคิวนานหรือเดินทางไกล มาดูตัวเลือกยอดนิยมกัน
จุดบริการชั่วคราวในห้าง (Drive Thru, Shop In Mall) ต่อทะเบียนและชำระภาษีได้ง่ายๆ ภายในห้างสรรพสินค้าหรือจุดบริการชั่วคราว เช่น Drive Thru ที่ไม่ต้องลงจากรถ หรือ Shop In Mall ที่มีเคาน์เตอร์ให้บริการ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวก ไม่ต้องเสียเวลารอคิวที่สำนักงานขนส่ง
ตู้ต่อภาษีอัตโนมัติ (Kiosk) เป็นตู้บริการแบบ Self-Service ที่ตั้งอยู่ในสถานที่ต่างๆ เช่น สำนักงานขนส่ง ห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์บริการที่ร่วมรายการ เจ้าของรถสามารถทำรายการชำระภาษีและต่อทะเบียนได้ด้วยตนเอง ผ่านหน้าจอสัมผัสของตู้ โดยระบบจะออกใบเสร็จและสติกเกอร์ภาษีให้ทันที ช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการรอคอย
ข้อควรระวังสำหรับพนักงานที่นำรถบริษัทไปต่อทะเบียน หรือรถตัวเองแต่ใช้ทำงานการต่อทะเบียนรถล่าช้าอาจส่งผลให้เกิดปัญหาและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็น ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและวางแผนต่อทะเบียนให้ตรงเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่างๆ ดังนี้
ผลกระทบต่อการทำงาน สำหรับพนักงานที่ใช้รถไปทำงาน หากรถไม่สามารถใช้งานได้ อาจทำให้การปฏิบัติงานล่าช้า หรือส่งผลต่อการส่งงาน
เสี่ยงถูกปรับ รถที่ขาดต่อทะเบียนถือว่า “ขาดการต่อภาษี” เจ้าของรถอาจถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท และหากล่าช้านานเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับอัตโนมัติ
ไม่สามารถใช้งานรถได้ตามกฎหมาย รถที่ไม่ได้ต่อทะเบียนจะไม่สามารถใช้งานบนท้องถนนได้จนกว่าจะดำเนินการต่อทะเบียนใหม่
สถานะทะเบียนรถถูกระงับ หากไม่ต่อทะเบียนเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับและต้องดำเนินการจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากและใช้เวลานานกว่าเดิม
ความเสี่ยงทางกฎหมายและประกันภัย การขับขี่รถที่ทะเบียนหมดอายุถือว่าผิดกฎหมาย และหากเกิดอุบัติเหตุ ประกันภัยอาจไม่คุ้มครองความเสียหาย ทำให้ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
วิธีแก้ไขเมื่อต่อทะเบียนล่าช้า หากล่าช้า ควรรีบดำเนินการต่อทะเบียนโดยเร็วที่สุด พร้อมชำระค่าปรับและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สถานะทะเบียนกลับมาเป็นปกติ และไม่ควรละเลยหากเกิน 3 ปี ให้รีบติดต่อกรมการขนส่งเพื่อดำเนินการจดทะเบียนใหม่ทันที
การต่อทะเบียนรถเป็นสิ่งจำเป็นตามกฎหมายเพื่อให้รถใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย พนักงานที่ใช้รถบริษัทหรือตัวเองต้องชำระภาษีประจำปีและต่อทะเบียนให้ตรงเวลา เพราะล่าช้าอาจถูกปรับ ทะเบียนถูกระงับ และประกันภัยไม่คุ้มครอง เอกสารหลักที่ใช้ในการดำเนินการได้แก่ เล่มทะเบียน บัตรประชาชน ใบเสร็จภาษี และใบมอบอำนาจกรณีรถบริษัท สามารถทำได้ทั้งที่สำนักงานขนส่ง ออนไลน์ผ่านเว็บหรือแอป DLT จุดบริการในห้าง และตู้ Kiosk ช่วยประหยัดเวลาและลดความยุ่งยาก
และถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นงานที่ตอบโจทย์หรือความก้าวหน้าในสายอาชีพ อย่าลืมหางานผ่าน Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวบรวมตำแหน่งงานหลากหลายสาขา ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับโอกาสที่ใช่ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในชีวิตได้อย่างมั่นใจและรวดเร็ว!
วิธีการต่อใบขับขี่ออนไลน์มีขั้นตอนอย่างไร พร้อมเอกสารที่ต้องเตรียม
ต่อพาสปอร์ตและทำพาสปอร์ตออนไลน์สะดวก รวดเร็ว ง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน
การต่อทะเบียนรถเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้ เพื่อป้องกันปัญหาการใช้รถที่ผิดกฎหมาย และหลีกเลี่ยงค่าปรับที่อาจเกิดขึ้น และต่อไปคือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการต่อทะเบียนรถ พร้อมคำตอบที่ช่วยให้คุณเข้าใจและดำเนินการได้ง่ายขึ้น
สามารถต่อทะเบียนรถล่วงหน้าได้ก่อนวันหมดอายุภาษีสูงสุดประมาณ 3 เดือน หรือ 90 วัน เพื่อความสะดวกและไม่ต้องรอต่อทะเบียนในช่วงใกล้หมดอายุ
หากต่อทะเบียนเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้รับสติกเกอร์ภาษี (หรือสติกเกอร์อิเล็กทรอนิกส์) ให้ติดต่อกรมการขนส่งทางบกหรือจุดบริการที่คุณทำรายการ เพื่อตรวจสอบและขอรับสติกเกอร์ให้ครบถ้วน
ถ้าทะเบียนรถขาดเกิน 1 ปี ต้องดำเนินการต่อทะเบียนแบบใหม่ทั้งหมด รวมถึงการตรวจสภาพรถและชำระค่าปรับตามที่กรมการขนส่งกำหนด ควรรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันปัญหาและความยุ่งยากเพิ่มเติม