กองทุนลดหย่อนภาษีคืออะไร เลือกอย่างไร กองทุนไหนตอบโจทย์ที่สุด

กองทุนลดหย่อนภาษีคืออะไร เลือกอย่างไร กองทุนไหนตอบโจทย์ที่สุด
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 21 August, 2025
Share

Key Takeaway

  • กองทุนลดหย่อนภาษีคือกองทุนรวมที่มีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำยอดซื้อไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามกฎหมาย เช่น กองทุน SSF และ RMF
  • หลักๆ มี 2 ประเภท คือ กองทุน SSF (Super Savings Fund) เน้นลงทุนระยะกลาง-ยาว และกองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) เน้นลงทุนเพื่อเกษียณอายุและมีเงื่อนไขถือยาวกว่า
  • วิธีเลือกกองทุนที่เหมาะสมคือ เลือกตามเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลาที่ต้องการถือ และระดับความเสี่ยงที่รับได้ รวมถึงพิจารณาค่าธรรมเนียมและนโยบายกองทุนด้วย
  • ข้อควรรู้ก่อนลงทุนคือ ต้องอ่านหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจ ลงทุนก่อนสิ้นปีเท่านั้น กองทุนมีความเสี่ยงอาจขาดทุนได้ และเก็บหลักฐานการซื้อไว้ยื่นภาษี

กองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง RMF และ SSF และกองทุนอื่นๆ เช่น PVD คือตัวช่วยคนสำคัญที่ทั้งช่วยประหยัดภาษี และเป็นเครื่องมือวางแผนการเงินระยะยาวได้ในเวลาเดียวกัน แต่คำถามคือจะเลือกกองทุนแบบไหนให้เหมาะกับเป้าหมาย และไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด? บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจในกองทุนต่างๆ มากขึ้น พร้อมแนะนำวิธีเลือกกองทุนให้ตรงกับชีวิตคุณที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของธุรกิจ ก็วางแผนภาษีได้อย่างคุ้มค่าแน่นอน!

ทำความเข้าใจ กองทุนลดหย่อนภาษีคืออะไร?

ทำความเข้าใจ กองทุนลดหย่อนภาษีคืออะไร?

กองทุนลดหย่อนภาษี คือเครื่องมือทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อจูงใจให้คนไทยออมเงินและลงทุนในระยะยาว โดยมีสิทธิประโยชน์คือสามารถนำเงินที่ลงทุนไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด กองทุนที่อยู่ในกลุ่มนี้ที่คนรู้จักกันดี ได้แก่ RMFSSF และกองทุนอื่นที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ เช่น PVD (Provident Fund) ซึ่งต่างมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน เตรียมความพร้อมด้านการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะเพื่อใช้หลังเกษียณหรือในอนาคต

โดยนอกจากจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่ช่วยทั้ง “ประหยัดภาษี” และ “สร้างวินัยการออม” ไปพร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

กองทุนลดหย่อนภาษีมีกี่ประเภท?

ประโยชน์ของการลงทุน ในกองทุนลดหย่อนภาษี

ประโยชน์ของการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีมีหลายด้านที่ช่วยให้คุณทั้งประหยัดภาษีและวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

  • ช่วยลดหย่อนภาษีได้จริง เงินที่นำไปลงทุนในกองทุน RMF หรือ SSF สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้ภาระภาษีลดลงและมีเงินเหลือใช้มากขึ้น
  • ส่งเสริมการออมเงินระยะยาว กองทุนเหล่านี้ถูกออกแบบให้เหมาะกับการลงทุนระยะยาว ช่วยสร้างวินัยในการออมเงินเพื่อใช้ในอนาคต เช่น หลังเกษียณ
  • มีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน นอกจากประหยัดภาษีแล้ว เงินลงทุนในกองทุนยังมีโอกาสเติบโตผ่านผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่กองทุนเลือกลงทุน ช่วยเพิ่มมูลค่าเงินออมได้
  • ช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน การลงทุนผ่านกองทุนรวมช่วยกระจายความเสี่ยง เพราะกองทุนจะลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับการลงทุนด้วยตัวเอง
  • เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์การเงิน ไม่ว่ามีรายได้ประจำ หรือทำงานอิสระ กองทุนลดหย่อนภาษีช่วยให้วางแผนการเงินและเก็บออมได้อย่างเหมาะสมกับรูปแบบชีวิตของตัวเอง

โดยรวม การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ประหยัดภาษีไปพร้อมกับสร้างฐานการเงินที่มั่นคงในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กองทุนลดหย่อนภาษีมีกี่ประเภท?

กองทุนลดหย่อนภาษีมีกี่ประเภท?

กองทุนลดหย่อนภาษีหลักๆ ที่คนไทยนิยมลงทุนเพื่อประหยัดภาษีและวางแผนการเงินระยะยาว ได้แก่ กองทุน RMF, SSF และกองทุนเสริมอื่นๆ สำหรับพนักงานบริษัท เช่น PVD ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีจุดประสงค์ เงื่อนไข และวิธีใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่แตกต่างกันไป เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน

กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund)

กองทุน RMF คือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะยาวสำหรับใช้หลังเกษียณ โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือตราสารทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปีอย่างน้อย 1 ครั้ง รวมถึงต้องลงทุนจนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไป จึงจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี เหมาะกับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินเพื่อเกษียณอย่างจริงจังและมีวินัยในการลงทุนระยะยาว

ข้อดี ของกองทุน RMF

  • ช่วยส่งเสริมวินัยการออมและลงทุนระยะยาว
  • สามารถนำเงินลงทุน RMF ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน
  • ผลตอบแทนมีโอกาสเติบโตสูงเนื่องจากลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย
  • เหมาะสำหรับผู้วางแผนเกษียณที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

ข้อจำกัด ของกองทุน RMF

  • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี
  • ต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไป ถึงจะถอนเงินได้โดยไม่มีผลกระทบทางภาษี
  • มีข้อจำกัดในการถอนเงินก่อนครบกำหนด ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน

กองทุน SSF (Super Savings Fund)

กองทุน SSF คือกองทุนรวมเพื่อการออมที่เน้นให้ประชาชนทั่วไปมีโอกาสลงทุนและลดหย่อนภาษีโดยไม่ต้องรอถึงเกษียณแบบ RMF โดยกองทุนนี้เปิดโอกาสให้ถือครองไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่มีข้อบังคับต้องลงทุนทุกปีเหมือน RMF ทำให้ยืดหยุ่นกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีและวางแผนออมเงินในระยะกลางถึงยาว โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายตามนโยบายกองทุน

ข้อดี ของกองทุน SSF

  • ลงทุนน้อยกว่า RMF และมีเงื่อนไขการถือครองที่สั้นกว่า (อย่างน้อย 1 ปี)
  • สามารถนำเงินลงทุน SSF ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน
    ยืดหยุ่นกว่า RMF เพราะไม่บังคับลงทุนทุกปี
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะกลางถึงยาวโดยไม่ต้องรอถึงเกษียณ

ข้อจำกัด ของกองทุน SSF

  • กองทุน SSF เงื่อนไขคือถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี
  • มีข้อจำกัดในการถอนเงินก่อนครบกำหนดหากต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี
  • ผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่ากับ RMF ในบางกรณี

กองทุน PVD (Provident Fund)

กองทุน PVD (Provident Fund) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ้างและพนักงานร่วมกันจ่ายเงินสมทบเพื่อเป็นเงินออมสำหรับพนักงาน โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยให้พนักงานมีเงินออมในระยะยาวเพื่อใช้หลังเกษียณหรือยามฉุกเฉิน กองทุนนี้มีการบริหารจัดการโดยบริษัทจัดการกองทุนที่ได้รับอนุญาต เหมาะกับพนักงานบริษัทที่ได้รับสิทธิ์จากนายจ้าง

ข้อดี ของกองทุน PVD

  • นายจ้างร่วมสมทบเงินลงทุน ทำให้เงินออมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ช่วยสร้างวินัยการออมเงินในระยะยาวสำหรับพนักงาน
  • ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทั้งของนายจ้างและพนักงาน
  • มีการบริหารจัดการโดยมืออาชีพ มีความหลากหลายในตัวเลือกการลงทุน

ข้อจำกัด ของกองทุน PVD

  • ต้องเป็นพนักงานบริษัทที่ได้รับสิทธิ์เท่านั้น
  • การถอนเงินมีเงื่อนไขเฉพาะและอาจต้องรอจนถึงอายุเกษียณ
  • อาจมีข้อจำกัดเรื่องความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเงินลงทุน
เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไร ให้เหมาะกับตัวเอง

เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไร ให้เหมาะกับตัวเอง

การจะเลือกลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีไม่ใช่แค่ดูผลตอบแทนหรือสิทธิลดหย่อนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้เหมาะกับเป้าหมายทางการเงิน ไลฟ์สไตล์ และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้การลงทุนเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในแง่ภาษีและการออมระยะยาว โดยสามารถใช้หลักพิจารณาได้ดังนี้

เลือกจากเป้าหมายการเงิน

สิ่งแรกที่ควรถามตัวเองคือต้องการลงทุนเพื่ออะไร? หากเป้าหมายคือเกษียณอย่างมั่นคง และมีวินัยในการลงทุนระยะยาว RMF คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ หากต้องการแค่ลดหย่อนภาษีแบบยืดหยุ่น โดยไม่ต้องลงทุนทุกปี SSF จะเหมาะกว่า สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่บริษัทมีสวัสดิการเงินออม PVD คือทางเลือกที่ดี เพราะนายจ้างสมทบเงินให้ด้วย การเลือกกองทุนให้ตรงกับเป้าหมาย จะช่วยให้บริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด

พิจารณาความเสี่ยงของแต่ละกองทุน

แต่ละกองทุนมีระดับความเสี่ยงไม่เท่ากัน เช่น กองทุนที่เน้น หุ้น มักให้ผลตอบแทนสูงแต่ผันผวนมาก ขณะที่กองทุนที่ลงทุนใน ตราสารหนี้หรือตลาดเงิน จะมีความเสี่ยงต่ำกว่า ดังนั้นก่อนเลือกลงทุน ควรประเมินว่ารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน หากไม่มั่นใจ อาจเลือกกองทุนความเสี่ยงต่ำหรือผสมหลายสินทรัพย์ก็ได้ เพื่อให้ได้ทั้งความปลอดภัยและโอกาสเติบโต

อายุและระยะเวลาถือครอง

  • ระยะเวลาการถือครอง เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เช่น
  • RMF ต้องถือครองถึง อายุ 55 ปี และลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี
  • SSF ต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี แต่ไม่จำกัดอายุ
  • PVD สามารถถอนเงินได้เมื่ออายุครบ 55 ปี และทำงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

หากคุณอายุยังน้อยและวางแผนระยะยาว RMF หรือ PVD อาจเหมาะสม แต่ถ้าต้องการลดหย่อนภาษีในช่วงสั้น หรือยังไม่แน่ใจเรื่องการเกษียณ SSF จะยืดหยุ่นกว่า

รายได้และสิทธิประโยชน์ทางภาษี

การเลือกกองทุนให้คุ้มค่าควรดูจากฐานรายได้ด้วย เพราะทั้ง RMF และ SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน (แต่ไม่เกิน 500,000 บาท) ส่วน PVD สามารถหักลดหย่อนได้ตามที่กฎหมายกำหนดโดยไม่ต้องลงทุนเองเต็มจำนวน เพราะนายจ้างช่วยสมทบเงิน หากมีรายได้สูง การลงทุนให้เต็มเพดานจะช่วยลดภาระภาษีได้มาก ในขณะที่ผู้มีรายได้ปานกลาง อาจเลือกลงทุนบางส่วนเพื่อความยืดหยุ่นทางการเงินในปัจจุบันก็ได้

เปรียบเทียบกองทุน SSF, RMF และ PVD ต่างกันอย่างไร?

เปรียบเทียบกองทุน SSF, RMF และ PVD ต่างกันอย่างไร?

แม้ทุกกองทุนจะให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีเหมือนกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่ต่างกันในด้านวัตถุประสงค์ เงื่อนไขการลงทุน ระยะเวลาถือครอง และกลุ่มเป้าหมาย หากเข้าใจจุดเด่น-ข้อจำกัดของแต่ละกองทุน จะช่วยให้เลือกได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมายการเงินของตัวเองที่สุด

กองทุน SSF

กองทุน RMF

กองทุน PVD

นโยบายกองทุน

ลงทุนทั่วไปแบบยืดหยุ่น

ลงทุนเพื่อเกษียณโดยเน้นระยะยาว

ลงทุนร่วมกับนายจ้างเพื่อเกษียณ

ระยะเวลาการลงทุน

ขั้นต่ำ 10 ปี

จนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไปและลงทุน ≥ 5 ปี

ตามที่บริษัทกำหนดหรือออกจากงาน

เงื่อนไขการซื้อ

ไม่บังคับซื้อทุกปี

ซื้อเองได้ ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (ยืดหยุ่นได้)

ต้องเป็นพนักงานบริษัทที่มีกองทุน

ลดหย่อนภาษีสูงสุด

ไม่เกิน 30% ของรายได้ และไม่เกิน 200,000 บาท

ไม่เกิน 30% ของรายได้ และไม่เกิน 500,000 บาท

สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท

เงื่อนไขการขายคืน/เวนคืน

ขายได้หลังครบ 10 ปี

ขายได้เมื่ออายุ ≥ 55 ปี และลงทุนครบ 5 ปี

ขายคืนเมื่อออกจากงาน

เหมาะกับใคร

ผู้เริ่มต้นลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีแบบยืดหยุ่น ไม่เน้นเกษียณ

ผู้วางแผนเกษียณระยะยาว มีวินัยลงทุน

พนักงานบริษัทที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

สภาพคล่อง

ต่ำ (ถือครบ 10 ปี)

ต่ำ (ถอนได้เมื่อเกษียณ)

ต่ำ (ออกจากงานเท่านั้น)

ความเสี่ยงของการลงทุน

ตามประเภทกองทุน (มีตั้งแต่เสี่ยงต่ำ–สูง)

ตามประเภทกองทุน (มีตั้งแต่เสี่ยงต่ำ–สูง)

ตามนโยบายกองทุนของบริษัท

หมายเหตุสำคัญ

การเลือกใช้ สามารถใช้ได้มากกว่า 1 อย่างร่วมกัน แต่มีเพดานลดหย่อนภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เช่น รวม RMF, SSF, PVD ไม่เกิน 500,000 บาท

ควรดูฐานรายได้ส่วนบุคคล และวางแผนภาษีให้สอดคล้องกับเป้าหมาย เช่น เกษียณ ออมระยะยาว หรือเน้นความคุ้มครอง

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี

หลายคนเริ่มสนใจลงทุนเพื่ออนาคตและลดหย่อนภาษีไปพร้อมกัน ซึ่งกองทุนอย่าง SSF, RMF และ PVD ก็คือทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ก่อนจะเลือกลงทุน ควรเข้าใจเงื่อนไขและจุดเด่นของแต่ละประเภทให้ชัดเจน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเงินของตนเองมากที่สุด

  • อ่านหนังสือชี้ชวนก่อนลงทุนทุกครั้ง หนังสือชี้ชวนคือเอกสารสำคัญที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนนั้นๆ เช่น นโยบายการลงทุน ความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีต ค่าธรรมเนียม ฯลฯ
  • ต้องลงทุนก่อนสิ้นปี (31 ธ.ค.) เท่านั้น เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้นๆ นักลงทุนต้องซื้อกองทุนให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคม หากพลาดไปแม้แต่วันเดียว จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้ในปีนั้น แนะนำให้วางแผนล่วงหน้า อย่ารอจนวันสุดท้าย เพราะอาจมีปัญหาทางเทคนิคจากธนาคารหรือระบบออนไลน์
  • กองทุนมีความเสี่ยง อาจขาดทุนได้ แม้กองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง SSF หรือ RMF จะได้รับสิทธิลดหย่อน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเรื่องราคาหน่วยลงทุนที่อาจลดลงได้
  • นักลงทุนควรเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมาย เช่น ลงทุนระยะยาว หรือเน้นความมั่นคง และกระจายความเสี่ยงในหลายสินทรัพย์
  • เก็บหลักฐานการซื้อไว้ยื่นภาษี หลังจากซื้อกองทุนแล้ว ควรขอหรือดาวน์โหลดเอกสาร “หนังสือรับรองการซื้อกองทุน” เพื่อแนบกับการยื่นภาษีในปีถัดไป หากใช้ยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร บางธนาคารอาจส่งข้อมูลให้โดยตรง แต่ก็ควรตรวจสอบความเรียบร้อยด้วยตัวเองทุกครั้ง

สรุป

กองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง SSF, RMF และ PVD เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณประหยัดภาษี พร้อมสร้างวินัยการออมระยะยาว โดยแต่ละกองทุนมีจุดเด่นและเงื่อนไขแตกต่างกัน เช่น SSF เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีแบบยืดหยุ่นและลงทุนในระยะกลางถึงยาว ส่วน RMF เหมาะกับผู้ที่วางแผนเกษียณและพร้อมลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่ PVD เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานบริษัทที่นายจ้างร่วมสมทบเงินลงทุน 

การเลือกกองทุนควรพิจารณาจากเป้าหมายการเงิน ความเสี่ยงที่รับได้ อายุและระยะเวลาถือครอง รวมถึงรายได้และสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อให้เหมาะสมกับสถานะและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน โดยการเข้าใจข้อดีข้อจำกัดของแต่ละกองทุนจะช่วยให้คุณวางแผนการเงินและใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด

ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายชีวิต ลองเริ่มต้นที่ Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวมตำแหน่งงานหลากหลาย ครอบคลุมทุกสายอาชีพ พร้อมให้คุณค้นหางานที่ใช่ได้ง่ายและรวดเร็ว!

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกองทุนลดหย่อนภาษี (FAQ)

หลายคนก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับการลงทุน วิธีการซื้อ และการยื่นภาษี บทความนี้รวบรวมคำตอบสำหรับคำถามยอดนิยมที่หลายคนสงสัย เพื่อให้คุณเข้าใจและใช้สิทธิประโยชน์ได้เต็มที่

คนรายได้น้อยควรซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีไหม?

แม้ว่าคนรายได้น้อยอาจไม่ได้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้เต็มที่เหมือนคนรายได้สูง แต่การลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษียังเป็นประโยชน์เพราะช่วยสร้างวินัยการออม และเตรียมความพร้อมทางการเงินในอนาคตได้ดี หากรายได้ไม่สูงมาก ควรเลือกลงทุนในวงเงินที่เหมาะสมกับความสามารถทางการเงินของตนเอง

ซื้อกองทุนผ่านแอป ออนไลน์ใช้ยื่นภาษีได้หรือไม่?

ได้ ปัจจุบันหลายบริษัทจัดการกองทุนมีแพลตฟอร์มออนไลน์และแอปพลิเคชันที่สะดวก คุณสามารถซื้อกองทุน RMF หรือ SSF ผ่านแอป แล้วระบบจะออกเอกสารหรือสลิปที่ใช้เป็นหลักฐานสำหรับยื่นลดหย่อนภาษีได้

ต้องยื่นเอกสารอะไรแนบตอนยื่นภาษี?

โดยปกติคุณต้องแนบใบเสร็จรับเงินหรือหนังสือรับรองการลงทุนจากบริษัทจัดการกองทุน (เช่น ใบสรุปสิทธิลดหย่อนภาษี) ซึ่งแสดงยอดเงินลงทุนในกองทุน RMF หรือ SSF ของปีนั้นๆ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นลดหย่อนภาษีกับกรมสรรพากร

สามารถโอน RMF หรือ SSF ไปให้ลูกหรือคนอื่นได้ไหม?

ไม่สามารถโอนสิทธิ์กองทุน RMF หรือ SSF ไปยังบุคคลอื่นได้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลตามกฎหมายการลงทุนและภาษี หากต้องการส่งต่อผลประโยชน์ อาจทำได้ผ่านการวางแผนมรดกหรือวิธีอื่นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

More from this category: ชีวิตการทำงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา