สเตตเมนต์คืออะไร? เอกสารที่ทำให้เข้าใจทุกการเคลื่อนไหวทางการเงิน
Key Takeaway
- สเตตเมนต์คือเอกสารที่แสดงความเคลื่อนไหวทางการเงินในบัญชี เช่น รายการฝาก ถอน หรือโอนเงิน ภายในช่วงเวลาหนึ่ง
- สเตตเมนต์ใช้เป็นหลักฐานทางการเงินสำหรับสมัครสินเชื่อ ขอวีซ่า ยื่นภาษี ตรวจสอบรายรับรายจ่าย และวางแผนการเงิน
- วิธีการขอสเตตเมนต์สามารถขอสเตตเมนต์ได้ผ่านแอปธนาคาร ตู้ ATM หรือไปที่สาขาธนาคาร พร้อมบัตรประชาชนและสมุดบัญชี
การมีข้อมูลทางการเงินที่ชัดเจนกลายเป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ ซื้อบ้าน วางแผนธุรกิจ หรือจัดการการเงินส่วนตัว สเตตเมนต์หรือรายการเดินบัญชีจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ มาทำความรู้จักว่าสเตตเมนต์คืออะไร ใช้ในโอกาสไหนได้บ้าง และมีประโยชน์อย่างไร เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการการเงินของคุณง่ายขึ้นและแม่นยำมากขึ้นในทุกช่วงชีวิต
สเตตเมนต์คืออะไร? ทำไมสำคัญต่อการจัดการเงิน
สเตตเมนต์คือเอกสารทางการเงินที่แสดงรายละเอียดการเคลื่อนไหวของบัญชีในช่วงเวลาหนึ่ง มักออกเป็นรายเดือน โดยจะบันทึกรายการฝาก ถอน โอน และชำระเงินต่างๆ รวมถึงยอดเงินคงเหลือในแต่ละช่วงเวลา เอกสารนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรม ยื่นภาษี วางแผนการเงิน และตรวจสอบความถูกต้องของรายการในบัญชี ช่วยให้ผู้ใช้งานติดตามสถานะทางการเงินได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
สเตตเมนต์นำไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
สเตตเมนต์ไม่ได้มีไว้เพียงแค่ดูยอดเงินเข้าออกเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ในหลายวัตถุประสงค์ โดยประโยชน์หลักๆ ของสเตตเมนต์ มีดังนี้
ทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนบุคคล
ในสเตตเมนต์จะระบุจำนวนเงินที่รับเข้าและจ่ายออกอย่างชัดเจน เมื่อนำมาใช้ร่วมกับหลักฐานอื่น เช่น ใบเสร็จรับเงินหรือสลิปโอนเงิน จะสามารถจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนบุคคลได้อย่างมีระบบ โดยเฉพาะสำหรับมนุษย์เงินเดือน การใช้สเตตเมนต์ช่วยให้วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายในแต่ละเดือน เห็นภาพรวมทางการเงินชัดเจนขึ้น และวางแผนการออมหรือควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น
จัดทำบัญชีทางธุรกิจ
สเตตเมนต์ถือเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการจัดทำบัญชีธุรกิจ ใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกรายได้ จัดทำงบการเงิน และคำนวณภาษีอย่างถูกต้อง ช่วยให้สามารถติดตามกระแสเงินสด ตรวจสอบรายการเดินบัญชี และวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน
Bank Statement คือเอกสารที่สถาบันการเงินนำมาใช้ประกอบการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ โดยจะพิจารณาจากความสม่ำเสมอของรายได้ พฤติกรรมการใช้จ่าย การออมเงิน และประวัติการชำระเงินต่างๆ ดังนั้นหาก Bank Statement แสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและมีรายรับจ่ายที่เป็นระบบ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น
ขอสมัครบัตรเครดิต
สเตตเมนต์คือเอกสารหลักในการสมัครบัตรเครดิต โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลจากรายการเดินบัญชีเพื่อประเมินรายได้เฉลี่ยต่อเดือน ความสม่ำเสมอของรายรับ และพฤติกรรมการใช้จ่าย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาวงเงินบัตรเครดิต รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้สมัครอย่างเหมาะสม
ใช้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรม
สเตตเมนต์สามารถใช้เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมสำคัญต่างๆ เช่น การซื้อบ้านหรือคอนโด โดยธนาคารจะใช้พิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อจากรายรับรายจ่ายในบัญชี เป็นข้อมูลทางการเงินที่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อ
ข้อมูลที่มีในสเตตเมนต์
ข้อมูลในสเตตเมนต์ถือเป็นรายละเอียดสำคัญที่ช่วยให้เราตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเงินได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ โดยในเอกสารนี้จะระบุรายการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของเราอย่างครบถ้วน ซึ่งได้แก่
- ข้อมูลเจ้าของบัญชี ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัญชี ประเภทบัญชี และสาขาที่เปิดบัญชี
- รายละเอียดธุรกรรม ประกอบด้วยวันที่และเวลาที่ทำรายการ ประเภทของรายการ เช่น ฝาก ถอน หรือโอน จำนวนเงินที่เกี่ยวข้อง ยอดคงเหลือหลังทำรายการ รวมถึงข้อมูลเสริม เช่น ชื่อผู้รับโอน
- ข้อมูลสรุปในสเตตเมนต์ ระบุวันที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของช่วงเวลาที่ครอบคลุม ยอดเงินคงเหลือต้นงวด ยอดเงินคงเหลือปลายงวด รวมทั้งจำนวนรายการธุรกรรมทั้งหมดในเดือนนั้น
- ข้อมูลธนาคารในสเตตเมนต์ ประกอบด้วยชื่อและโลโก้ของธนาคาร ที่อยู่สาขา ข้อมูลการติดต่อ และหมายเลขหรือรหัสอ้างอิงของเอกสารสเตตเมนต์
- ข้อมูลเพิ่มเติมในสเตตเมนต์ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงข้อความแจ้งเตือนหรือประกาศสำคัญจากทางธนาคาร
วิธีการขอสเตตเมนต์จากธนาคาร
การขอสเตตเมนต์มีขั้นตอนที่สามารถทำตามได้ไม่ยาก และในบางกรณี คุณสามารถขอได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเสียเวลาไปที่สาขาอีกต่อไป ดังนี้
- ติดต่อธนาคารผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สาขา แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์
- แจ้งระยะเวลาที่ต้องการสเตตเมนต์
- ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนหรือรหัสผ่าน
- รอรับเอกสารผ่านทางอีเมล ไปรษณีย์ หรือดาวน์โหลดจากระบบออนไลน์
การขอสเตตเมนต์มีค่าใช้จ่ายไหม?
การขอสเตตเมนต์อาจมีค่าใช้จ่ายหรือไม่ขึ้นอยู่กับช่องทางและระยะเวลาที่ขอ โดยปกติแล้วการดาวน์โหลดผ่านแอปพลิเคชันธนาคารมักไม่มีค่าธรรมเนียม แต่ถ้าขอผ่านสาขาธนาคารหรือตู้ ATM อาจมีค่าธรรมเนียมตามนโยบายของแต่ละธนาคาร โดยเฉพาะเมื่อต้องการสเตตเมนต์ย้อนหลังนานกว่าระยะเวลาที่กำหนด เช่น มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป ค่าธรรมเนียมจึงขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารและรูปแบบการขอที่เลือกใช้ด้วย
สรุป
สเตตเมนต์คือเอกสารทางการเงินที่แสดงรายการเดินบัญชีและยอดเงินคงเหลือในช่วงเวลาหนึ่ง ช่วยให้เราตรวจสอบและวางแผนการเงินได้อย่างแม่นยำ ใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการทำธุรกรรม เช่น การสมัครสินเชื่อ ขอวีซ่า หรือตรวจสอบภาษี โดยสามารถขอได้ผ่านแอปธนาคาร ตู้ ATM หรือสาขา ธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับช่องทางและระยะเวลาที่ขอ การมีสเตตเมนต์ที่ชัดเจนช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเมื่อต้องสมัครงานผ่าน Jobsdb หรือเตรียมเอกสารทางการเงินอื่นๆ
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- เช็กให้ชัด! เงินเดือนเท่าไรต้องเสียภาษี? รวมข้อมูลที่มนุษย์เงินเดือนควรรู้
- ทำบัญชีอย่างไรให้สรรพากรยอมรับได้
- สลิปเครดิตใช้หักภาษีได้หรือไม่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสเตตเมนต์ (FAQ)
สเตตเมนต์คือเอกสารสำคัญที่หลายคนต้องใช้ในสถานการณ์ต่างๆ แต่ถึงแม้จะเป็นเอกสารที่คุ้นเคยกันดี หลายคนก็ยังมีข้อสงสัยและคำถามมากมายเกี่ยวกับสเตตเมนต์ ในส่วนนี้เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสเตตเมนต์ พร้อมคำตอบที่จะช่วยไขข้อข้องใจและทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับเอกสารทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
ขอสเตตเมนต์ใช้อะไรบ้าง
ขอสเตตเมนต์ใช้บัตรประชาชน และสมุดบัญชี (กรณีติดต่อที่สาขา) หรือสามารถขอผ่านแอปธนาคารโดยไม่ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม
สเตตเมนต์มีอายุกี่วัน
สเตตเมนต์จะมีอายุ 28 วันนับจากวันที่ออกเอกสาร
สเตตเมนต์ 3 เดือน ใช้ออกรถได้ไหม
หากต้องการใช้ออกรถ แม้จะไม่ได้อัปเดตสมุดบัญชีบ่อยครั้ง ก็สามารถใช้สเตตเมนต์ย้อนหลัง 6 เดือน ที่ขอจากธนาคารมาเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้
ทำวีซ่าต้องใช้สเตตเมนต์กี่เดือน
การยื่นวีซ่ามักต้องใช้สเตตเมนต์ย้อนหลัง 6 เดือน ซึ่งแสดงรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร ทั้งรายรับและรายจ่าย โดยนับย้อนหลังจากวันที่ยื่นขอวีซ่า
ใช้สเตตเมนต์แทนสลิปเงินเดือนได้ไหม
สเตตเมนต์นับเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ใช้แทนสลิปเงินเดือนได้ โดยคุณต้องยื่นรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อแสดงให้สถาบันการเงินเห็นถึงรายรับที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ และหากบัญชีของคุณมีเงินเหลือเพียงพอ ก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับตัวคุณเองได้ด้วย