บัตรเดบิตคืออะไร? พร้อมประโยชน์และเหตุผลที่ควรใช้ในชีวิตประจำวัน

บัตรเดบิตคืออะไร? พร้อมประโยชน์และเหตุผลที่ควรใช้ในชีวิตประจำวัน
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 17 April, 2025
Share

Key Takeaway

  • บัตรเดบิต คือ บัตรที่เชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝาก โดยเงินจะถูกหักออกจากบัญชีในทันทีเมื่อมีการทำธุรกรรม ซึ่งผู้ถือบัตรจะใช้จ่ายตามจำนวนเงินฝากที่มีในบัญชีเท่านั้น  
  • บัตรเดบิตเป็นการใช้เงินของตัวเองในการใช้จ่าย ทำให้ไม่มีภาระหนี้และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืนในภายหลัง ขณะที่บัตรเครดิตเป็นการใช้วงเงินจากสถาบันการเงิน จึงจำเป็นต้องชำระคืนตามรอบบิล หากชำระไม่ตรงเวลาอาจมีดอกเบี้ยสะสมตามมาได้ 
  • บัตรเดบิต มีข้อดีคือช่วยควบคุมงบประมาณ ลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้ ใช้จ่ายสะดวกโดยไม่ต้องพกเงินสด และบางบัตรอาจมีสิทธิประโยชน์ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือบริการแจ้งเตือนธุรกรรม ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

ในยุคที่การใช้จ่ายแบบไร้เงินสดกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก บัตรเดบิตจึงได้กลายเป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องพกเงินสด ซึ่งหลายคนอาจยังคงสับสนระหว่างบัตรเดบิตและบัตรเครดิตว่าทั้ง 2 ชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับบัตรเดบิตให้มากยิ่งขึ้นว่าคืออะไร พร้อมทั้งประโยชน์และเหตุผลที่ควรมีติดตัวไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน 

บัตรเดบิตคืออะไร? เข้าใจหลักการและการใช้งาน

บัตรเดบิตคืออะไร? เข้าใจหลักการและการใช้งาน

บัตรเดบิต คือ บัตรที่เชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถสมัครได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องมีสลิปเงินเดือนหรือหลักฐานยืนยันรายได้ เพราะเป็นบัตรที่หักเงินจากบัญชีของผู้ถือบัตรโดยตรงเมื่อมีการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ซื้อสินค้าออนไลน์ ชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร (POS) หรือถอนเงินจากตู้ ATM โดยไม่มีวงเงินกู้เสริมจากธนาคาร ทำให้ผู้ถือบัตรใช้จ่ายได้ตามจำนวนเงินที่ฝากในบัญชีเท่านั้น 

บัตรเดบิตแบบมีความคุ้มครอง ดีจริงไหม?

บัตรเดบิตแบบมีความคุ้มครอง ดีจริงไหม?

บัตรเดบิตไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการใช้จ่ายเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังมาพร้อมความคุ้มครองเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการออมเงินควบคู่ไปกับการใช้จ่ายอย่างเป็นระบบและได้รับสิทธิประโยชน์เหนือกว่าบัตรเดบิตทั่วไปหลายประการ โดยการคุ้มครองพิเศษที่พบได้บ่อย มีดังนี้  

ประกันอุบัติเหตุ

ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้ถือบัตรได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ซึ่งอาจรวมถึงค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ หรือเงินชดเชยกรณีทุพพลภาพ โดยวงเงินคุ้มครองจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรเดบิตแต่ละประเภท

ประกันสุขภาพ

ให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้ถือบัตรเจ็บป่วย โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล เช่น ค่าห้องพักในโรงพยาบาล ค่ายา ค่าตรวจวินิจฉัย และค่ารักษาพยาบาลทั่วไป รวมถึงอาจมีการคุ้มครองโรคร้ายแรงบางประเภท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบัตรแต่ละประเภทและข้อตกลงของบริษัทผู้ออกบัตร

คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล

มักเป็นการคุ้มครองด้านการรักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุเป็นหลัก เช่น ค่ารักษาฉุกเฉิน ค่าผ่าตัด ค่ากายภาพบำบัด หรือค่ารักษาต่อเนื่องหลังอุบัติเหตุ รวมถึงอาจมีการชดเชยรายได้ระหว่างการพักฟื้น ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครองของบัตรเดบิตที่เลือกใช้

ประกันการเดินทาง

ให้ความคุ้มครองในระหว่างการเดินทาง เช่น ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินในต่างประเทศ ค่าชดเชยกรณีเที่ยวบินล่าช้า หรือกระเป๋าเดินทางสูญหาย รวมถึงความช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างเดินทาง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย

ทำความเข้าใจ บัตรเดบิตกับบัตรเครดิตต่างกันอย่างไร

ทำความเข้าใจ บัตรเดบิตกับบัตรเครดิตต่างกันอย่างไร

แม้ว่าบัตรเดบิตและบัตรเครดิตจะมีลักษณะการใช้งานที่คล้ายกัน แต่ทั้ง 2 ประเภทมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันหลายด้าน ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 

  • แหล่งที่มาของเงิน
    • บัตรเดบิต คือบัตรที่ใช้เงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรโดยตรง ซึ่งทุกครั้งที่ทำธุรกรรม เงินจะถูกหักจากบัญชีในทันที
    • บัตรเครดิต คือบัตรที่ใช้เงินจากวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารอนุมัติให้ ซึ่งผู้ถือบัตรต้องชำระคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • ภาระหนี้สินและเครดิตบูโร
    • บัตรเดบิต ไม่มีภาระหนี้สิน เพราะใช้จ่ายเท่าที่มีในบัญชี
    • บัตรเครดิต หากใช้เกินกำลังชำระหรือผิดนัดชำระหนี้ อาจทำให้เกิดดอกเบี้ยและส่งผลกระทบต่อประวัติทางการเงิน รวมถึงอาจติดเครดิตบูโร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการขอสินเชื่ออีกในอนาคต
  • ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
    • บัตรเดบิต คือบัตรที่ไม่มีดอกเบี้ย เพราะใช้เงินของตัวเอง แต่บางธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมรายปี
    • บัตรเครดิต เป็นบัตรที่มีดอกเบี้ยกรณีที่ชำระไม่เต็มจำนวน และอาจมีค่าธรรมเนียมกรณีเบิกเงินสดล่วงหน้า
  • สิทธิประโยชน์และโปรโมชั่น
    • บัตรเดบิต ส่วนใหญ่ให้สิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการออมเงิน การควบคุมค่าใช้จ่าย และการคุ้มครอง เช่น ประกันอุบัติเหตุหรือประกันสุขภาพ
    • บัตรเครดิต มีโปรโมชั่นที่หลากหลายกว่า เช่น ส่วนลดร้านค้า คะแนนสะสม และสิทธิพิเศษในการผ่อนชำระสินค้าต่างๆ
      ⁠ 
  • การใช้งานในกรณีฉุกเฉิน
    • บัตรเดบิต คือบัตรที่ใช้ได้เท่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี จึงอาจไม่เหมาะสำหรับกรณีฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก
    • บัตรเครดิต สามารถใช้วงเงินล่วงหน้าเพื่อรับมือกับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินได้ แต่ต้องระวังเรื่องภาระดอกเบี้ยหากชำระคืนไม่ตรงเวลา
ประโยชน์และข้อดีของบัตรเดบิตคือ?

ประโยชน์และข้อดีของบัตรเดบิตคือ?

บัตรเดบิตมีประโยชน์และข้อดีหลายประการที่ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นเรื่องง่าย สะดวก และปลอดภัย ดังนี้

  • ช่วยให้ใช้จ่ายได้สะดวกโดยไม่ต้องพกเงินสด ลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือถูกขโมย พร้อมรองรับการชำระเงินทั้งออนไลน์และออฟไลน์
  • ช่วยให้ควบคุมงบประมาณได้ง่าย ใช้จ่ายได้เท่ากับยอดเงินที่มีในบัญชี ป้องกันการก่อหนี้เกินตัว และช่วยให้การออมเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ไม่มีภาระดอกเบี้ยหรือหนี้สิน ไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ยสะสมเหมือนบัตรเครดิต เพราะใช้เงินจากบัญชีโดยตรง
  • ถอนเงินสดได้สะดวก สามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ทุกที่ที่รองรับบัตรเดบิตของธนาคารผู้ออกบัตร
  • สมัครง่าย ไม่ต้องใช้เครดิต ไม่ต้องมีประวัติทางการเงินหรือเครดิตบูโรเหมือนบัตรเครดิต ทำให้ทุกคนสามารถสมัครได้ง่ายเพียงมีเงินฝากในบัญชี
  • รองรับการใช้จ่ายทั่วโลก บัตรเดบิตที่มีเครือข่ายระหว่างประเทศ เช่น Visa หรือ Mastercard จึงสามารถใช้ชำระเงินและถอนเงินได้ในต่างประเทศ
  • เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ลดความเสี่ยงจากการใช้เงินสด และบางธนาคารยังมีระบบแจ้งเตือนการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันอีกด้วย
  • บางบัตรมาพร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ หรือโปรโมชันจากร้านค้าที่ร่วมรายการ จึงช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต เลือกบัตรไหนดี?

บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต เลือกบัตรไหนดี?

บัตรเดบิตและบัตรเครดิตมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้บัตรที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของคุณมากที่สุด ควรพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญดังต่อไปนี้ 

รู้จักนิสัยการใช้จ่ายของตัวเอง

การเลือกบัตรที่เหมาะสมควรเริ่มจากการประเมินพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก 

  • หากไม่ชอบการเป็นหนี้สิน ไม่ชอบการผ่อนสินค้า และไม่ต้องการใช้เงินล่วงหน้า บัตรเดบิตคือตัวเลือกที่เหมาะมากกว่า เพราะใช้จ่ายได้ตามยอดเงินในบัญชีเท่านั้น
  • หากต้องการความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น บัตรเครดิตจะช่วยให้คุณใช้จ่ายล่วงหน้าได้ พร้อมระบบผ่อนชำระ แต่ควรมั่นใจว่าสามารถบริหารการชำระคืนได้อย่างมีวินัย เพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยสะสมและปัญหาทางการเงินในอนาคต

เปรียบเทียบโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ เพื่อเลือกให้คุ้มค่า

การจะเลือกใช้งานระหว่างบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่การใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมว่าต่างกันอย่างไร เพื่อให้คุ้มค่ากับความต้องการใช้งานได้มากที่สุด โดยสามารถพิจารณาได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้ 

บัตรเดบิต

มักเน้นสิทธิประโยชน์ด้านความปลอดภัยและการควบคุมการเงิน เช่น ระบบแจ้งเตือนธุรกรรม บริการออมเงินอัตโนมัติ และในบางกรณีอาจมาพร้อม ประกันอุบัติเหตุหรือประกันสุขภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ใช้ที่ต้องการใช้จ่ายอย่างมีวินัยได้มากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมรายจ่าย เช่น นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องการออมเงินและใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ

บัตรเครดิต

ให้สิทธิประโยชน์ในรูปแบบของ ส่วนลดร้านค้า โปรโมชั่นพิเศษ คะแนนสะสม และเงินคืน (Cashback) ที่สามารถนำมาใช้แลกของรางวัล หรือใช้เป็นส่วนลดในการใช้จ่ายครั้งต่อไปได้ นอกจากนี้บางบัตรยังมีบริการผ่อนชำระ 0% และสิทธิพิเศษในการเดินทาง

เช่น เลานจ์สนามบินหรือประกันการเดินทางเพิ่มเข้ามาอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการใช้จ่ายและมีรายรับที่มั่นคง เช่น พนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจ หรือผู้ที่มีรายได้ประจำและสามารถบริหารการเงินได้ดี

ค่าธรรมเนียมรายปี

ค่าธรรมเนียมรายปีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้บัตร เพราะเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ต้องจ่ายต่อปี ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมตามระดับที่รับได้  โดยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมีค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

  • บัตรเดบิต โดยทั่วไปจะไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีหรืออาจมีค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับธนาคารและประเภทของบัตร โดยบางบัตรที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพ อาจมีค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าบัตรเดบิตทั่วไปแต่อาจไม่สูงเท่ากับบัตรเครดิต
  • บัตรเครดิต มักมีค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทของบัตร โดยบัตรระดับพื้นฐานอาจมีค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงมากหรืออาจขอยกเว้นค่าธรรมเนียมฟรีได้หากมียอดใช้จ่ายถึงเกณฑ์ที่กำหนด ขณะที่บัตรเครดิตระดับพรีเมียม มักมีค่าธรรมเนียมรายปีที่สูงกว่า เนื่องจากมาพร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมหลายประการมากกว่านั่นเอง

สรุป

บัตรเดบิต คือ บัตรที่เชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้โดยตรง ซึ่งช่วยให้บริหารงบประมาณได้ง่าย ลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้ และไม่มีภาระดอกเบี้ย ต่างจากบัตรเครดิตที่ใช้วงเงินล่วงหน้าและอาจมีดอกเบี้ยหากชำระไม่ตรงเวลา บัตรเดบิตจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้จ่ายตามยอดเงินที่มีและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเครดิตบูโร

หากใครกำลังมองหาโอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อบริหารการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถค้นหางานที่เหมาะกับตนเองได้ที่ JobsDB แหล่งรวมตำแหน่งงานจากบริษัทชั้นนำหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อให้คุณสามารถใช้บัตรเดบิตได้อย่างคล่องตัวและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเองได้มากที่สุดในทุกวัน!

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

More from this category: คำแนะนำด้านเงินเดือน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา