บัตรเครดิตคืออะไร? ใช้งานอย่างไรให้คุ้มค่า และไม่มีปัญหาการเงิน
Key Takeaway
- บัตรเครดิตคือเครื่องมือทางการเงินที่ให้คุณสามารถใช้จ่ายล่วงหน้าได้ โดยธนาคารเป็นผู้ชำระเงินแทน แล้วคุณค่อยชำระคืนภายหลังตามรอบบิล
- วิธีสมัครบัตรเครดิตเริ่มจากเตรียมเอกสารให้ครบ กรอกใบสมัครออนไลน์หรือที่สาขาธนาคาร และรอผลอนุมัติประมาณ 7–15 วัน
- การใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่า เช่น รูดซื้อของที่จำเป็นพร้อมโปรโมชันผ่อน 0% ใช้แต้มสะสมแลกของหรือส่วนลด และชำระเต็มจำนวนตรงเวลาเพื่อเลี่ยงดอกเบี้ย
บัตรเครดิตหรือเครดิตการ์ดคือเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้การใช้จ่ายสะดวกขึ้น แถมยังมีสิทธิประโยชน์มากมายทั้งส่วนลด คะแนนสะสม และโปรโมชันพิเศษ แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินโดยไม่รู้ตัว มาทำความรู้จักวิธีใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด ให้คุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย และปลอดภัยจากหนี้สินที่ไม่จำเป็นกัน
บัตรเครดิตคืออะไร? ทางเลือกในการบริหารการเงิน
บัตรเครดิต (Credit Card) คือเครื่องมือทางการเงินที่ออกโดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน เพื่อใช้แทนเงินสดในการซื้อสินค้าและบริการ โดยมีหลากหลายประเภท เช่น บัตร Visa, JCB, MasterCard ซึ่งธนาคารจะเป็นผู้ชำระเงินให้ร้านค้าล่วงหน้า แล้วเรียกเก็บเงินจากผู้ถือบัตรในภายหลัง
หากผู้ถือบัตรไม่ชำระยอดเต็มภายในระยะปลอดดอกเบี้ย (สูงสุด 50 วัน) จะถูกคิดดอกเบี้ยตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งไม่เกิน 16% ต่อปี บัตรเครดิตจึงเหมาะสำหรับการใช้จ่ายทั่วไป หรือผ่อนสินค้าและบริการที่มีราคาสูง เช่น คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ทำงาน แต่ควรวางแผนการชำระเงินอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินในระยะยาว
คุณสมบัติของผู้สมัครบัตรเครดิตที่ธนาคารมักพิจารณา
ก่อนที่ธนาคารจะอนุมัติบัตรเครดิตให้ผู้สมัคร ธนาคารจะพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ และความเสี่ยงในการให้วงเงิน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะพิจารณาจากคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- อายุอย่างน้อย 20 ปีบริบูรณ์ และบางธนาคารอาจกำหนดอายุสูงสุดไว้ที่ประมาณ 60–65 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน
- รายได้ขั้นต่ำ 15,000–20,000 บาทต่อเดือน โดยใช้สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานแสดงรายได้ ซึ่งรายได้จะใช้ในการกำหนดวงเงินบัตรเครดิต ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมรวมกัน
- มีระยะเวลาการทำงานอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี โดยระยะเวลาที่กำหนดอาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
- ที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน หรือมีถิ่นพำนักถาวร เพื่อให้ธนาคารสามารถติดต่อได้ในกรณีจำเป็น
- มีประวัติทางการเงินที่ดี ไม่มีประวัติค้างชำระหรือผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินใดๆ
อยากทำบัตรเครดิตต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
สำหรับใครที่สงสัยเคยไปหาใน Pantip ว่าทำบัตรเครดิตใช้เอกสารอะไรบ้าง? ถ้าอยากมีบัตรเครดิตไว้ใช้ ไม่ยากอย่างที่คิด แค่เตรียมเอกสารให้ครบตามที่กำหนด ก็สามารถยื่นสมัครบัตรเครดิตได้ง่ายๆ โดยเอกสารที่ใช้ มีดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่ทางราชการออกให้
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานแสดงรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน รายการเดินบัญชีย้อนหลัง
- สำเนาหนังสือรับรองการทำงาน (ถ้ามี)
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (สำหรับเจ้าของกิจการ)
- แบบฟอร์มคำขอบัตรเครดิตที่กรอกข้อมูลครบถ้วน
วิธีสมัครบัตรเครดิต ทำเองได้ ไม่ยุ่งยาก
การสมัครบัตรเครดิตไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพราะมีขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นระบบ เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวและส่งเอกสารได้ครบถ้วน มาดูกันว่าวิธีทำบัตรเครดิตมีขั้นตอนอะไรบ้าง
- เลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้จ่ายของคุณ โดยเปรียบเทียบโปรโมชัน สิทธิพิเศษ และค่าธรรมเนียมจากหลายธนาคารอย่างละเอียด
- เตรียมเอกสาร ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน เอกสารแสดงรายได้อื่นๆ (สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ) หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (สำหรับนิติบุคคล) และหนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- ดาวน์โหลดใบสมัครจากเว็บไซต์ธนาคาร หรือกรอกใบสมัครผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมแนบเอกสารครบถ้วนตามที่กำหนด
- ยื่นใบสมัครที่สาขาธนาคาร หรือสมัครผ่านช่องทางออนไลน์
- รอผลอนุมัติซึ่งโดยปกติใช้เวลาประมาณ 7-15 วันทำการ
เคล็ดลับการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่า ไม่เป็นหนี้
การใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดและจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่า เช่น
เลือกบัตรเครดิตให้ตรงกับไลฟ์สไตล์
การเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตัวเองคือวิธีเริ่มต้นที่ดีในการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่า เพราะบัตรแต่ละประเภทจะมอบสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันไป เช่น บัตรเครดิตสายท่องเที่ยวจะมอบส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมที่ร่วมรายการ
ในขณะที่บัตรเครดิตสะสมแต้มหรือบัตรเครดิตเงินคืน (Cash Back) จะเหมาะกับสายชอปปิงที่ใช้จ่ายเป็นประจำกับร้านค้าที่ร่วมรายการ ดังนั้นยิ่งเลือกบัตรที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์มากเท่าไร ก็จะช่วยให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ชำระบัตรเครดิตเต็มจำนวน
วิธีที่เจ้าของบัตรเครดิตควรให้ความสำคัญคือการชำระบิลเต็มจำนวนและหลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำหากไม่จำเป็น เพราะยอดค้างชำระจากการจ่ายขั้นต่ำจะถูกคิดดอกเบี้ยทบต้นกับยอดที่ยังไม่ได้ชำระ ส่งผลให้ดอกเบี้ยในเดือนถัดไปสูงขึ้น หากสะสมบ่อยครั้งอาจกลายเป็นหนี้ก้อนโตจนไม่สามารถชำระได้
จ่ายบัตรเครดิตให้ตรงวัน
นอกจากการชำระบิลเต็มจำนวนแล้ว การจ่ายค่าบัตรเครดิตตรงเวลาตามวันกำหนดชำระเป็นเทคนิคสำคัญในการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด เพราะหากชำระล่าช้า นอกจากจะมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแล้วยังต้องเสียค่าธรรมเนียมการติดตามทวงถามหนี้อีกด้วย ดังนั้นแนะนำให้ตั้งเตือนทุกเดือนหรือเลือกชำระบิลแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้ที่อาจเกิดขึ้น และควรเช็กเครดิตบูโรเป็นประจำ เพื่อรักษาประวัติการชำระหนี้ที่ดีและเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อในอนาคต
รูดเฉพาะของจำเป็นเท่านั้น
วิธีใช้บัตรเครดิตผ่อนสินค้าหรือของต่างๆ อย่างถูกต้องคือการใช้บัตรรูดเฉพาะสินค้าที่จำเป็นจริงๆ เพราะบัตรเครดิตให้ความสะดวก สามารถรูดก่อนแล้วค่อยชำระเงินทีหลังได้ หลายคนที่เริ่มใช้บัตรเครดิตจึงมักเผลอใช้จ่ายเกินตัวจนต้องแบกรับดอกเบี้ยที่สูง จนอาจกลายเป็นหนี้สะสมได้ ดังนั้นก่อนรูดบัตรเครดิตควรวางแผนการใช้จ่ายให้รอบคอบและเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
ผ่อน 0% ด้วยบัตรเครดิต
หนึ่งในเทคนิคการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่าที่หลายคนรู้จักกันดีคือการใช้โปรโมชันผ่อนสินค้าดอกเบี้ย 0% บัตรเครดิตหลายใบมักมีข้อเสนอผ่อนชำระแบบไม่มีดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ธนาคารกำหนด ช่วยให้คุณแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ครั้งเดียว มีเงินเหลือใช้ในแต่ละเดือนมากขึ้น และบริหารการเงินได้ง่ายขึ้นด้วย
ใช้สิทธิพิเศษให้ครบ
บัตรเครดิตแต่ละใบมักมาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย เช่น คะแนนสะสม หรือเครดิตเงินคืน (Cash Back) จากการใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งสามารถนำไปแลกรับส่วนลด รางวัล หรือบัตรกำนัลกับร้านค้าที่ร่วมรายการได้ ใครที่ต้องการใช้บัตรเครดิตให้คุ้มค่าจึงควรตรวจสอบโปรโมชันก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่พลาดสิทธิประโยชน์ดีๆ ที่ธนาคารจัดไว้ให้
ไม่ควรกดเงินสดจากบัตรเครดิต
แม้ว่าบัตรเครดิตจะสามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ แต่ถ้าไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงเป็นหนี้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกดเงินสดโดยไม่จำเป็น เพราะจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเบิกถอน 3% ของยอดเงินที่ถอน รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และที่สำคัญไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย หมายความว่าต้องเริ่มจ่ายดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่กดเงินทันที
ข้อดีของบัตรเครดิตที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย
ข้อดีของบัตรเครดิตมีหลายอย่างที่ช่วยให้การใช้จ่ายง่ายขึ้นและคุ้มค่ามากขึ้น ดังนี้
- ไม่ต้องพกเงินสดหรือกังวลเรื่องเงินทอน ทำให้ใช้จ่ายสะดวกขึ้น
- บัตรเครดิตมักมีโปรโมชันมากมาย เช่น แต้มสะสมที่แลกเป็นส่วนลด เครดิตเงินคืน หรือข้อเสนอพิเศษสำหรับสินค้าและบริการต่างๆ
- การใช้บัตรเครดิตอย่างระมัดระวังและชำระเงินตรงเวลาช่วยสร้างประวัติเครดิตที่ดี ทำให้ขอสินเชื่อในอนาคตง่ายขึ้น
- ลดความเสี่ยงถูกขโมยเงิน เพราะบัตรเครดิตมีระบบยืนยันตัวตนที่ปลอดภัยและรัดกุม
ข้อควรระวังในการใช้บัตรเครดิต ไม่ให้การเงินพัง
แม้บัตรเครดิตจะช่วยให้ใช้จ่ายสะดวกขึ้น แต่หากใช้ไม่ระวังอาจกลายเป็นภาระหนี้ได้ ดังนั้นควรศึกษาเรื่องที่ควรระวังก่อนใช้งานเสมอ โดยมีข้อควรระวัง ดังนี้
- บัตรเครดิตอาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน เพราะเป็นการใช้เงินล่วงหน้า หากใช้จ่ายโดยไม่วางแผน อาจทำให้การเงินติดขัดและกลายเป็นภาระหนี้
- การชำระเงินมีระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ชำระตรงเวลา ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสะสมกลายเป็นยอดหนี้ก้อนโต
- บัตรบางใบมีค่าธรรมเนียมรายปี จึงควรศึกษารายละเอียดของแต่ละบัตรให้ดี เพื่อเลือกบัตรที่คุ้มค่าและเหมาะกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเองมากที่สุด
สรุป
บัตรเครดิตคือเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ใช้จ่ายได้สะดวกโดยไม่ต้องพกเงินสด และยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น คะแนนสะสม เครดิตเงินคืน หรือโปรโมชันผ่อนสินค้า 0% อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครต้องมีรายได้ขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด และเตรียมเอกสารให้ครบ เช่น บัตรประชาชน สลิปเงินเดือน และหลักฐานรายได้อื่นๆ การใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย เช่น ชำระเต็มจำนวน ตรงเวลา และใช้เฉพาะของจำเป็น จะช่วยให้ได้ประโยชน์โดยไม่เป็นหนี้ แต่หากใช้ไม่ระวังอาจสะสมหนี้และเกิดภาระทางการเงินตามมา
สำหรับใครที่กำลังมองหางานหรืออยากเพิ่มรายได้ให้มั่นคง เพื่อเตรียมพร้อมสมัครบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าไปค้นหางานที่เหมาะกับคุณได้ที่ Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่มีตำแหน่งหลากหลาย รองรับทุกไลฟ์สไตล์การทำงาน