เปลี่ยนชื่อใหม่เริ่มต้นอย่างไร เปิดขั้นตอนก่อนและหลังที่พนักงานควรรู้!

เปลี่ยนชื่อใหม่เริ่มต้นอย่างไร เปิดขั้นตอนก่อนและหลังที่พนักงานควรรู้!
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 16 October, 2025
Share

Key Takeaway

  • บุคคลสัญชาติไทยทุกคนสามารถขอเปลี่ยนชื่อได้ตามกฎหมาย หากมีเหตุผลที่เหมาะสม เช่น เปลี่ยนเพราะความเชื่อหรือปัญหาส่วนตัว โดยผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปีต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อน

  • ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อ ควรเริ่มจากเตรียมเอกสารให้ครบ ยื่นคำร้องที่เขตหรืออำเภอ กรอกแบบฟอร์ม รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและอนุมัติ และรับหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ พร้อมทำบัตรประชาชนใหม่

  • การแจ้งชื่อใหม่กับที่ทำงานพนักงานควรเริ่มจากการเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชนใหม่ สำเนาทะเบียนบ้าน และหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ กรอกแบบฟอร์มแจ้งเปลี่ยนชื่อของบริษัท (ถ้ามี) แล้วส่งให้ฝ่ายบุคคล (HR) ตรวจสอบเพื่ออัปเดตข้อมูลในระบบเงินเดือนและสวัสดิการ หลังยื่นแล้วควร ติดตามผล และขอเอกสารยืนยันการเปลี่ยนชื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

  • หากพนักงานเปลี่ยนชื่อบ่อยๆ อาจสร้างความสับสนในเอกสารราชการ ระบบเงินเดือน และสวัสดิการ รวมถึงกระทบต่อธุรกรรมทางการเงิน การยื่นเอกสารราชการ และยังสิ้นเปลืองเวลา ค่าใช้จ่ายในการอัปเดตข้อมูล อีกทั้งอาจถูกตั้งข้อสังเกตจากหน่วยงานรัฐได้

วัยทำงานหลายๆ คนอาจรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนชื่อเพื่อเสริมดวงเปลี่ยนชีวิต เพื่อให้การงานรุ่งเรือง โปรเจกต์รุ่ง ขายงานได้ หรืออยากเปลี่ยนเพื่อให้เรียกง่ายขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มต้นจากจุดไหน หรือเปลี่ยนชื่อใช้อะไรบ้าง มีขั้นตอนการเปลี่ยนชื่ออย่างไร ต้องแจ้งบริษัทที่ทำงานอย่างไร? บทความนี้พาไปดูขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อแบบละเอียด ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร การยื่นคำขอที่เขต เพื่อให้คุณเปลี่ยนชื่อได้อย่างราบรื่นและถูกต้องทุกขั้นตอน!

ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ

ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อ

ตามกฎหมายไทยการเปลี่ยนชื่อสามารถทำได้ทั้งบุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย โดยผู้ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อจะต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม เช่น ต้องการเปลี่ยนชื่อเพื่อแก้ไขชื่อที่ฟังไม่ดี ผิดความหมาย หรือเปลี่ยนเพื่อประสงค์ส่วนตัว โดยผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี จะต้องได้รับความยินยอมจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองก่อน การตั้งชื่อใหม่ต้อง ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม ไม่ใช้ชื่อที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่น หรือเป็นชื่อที่มีความหมายลบหรือไม่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังต้องไม่ตั้งชื่อที่มีเครื่องหมายพิเศษหรือตัวเลข การเปลี่ยนชื่อจะต้องแจ้งและดำเนินการจดทะเบียนที่สำนักงานทะเบียนราษฎรหรือสำนักงานเขต เทศบาลที่มีภูมิลำเนาอยู่ โดยจะต้องยื่นคำร้องพร้อมเอกสารประกอบตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อการเปลี่ยนชื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ข้อมูลในทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนจะถูกแก้ไขตามชื่อใหม่ทันที

สำหรับพนักงาน เมื่อเปลี่ยนชื่อแล้วจำเป็นต้องดำเนินการแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ข้อมูลตรงกันทั้งในเอกสารราชการและในระบบของนายจ้าง โดยตามกฎหมายไทย พนักงานต้องแจ้งการเปลี่ยนชื่อที่กรมการปกครองเพื่อปรับปรุงข้อมูลในบัตรประชาชน จากนั้นข้อมูลจะถูกเชื่อมไปยังหน่วยงานสำคัญ เช่น กรมสรรพากรและสำนักงานประกันสังคม อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ในการทำงานไม่สะดุด พนักงานยังต้องแจ้ง HR ของบริษัทเพื่ออัปเดตข้อมูลในระบบเงินเดือน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และเอกสารสัญญาจ้างด้วย ซึ่งหากละเลย อาจเกิดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเงินเดือน ภาษี หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามมาได้

รวม 5 ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อ

รวม 5 ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อ

ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อนั้นไม่ยุ่งยาก แต่ต้องทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องเพื่อให้การเปลี่ยนชื่อเป็นทางการและถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีขั้นตอนหลักในการเปลี่ยนชื่อที่ควรรู้ ดังนี้

1. เตรียมเอกสารให้ครบ

ก่อนจะไปยื่นคำร้องเปลี่ยนชื่อ ควรตรวจสอบและเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อป้องกันปัญหาการขาดเอกสารที่อาจทำให้ต้องกลับมาใหม่ ไปดูกันว่าเปลี่ยนชื่อต้องใช้อะไรบ้าง?

  • บัตรประชาชน

  • ทะเบียนบ้าน

  • แบบคำร้องขอเปลี่ยนชื่อ (แบบที่สำนักงานเขตหรืออำเภอจัดให้)

  • เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือยินยอมจากผู้ปกครองในกรณีผู้เยาว์ เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วและไม่ติดขัด

2. เดินทางไปที่สำนักงานเขตหรืออำเภอ

หลังจากเตรียมเอกสารครบแล้ว ให้เดินทางไปยังสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอในพื้นที่ที่มีภูมิลำเนาอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ที่นั่นจะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อและรับคำร้อง นอกจากนี้ ยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอแบบฟอร์มคำร้องได้ที่นี่เช่นเดียวกัน

3. กรอกแบบคำร้องขอเปลี่ยนชื่อ

เมื่อได้รับแบบฟอร์มคำร้องแล้ว ต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและชัดเจน เช่น ชื่อเดิม ชื่อใหม่ที่ต้องการเปลี่ยน และเหตุผลในการเปลี่ยนชื่อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาและดำเนินการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

4. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและอนุมัติ

เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลที่ยื่นมาว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ และชื่อใหม่ที่ขอเปลี่ยนไม่ขัดต่อข้อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของสังคม หากไม่มีปัญหา เจ้าหน้าที่จะดำเนินการอนุมัติคำร้องตามขั้นตอนภายในสำนักงานต่อไป

5. รับหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

เมื่อคำร้องได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วจะได้รับหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าชื่อใหม่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ ข้อมูลในทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนจะได้รับการแก้ไขตามชื่อใหม่โดยอัตโนมัติ สามารถนำเอกสารนี้ไปใช้ยืนยันตัวตนในธุรกรรมต่างๆ ได้ทันที

หลังเปลี่ยนชื่อ ต้องแจ้งชื่อใหม่ที่ไหนบ้าง?

หลังเปลี่ยนชื่อ ต้องแจ้งชื่อใหม่ที่ไหนบ้าง?

หลังจากเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการแล้ว พนักงานควรดำเนินการแจ้งชื่อใหม่กับหน่วยงานและเอกสารสำคัญต่างๆ ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งานหรือทำธุรกรรมในอนาคต โดยมีหน่วยงานหลักที่ควรแจ้งชื่อใหม่ และอัปเดตชื่อใหม่ ดังนี้

บัตรประชาชน

หลังจากเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนแรกที่ควรทำทันทีคือไปทำบัตรประชาชนใบใหม่ โดยสามารถไปที่สำนักงานเขตหรืออำเภอที่สะดวก พร้อมเอกสารดังนี้

  • บัตรประชาชนใบเดิม

  • หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

  • ทะเบียนบ้านฉบับจริง

เจ้าหน้าที่จะดำเนินการออกบัตรใหม่ให้ทันทีโดยใช้ชื่อใหม่ และถ่ายรูปใหม่ประกอบในบัตรด้วย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่จะใช้ในการเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานอื่นต่อไป

ทะเบียนบ้าน

ในขั้นตอนการทำบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จะแก้ไขชื่อในทะเบียนบ้านให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องยื่นคำร้องแยก แต่ถ้าต้องการตรวจสอบความถูกต้อง หรือขอสำเนาทะเบียนบ้านฉบับใหม่ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ขอพิมพ์สำเนาที่ระบุชื่อใหม่อย่างชัดเจนไว้ใช้งานต่อไป เช่น ใช้ในการสมัครงาน หรือเปิดบัญชีธนาคาร

หนังสือเดินทาง (Passport)

หากมีหนังสือเดินทางอยู่แล้วจำเป็นต้องทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ เพราะชื่อในหนังสือเดินทางต้องตรงกับชื่อในบัตรประชาชนปัจจุบัน โดยเอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่

  • บัตรประชาชนชื่อใหม่

  • หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

  • หนังสือเดินทางเล่มเดิม (ถ้ามี)

สามารถดำเนินการได้ที่สำนักงานหนังสือเดินทางทั่วประเทศ หรือจองคิวผ่านระบบออนไลน์ล่วงหน้าได้ สถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศก็สามารถดำเนินการได้เช่นกัน

ใบขับขี่

ชื่อในใบขับขี่ต้องตรงกับบัตรประชาชน หากไม่เปลี่ยนอาจเกิดปัญหาในการตรวจสอบหรือการต่ออายุใบขับขี่ในอนาคต ให้ไปติดต่อที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดใกล้บ้าน พร้อมเอกสารดังนี้

  • ใบขับขี่เดิม

  • บัตรประชาชนชื่อใหม่

  • หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

เจ้าหน้าที่จะออกใบขับขี่ใหม่ให้ พร้อมอัปเดตข้อมูลชื่อในระบบทันที

บัญชีธนาคารทุกแห่ง

บัญชีธนาคารเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องอัปเดตชื่อเพื่อให้การทำธุรกรรมต่างๆ สำหรับบัญชีเงินเดือน เพื่อให้ขั้นตอนเป็นไปอย่างราบรื่น ให้นำเอกสารไปที่สาขาธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ ได้แก่

  • บัตรประชาชนชื่อใหม่

  • หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

  • สมุดบัญชีเงินฝาก

เจ้าหน้าที่จะอัปเดตข้อมูลชื่อในระบบ และอาจออกสมุดบัญชีเล่มใหม่ให้ โดยบางธนาคารอาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ทั้งนี้ การแจ้งเปลี่ยนชื่อจะไม่กระทบยอดเงินหรือเลขบัญชีเดิม

ฝ่ายบุคคล (HR) ของบริษัท

หลังจากเปลี่ยนชื่อใหม่ พนักงานควรแจ้ง ฝ่ายบุคคล (HR) โดยตรง เพราะ HR เป็นผู้รับผิดชอบในการอัปเดตข้อมูลในระบบเงินเดือน สวัสดิการ ประกันสุขภาพ และเอกสารภายในบริษัท ขั้นตอนทำได้ดังนี้

  • เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชนฉบับใหม่ สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อใหม่ หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อจากหน่วยงานราชการ

  • กรอกแบบฟอร์มแจ้งเปลี่ยนชื่อของบริษัท ให้ครบถ้วน เช่น ชื่อเก่า ชื่อใหม่ และวันที่เริ่มใช้ชื่อใหม่

  • ส่งเอกสารให้ฝ่ายบุคคลตรวจสอบ และขอรับสำเนาการยืนยันการอัปเดตชื่อใหม่

  • ติดตามผล เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลชื่อใหม่ถูกอัปเดตครบทุกระบบ ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ และประกันต่างๆ

เก็บหลักฐานเอกสารและอีเมลยืนยันการอัปเดตชื่อจาก HR ไว้ เผื่อใช้ยืนยันตัวตนหรือดำเนินการเอกสารอื่นๆ ในอนาคต

ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือประกันอื่นๆ

ระบบประกันสังคมที่พนักงานทำงานอยู่ หรือมีกรมธรรม์ประกันชีวิต หรือสุขภาพอยู่ ต้องแจ้งชื่อใหม่กับหน่วยงานเหล่านี้ทันที เพื่อให้ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ไม่สะดุด

  • สำหรับประกันสังคม ติดต่อที่สำนักงานประกันสังคม พร้อมกรอกแบบฟอร์มเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้ประกันตน

  • สำหรับประกันเอกชน ติดต่อบริษัทประกันของคุณโดยตรง หรือผ่านตัวแทน พร้อมแนบเอกสาร ได้แก่ บัตรประชาชนใหม่และหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

ทั้งนี้ ควรขอเอกสารยืนยันการอัปเดตไว้เป็นหลักฐานในกรณีที่ต้องเคลมในอนาคต

หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา บริษัท

หากกำลังทำงานอยู่ หรือกำลังศึกษา ต้องแจ้งเปลี่ยนชื่อกับฝ่ายบุคคลหรือฝ่ายทะเบียนของหน่วยงานนั้นๆ เพื่อให้ข้อมูลในระบบภายใน เช่น ใบรับรองการทำงาน เอกสารทางราชการ วุฒิการศึกษา หรือเงินเดือนตรงกับชื่อใหม่ เอกสารที่ควรใช้ประกอบการแจ้ง ได้แก่

  • บัตรประชาชนชื่อใหม่

  • หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ

  • เอกสารเดิมที่เคยใช้ชื่อเก่า (หากมี)

แอปพลิเคชัน บริการออนไลน์ที่ใช้บ่อย

แอปพลิเคชันหรือบริการออนไลน์ที่ใช้บ่อย เช่น Mobile Banking แอปกระเป๋าเงินดิจิทัล (E-Wallet) โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ช้อปปิ้ง แอปพลิเคชันส่งของ หรือบริการทางสุขภาพต่างๆ

  • เข้าสู่ระบบของแอปนั้นๆ
    ไปที่ “ตั้งค่า” หรือ “บัญชีของฉัน”

  • เปลี่ยนชื่อให้ตรงกับบัตรประชาชนใหม่

หากบางแอปไม่สามารถเปลี่ยนเองได้ อาจต้องติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าและแนบเอกสารเช่นบัตรประชาชนใหม่หรือหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อ เพื่อยืนยันตัวตน

ข้อควรรู้และควรทำ เมื่อเปลี่ยนชื่อใหม่

ข้อควรรู้และควรทำ เมื่อเปลี่ยนชื่อใหม่

เมื่อพนักงานเปลี่ยนชื่อใหม่เรียบร้อยแล้ว นอกจากการอัปเดตชื่อในเอกสารสำคัญ ยังมีหลายเรื่องที่ควรรู้และควรทำเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ดังนี้

  • ชื่อใหม่จะมีผลตามกฎหมายทันที หลังได้รับอนุมัติ เมื่อได้รับหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อจากสำนักงานเขตหรืออำเภอ ถือว่าชื่อใหม่มีผลทางกฎหมายในทันที และสามารถใช้งานได้อย่างเป็นทางการ

  • ต้องรีบเปลี่ยนบัตรประชาชนภายใน 60 วัน กฎหมายกำหนดให้ต้องไปทำบัตรประชาชนใบใหม่ภายใน 60 วันหลังการเปลี่ยนชื่อ มิฉะนั้นจะมีโทษปรับ

  • ลายเซ็นใหม่ อาจต้องใช้คู่กับชื่อใหม่ หากเปลี่ยนชื่อและต้องการให้ลายเซ็นใหม่สอดคล้องกัน ควรเริ่มฝึกเซ็นลายเซ็นใหม่ให้ชัดเจนและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ในเอกสารทางการ

  • ตรวจสอบผลกระทบกับเอกสารเก่า เช่น หนังสือรับรอง วุฒิการศึกษา เอกสารทางราชการ หรือสัญญาต่างๆ ที่ยังใช้ชื่อเดิมอยู่ ควรสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจำเป็นต้องออกเอกสารใหม่หรือไม่

  • อย่าลืมแจ้งญาติ คนรอบตัว และหน่วยงานที่สื่อสารประจำ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ควรแจ้งชื่อใหม่ให้คนใกล้ชิด และหน่วยงานที่ติดต่อประจำทราบ

  • ต้องแจ้งเปลี่ยนชื่อกับที่ทำงานทุกครั้ง เมื่อเปลี่ยนชื่อทางราชการ พนักงานควรแจ้งฝ่ายบุคคล (HR) หรือผู้จัดการโดยตรง เพื่อให้ข้อมูลในระบบเงินเดือน สวัสดิการ และเอกสารราชการอื่นๆ ถูกต้องตามชื่อใหม่

  • ตรวจสอบผลกระทบต่อเอกสารอื่นๆ ชื่อใหม่อาจต้องอัปเดตกับธนาคาร (บัญชีเงินเดือน) ประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสุขภาพหรือสวัสดิการบริษัท

  • ระวังความสับสนในการสื่อสาร แจ้งเพื่อนร่วมงานและผู้เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความสับสนในการติดต่อสื่อสาร และอัปเดตอีเมลหรือบัญชีที่เกี่ยวข้องถ้ามี

  • เก็บเอกสารเปลี่ยนชื่อไว้ให้ดี หนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อคือหลักฐานสำคัญที่อาจต้องใช้แนบกับเอกสารอื่นๆ ในอนาคต ควรเก็บฉบับจริงไว้ในที่ปลอดภัย และทำสำเนาเผื่อไว้ใช้งานด้วย

เมื่อพนักงานเปลี่ยนชื่อใหม่ การเปลี่ยนชื่อในระบบบริษัทอาจใช้เวลาหลายวันถึงสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของฝ่ายบุคคลและระบบบัญชี ดังนั้นควรเผื่อเวลาและติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งเก็บหลักฐานยืนยันสำคัญ เช่น สำเนาเอกสารเปลี่ยนชื่อและเอกสารยืนยันจาก HR เผื่อใช้ในการยืนยันตัวตนหรือดำเนินการเอกสารราชการอื่นๆ

เปลี่ยนชื่อบ่อยๆ มีผลกระทบอะไรบ้าง?

เปลี่ยนชื่อบ่อยๆ มีผลกระทบอะไรบ้าง?

แม้การเปลี่ยนชื่อเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่หากเปลี่ยนบ่อยครั้งเกินไป อาจส่งผลกระทบในหลายด้านทั้งต่อชีวิตส่วนตัว การทำงาน และด้านกฎหมาย ดังนี้

  • เกิดความสับสนในเอกสารราชการ ชื่อที่ไม่สอดคล้องกันในบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน วุฒิการศึกษา หรือสัญญาต่างๆ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือถูกปฏิเสธเอกสาร

  • อาจเกิดความสับสนในระบบเงินเดือนและสวัสดิการ เพราะฝ่ายบุคคลต้องอัปเดตข้อมูลทุกครั้ง

  • กระทบประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสุขภาพ หรือสวัสดิการบริษัท เนื่องจากต้องอัปเดตชื่อใหม่ต่อเนื่อง

  • อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ หากไม่ได้ติดตามการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ

  • มีปัญหาในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธนาคารหรือบริษัทการเงินอาจตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ เช่น เวลาขอกู้ เปิดบัญชี หรือทำบัตรเครดิต

  • ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการอัปเดตเอกสารซ้ำซ้อน การเปลี่ยนชื่อแต่ละครั้งต้องตามไปแก้เอกสารหลายแห่ง เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ บัญชีธนาคาร หนังสือเดินทาง และบริการออนไลน์ต่างๆ

  • กระทบต่อประวัติการทำงานหรือเครดิตทางการเงิน หากชื่อเก่าถูกใช้ในการสมัครงาน ทำประวัติ หรือใช้ในเครดิตบูโร อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนเมื่อตรวจสอบย้อนหลัง

  • ยื่นเอกสารราชการบางประเภทอาจยุ่งยากขึ้น เช่น การสมัครงานราชการ ขอวีซ่า หรือสอบบรรจุ ที่ต้องมีการตรวจสอบชื่อและประวัติย้อนหลัง อาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมหรืออธิบายประกอบ

  • สร้างความสับสนต่อคนรอบตัวและระบบต่างๆ คนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน หรือเจ้าหน้าที่ที่เคยติดต่อ อาจไม่ทราบว่าชื่อเปลี่ยนแล้ว ซึ่งอาจเกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสารหรือระบบการจัดเก็บข้อมูล

  • ถูกตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐกรณีพิเศษ หากมีการเปลี่ยนชื่อหลายครั้งโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน อาจถูกตั้งข้อสังเกต และตรวจสอบจากหน่วยงานที่ดูแลด้านความมั่นคงหรือภาษี

สรุป

การเปลี่ยนชื่อเป็นสิทธิที่ทำได้ตามกฎหมาย แต่พนักงานควรแจ้งฝ่ายบุคคล (HR) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร ประกันสังคม และกองทุนต่างๆ เพื่ออัปเดตข้อมูลให้ถูกต้อง หากเปลี่ยนชื่อบ่อยเกินไปอาจทำให้เอกสาร เงินเดือน และสวัสดิการเกิดความสับสน รวมถึงสิ้นเปลืองเวลาและค่าใช้จ่าย ดังนั้นควรเปลี่ยนชื่อด้วยเหตุผลที่เหมาะสมและติดตามผลการอัปเดตเสมอ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการทำงานและสิทธิประโยชน์ในอนาคต

หากคุณเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว อย่าลืมอัปเดตชื่อใหม่ในเรซูเม่เพื่อให้การมองหาเส้นทางใหม่ของการทำงานในอนาคตเป็นไปได้อย่างราบรื่น ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่เพื่อเติมเต็มเป้าหมายของชีวิต Jobsdb แพลตฟอร์มหางานที่รวมตำแหน่งงานจากหลากหลายสายอาชีพ พร้อมเปิดโอกาสให้คุณเจองานที่ใช่ ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเปลี่ยนชื่อ (FAQ)

สำหรับพนักงานที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนชื่อ หรือเพิ่งเปลี่ยนชื่อไปแล้ว อาจมีข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับขั้นตอน ผลกระทบ และการเตรียมตัว เรารวบรวมคำถามยอดฮิต พร้อมคำตอบที่เข้าใจง่ายไว้ให้แล้วที่นี่

เปลี่ยนชื่อใหม่ต้องแจ้งประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเองไหม หรือแค่แจ้ง HR?

หลังจากเปลี่ยนชื่อใหม่ พนักงานควรแจ้งทั้งฝ่ายบุคคล (HR) และติดต่อประกันสังคมหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง เพราะ HR จะช่วยอัปเดตข้อมูลภายในบริษัท แต่บางระบบเช่น ประกันสังคมหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อาจต้องใช้เอกสารยืนยันจากพนักงานโดยตรงเพื่อปรับข้อมูลชื่อใหม่และให้สิทธิประโยชน์ตรงตามชื่อใหม่ ดังนั้นการแจ้งทั้งสองทางจะช่วยป้องกันความผิดพลาดหรือสิทธิที่ตกหล่น

ใช้เวลานานแค่ไหนในการเปลี่ยนชื่อ?

หากเอกสารครบและไม่มีปัญหา การยื่นคำร้องเปลี่ยนชื่อที่สำนักงานเขตหรืออำเภอมักใช้เวลาไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง และจะได้รับหนังสือรับรองการเปลี่ยนชื่อในวันเดียวกัน สามารถนำไปใช้เปลี่ยนเอกสารต่างๆ ได้ทันที

เปลี่ยนชื่อมีผลกระทบอะไรบ้าง?

การเปลี่ยนชื่ออาจทำให้เกิดความสับสนในเอกสารราชการ ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการอัปเดตข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ เช่น การทำงาน ธนาคาร ใบขับขี่ หรือพาสปอร์ต นอกจากนี้ หากเปลี่ยนชื่อบ่อยเกินไป อาจกระทบต่อประวัติการทำงานหรือเครดิตทางการเงิน และถูกตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐในบางกรณี

เปลี่ยนชื่อในภาษาอังกฤษ ต้องทำอย่างไร?

ชื่อภาษาอังกฤษจะไม่เปลี่ยนโดยอัตโนมัติ ต้องไปแจ้งเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษด้วยตนเอง เช่น การขอเปลี่ยนชื่อในหนังสือเดินทางหรือใบขับขี่ โดยใช้บัตรประชาชนที่ระบุชื่อใหม่ และอ้างอิงหลักการสะกดตามกฎหมายไทย หรือแนบเอกสารกำกับการสะกดชื่อ เช่น สูติบัตร หรือแบบฟอร์มคำร้องเฉพาะกิจ

More from this category: ชีวิตการทำงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา