มีใครบ้างที่ไม่กังวลกับการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่? แน่ละ จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร เพราะจะมีอะไรที่รออยู่ข้างหน้าก็ไม่รู้ จะสดใสสวยงามอย่างที่วาดเอาไว้หรือไม่ ก็กังวลไปหมด ไม่ว่าเจ้านายจะดีหรือเปล่า เพื่อนร่วมงานจะคุยกับเราหรือไม่ ตอนเที่ยงจะทานข้าวกับใคร เราจะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้หรือเปล่า แต่ถ้ามัวแต่มานั่งกังวลคงไม่ดีแน่ ดังนั้นเรามาค่อย ๆ ปรับจูนกันทีจะจุดดีว่า
1. มิตรภาพสำคัญย้ายที่ทำงานใหม่ เราเป็นสมาชิกใหม่ อย่างแรกเลย เราต้องเป็นมิตร ฉะนั้นใครจะเป็นมิตรกับเราหรือไม่เราไม่รู้ แต่เราเป็นมิตรไว้ก่อนเลยไม่เสียหาย เข้าไปวันแรกแจกรอยยิ้มทักทาย แค่นี้ความตึงเครียดของการไม่รู้เขารู้เราก็บรรเทาไปเยอะ แล้วก็วางตัวเป็นมิตรกับทุก ๆ คนด้วยการทักทายพูดคุยเรื่องทั่วไป หรือแนะนำตัวว่าเป็นใครมาจากไหน พร้อมฝากเนื้อฝากตัวเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีไว้ก่อนเลย
2. สุภาพอ่อนโยนไม่มีใครไม่ชอบความสุภาพนุ่มนวล จึงเป็นการดีที่เราจะใช้ความสุภาพเพื่อแสดงออกถึงความจริงใจกับออฟฟิศใหม่ หากเราสุภาพกับเพื่อนร่วมงานตั้งแต่ตอนต้น เราก็จะได้รับการตอบรับอย่างสุภาพกลับคืนมาเช่นกัน การทำงานก็ทำอย่างสุภาพนุ่มนวล เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเราให้เกียรติและจริงใจกับงาน ไม่ใช่เจออะไรที่ผิดไปจากที่คิดไว้ก็ชักสีหน้า บ่นพึมพำ หรือแสดงอาการไม่พอใจจนเกินไป แบบนี้ไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้น้องใหม่อย่างเราแน่ ๆ
3. ขยันเรียนรู้จริงอยู่เราอาจจะมีประสบการณ์การทำงานมาแล้วหลายปี แต่การไปทำงานที่ใหม่ก็เหมือนกับการเริ่มนับหนึ่งใหม่เบา ๆ เพราะวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละที่นั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าเราจะแก่กล้าประสบการณ์มาจากไหน หากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่เราก็ต้องขยันเรียนรู้ อะไรที่ไม่เข้าใจหรือไม่มั่นใจก็ถามจากเพื่อนร่วมงานที่อยู่มาก่อน แต่การถามทุกครั้งควรถามอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช่ว่าถามไปซะทุกเรื่อง แบบนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดี
4. เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามสุภาษิตสอนใจที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ใช้ได้ผลดีเสมอ การเข้าไปทำงานที่ใหม่ก็เช่นกัน เข้าไปช่วงแรก ๆ หมั่นสังเกตว่าเพื่อนร่วมงานของเราเขาทำงานอย่างไร สื่อสารอย่างไร เช่น ที่ทำงานบางที่สื่อสารกันผ่าน line แบบนี้เราก็ต้องหมั่นเช็คข้อความ หมั่นตอบ ไม่ใช่รู้ตัวอีกทีเขาคุยสรุปงาน สั่งงานกันผ่าน line จนจบแล้วแต่เรากลับเพิ่งเข้าไปเห็น แบบนี้อาจจะเสียงานได้ ดังนั้นสังเกตให้มากเพื่อการปรับตัวให้ไว แบบนี้มีชัยแน่นอน
5. รับผิดชอบหน้าที่แน่นอนว่าการเข้าไปทำงานช่วงแรก ๆ เราจะยังรู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่แน่ใจเรื่องขอบข่ายความรับผิดชอบในหน้าที่ของเรา และอาการนี้แหละที่จะทำให้งานเราหลุด กลายเป็นคนไม่รับผิดชอบไปซะอย่างนั้น ดังนั้น เราควรถามจากหัวหน้างานให้ชัดเจนตั้งแต่วันแรก ว่างานที่เราต้องรับผิดชอบ หรือต้องตัดสินใจนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้ไม่ปล่อยหลุดให้ใครมาว่าเราได้ทีหลังว่าขาดความรับผิดชอบ
6. ติดตามงานของตัวเองเป็นน้องใหม่ไม่ใช่แค่ต้องตั้งใจทำงาน แต่เราต้องใส่ใจงานด้วยการติดตามและเช็คผลอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่เรายังไม่ค่อยรู้จักใคร ยิ่งต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เช่น งานที่ต้องทำกันเป็นทีม เราทำเสร็จแล้วก็ต้องส่งต่อให้คนในทีมคนอื่นสานต่อ เราควรติดตามผลงานว่า งานที่เราทำไปเป็นอย่างไร มีผิดพลาดตรงไหน ต้องไขตรงไหนบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่เสร็จงานแล้ว ก็เลยตามเลยไปไม่สนใจงานนั้นอีกเลย เพราะงานที่ทำไม่ได้จบที่เราแค่คนเดียว ดังนั้น การติดตามและเช็คผลงาน จึงเป็นหน้าที่ของน้องใหม่อย่างเราที่ต้องใส่ใจอย่างมาก
7. สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาการสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในองค์กร ดังนั้นการไปเริ่มงานที่ใหม่เราควรให้ความสำคัญกับการสื่อสาร ต้องพยายามจับประเด็นสิ่งที่ฟังให้ได้ ถ้าหากจำไม่ได้ต้องจดบันทึกเอาไว้ และเมื่อคุณต้องเป็นคนสื่อสารออกไป คุณต้องสื่อสารออกไปให้ตรงจุด ไม่พูดจาวกวนไปมา เรื่องไหนที่ไม่เข้าใจต้องพูด ต้องถามออกไป ไม่ใช่เออออห่อหมกไปก่อน แล้วเก็บกลับมานั่งงงคนเดียวที่โต๊ะ เพียงเพราะอายที่จะพูดว่าไม่เข้าใจ อายที่จะพูดว่าไม่รู้ ขอเตือนว่าถ้างานออกมาผิดพลาดเพียงเพราะอายที่จะถาม ผลสุดท้ายจะอายกว่าเดิม เพราะงานผิดพลาดก็ได้
การเริ่มงานใหม่อาจมีหลายอย่างที่ติดขัด ไม่ราบรื่น อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้นกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ สิ่งที่เราทำได้นั่นคือการตั้งสติเรียบเรียงความคิด ค่อย ๆ ปรับตัวไปเรื่อย ๆ ทีละนิด แล้วเดี๋ยววันหนึ่งเมื่อคุณเข้าใจวัฒนธรรมองค์กร เข้าใจลักษณะงาน เข้าใจสไตล์หัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย jobsDB ขอเป็นกำลังใจให้งานใหม่ที่ใช่ ชีวิตที่ชอบ
#icanbebetter
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ