ตั้งแต่ที่โควิด – 19 ได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ให้ก้าวเข้าสู่โลก New Normal ที่เรื่องของการ Work from home แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีการทำงานแบบใหม่นี้ให้ได้ เลยทำให้การทำงานแบบยืดหยุ่น หรือ Flexible working เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงและยังถูกเอาไปปรับใช้ในบริษัทจำนวนมาก เพื่อให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ที่มองหาบริษัทที่พร้อมจะปรับรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นสูง สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคน Gen ใหม่

           การทำงานแบบยืดหยุ่น (Flexible working) คืออะไร

           คือ แนวทางการทำงานที่ไม่มีข้อกำหนดตายตัวในเรื่องเวลา รูปแบบการทำงาน สถานที่ทำงาน หรือการแต่งตัว เป็นต้น สามารถแต่งการในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ แต่ยังมีความเหมาะสมมาทำงานได้ หรือ สามารถปรับเปลี่ยนเวลา สถานที่ในการทำงานให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์แต่ก็ไม่กระทบกับงาน และยังทำงานได้มีประสิทธิภาพเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมด้วย

           จริง ๆ แล้วรูปแบบการทำงานแบบยืดหยุ่นเป็นกระแสมาตั้งแต่ก่อนที่จะมี โควิด – 19 แล้ว โดยเริ่มจากเหล่าบริษัท Startup ใน Silicon Valley ในอเมริกาที่ไม่มีรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน สามารถแต่งตัวแบบไหนมาทำงานก็ได้ มีเวลางานที่ยืดหยุ่น ไม่ต้องเข้าแบบ 9 to 5 มีผลสำรวจจาก IWG (International Workplace Group) ตั้งแต่ปี 2019 ที่ระบุว่า ความยืดหยุ่นในการทำงานเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกงานหรือเปลี่ยนงานของผู้เชี่ยวชาญกว่า 15,000 คน จากหลายอุตสาหกรรมในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก โดยที่ 80% ของผู้เข้าร่วมการทดสอบปฏิเสธงานที่ไม่มีความยืดหยุ่นในการทำงาน ในจำนวนนี้มีถึง 70% ทีเดียวที่บอกว่าสถานที่ทำงานเป็นปัจจัยหลักในการเลือกงาน และ 54% ที่ให้ความสำคัญเรื่องการเปิดกว้างเรื่องสถานที่ทำงานมากกว่าการได้วันหยุดเพิ่ม

           ซึ่งข้อมูลนี้ตรงกันกับผลสำรวจของ Ernst & Young Global ที่ทำการสำรวจในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในช่วงหลังจากโควิด – 19 ระบาด ได้บอกว่า 47% ของพนักงานพร้อมจะลาออก ถ้าออฟฟิศกลับไปใช้รูปแบบการทำงานที่ตายตัวเหมือนเดิม ผู้เข้าร่วมทดสอบ 52% ยังคงต้องการความยืดหยุ่นด้านสถานที่ทำงาน ในขณะที่ 40% ต้องการความยืดหยุ่นทางด้านเวลา

           นอกจากนี้ยังพบว่าพนักงานที่มีศักยภาพสูงจะชอบรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นมาก เพราะสามารถบริหารจัดการเวลาได้เอง จากการทำงานที่เน้นการคำนึงถึงผลสำเร็จของงานมากกว่าจำนวนเวลาทำงานที่อยู่ในออฟฟิศ

           ข้อดีของการทำงานแบบยืดหยุ่น

           การให้อิสระในเรื่องการแต่งกาย สถานที่ทำงาน การจัดสรรเวลาทำงานของตัวเอง ยังเป็นตัวช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นกับพนักงานด้วย ทำให้พนักงานทำงานได้อย่างมีความสุขมากขึ้น เพราะได้รักษาสมดุลทั้งด้านหน้าที่รับผิดชอบเรื่องงานกับการใช้ชีวิตส่วนตัว เมื่อกำลังใจดีแล้วพนักงานก็พร้อมที่ทุ่มเทพลังสมองให้กับงานและองค์กรตามไปด้วย

           ผลดีอีกต่อที่องค์กรจะได้รับจากการปรับรูปแบบการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นก็คือ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในออฟฟิศจากการที่พนักงาน Work from home และพอไม่ได้จำกัดสถานที่ในการทำงานแล้ว ก็สามารถเปิดรับคนเก่ง ๆ ที่มีความสามารถจากทั่วทุกมุมโลกให้มาทำงานกับองค์กรได้อีกด้วย

           จะเห็นได้ว่าเทรนด์การทำงานแบบยืดหยุ่นมีมานานแล้ว และการมีโควิด – 19 ถือเป็นตัวช่วยเร่งให้การทำงานแบบยืดหยุ่นถูกนำมาปรับใช้กับองค์กรเร็วขึ้นกว่าเดิม หากบริษัทไหนพร้อมปรับตัวให้ทันกับเทรนด์การทำงานของคนรุ่นใหม่ ก็จะสามารถคว้าตัวคนเก่ง ๆ ที่มีศักยภาพสูงให้มาร่วมงานด้วยได้ไม่ยาก

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

5 ข้อดี และ 5 ข้อเสียจากการ Work from home

กรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน ใช้อย่างไร ให้งานเดิน งานดี คนมีความสุข

การทำงานแบบทางไกล รูปแบบทำงานใหม่หลังวิกฤต COVID-19

ใดใด คือ Workation…งานทิพย์ ที่สายงานไหนก็อยากให้มี

Remote working เทรนด์งานยุคโควิด งานคุณภาพดี มีความสุข