Bounce Rate เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะช่วยให้เรารู้ว่าคนสนใจเว็บไซต์เรามากน้อยแค่ไหน และเราควรปรับปรุงเว็บไซต์ไปในทิศทางใดเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้เว็บไซต์เรามากขึ้น
Bounce Rate คืออะไร?
คือ อัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราเพียงหน้าเดียว (The percentage of single-page sessions) แล้วกดออก ไม่ว่าจะใช้เวลาอยู่ในหน้านั้นแค่ 1 วินาที หรือ 30 นาที โดยไม่ได้คลิกชมส่วนอื่น ๆ หรือมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ บนเว็บไซต์ของเราอีก พูดอีกอย่างคือ คนกดเข้ามาอ่านแค่หน้าเดียวแล้วออก หากเว็บของเรามีค่านี้สูง ก็แสดงว่าเว็บไซต์ของเราไม่มีคุณภาพ ไม่ถูกใจกลุ่มเป้าหมายเพียงพอที่จะทำให้เขาคลิกไปยังส่วนอื่น ๆ ของเว็บไซต์ต่อไป
ทำไม Bounce Rate สูง ถึงไม่ดีต่อเว็บไซต์
อย่างที่กล่าวไปว่า ค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา เป็นค่าที่ใช้วัดคุณภาพและความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อเว็บของเรา ยิ่งค่านี้มีสูงเท่าไหร่ แสดงว่ากลุ่มเป้าหมายยิ่งไม่พอใจกับเว็บของเรามากเท่านั้น เพราะเข้ามาอ่านเว็บเราเพียงหน้าเดียวแล้วไม่กดไปไหนต่ออีกเลย บางคนอาจกดเข้ามาแค่ไม่กี่วินาทีแล้วกดปิดด้วยซ้ำไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลแง่ลบต่อเว็บของเราทั้งสิ้น
หากเว็บของเรามีค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์น้อยแสดงว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์เรามาก มีการกดเข้าไปดูบทความหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องภายในเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ บ่งบอกถึงเว็บของเรามีความน่าสนใจ น่าใช้งาน และตอบโจทย์สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายตามหา
นอกจากนี้ อัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเรายังส่งผลทางอ้อมต่อการเก็บคะแนนของ Google Bot อีกด้วย เพราะหากเราปล่อยให้อัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราสูง บอทก็จะมองว่าเว็บของเราไม่มีความน่าเชื่อถือ และจะจัดอันดับเว็บของเราให้อยู่ท้าย ๆ ของหน้า Search Engine ส่งผลให้การทำการตลาดออนไลน์อื่น ๆ เช่น SEO ทำได้ยากมากขึ้นไปอีก
สำหรับใครที่สงสัยว่าค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราที่ดีควรอยู่ที่เท่าไหร่ เรามีเกณฑ์คร่าว ๆ มาให้พิจารณาดังนี้
- 26-40% จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
- 41-55% เป็นเกณฑ์ระดับกลาง ๆ
- 56-70% เกณฑ์ระดับสูง เริ่มน่าเป็นห่วง
- 70% ขึ้นไป เป็นเกณฑ์ที่สูงมาก และควรปรับปรุงเว็บไซต์โดยด่วน
เราสามารถดูค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราของเว็บไซต์เราได้ด้วยการเข้าไปที่ Google Analytics ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ Google เตรียมไว้ให้เราเข้าถึงข้อมูลจำเป็นต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้เว็บไซต์ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีลดอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราอย่างได้ผล
- ปรับปรุงไม่ให้หน้าเว็บโหลดนานเกินไป
เราควรจัดทำเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย โหลดไว รองรับได้ทั้งการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถือ ตอบสนองการใช้งานได้หลายแพลทฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ควรหลีกเลี่ยงการใช้รูปและวิดีโอที่มีความละเอียดสูง รวมไปถึงการใส่เนื้อหาจำนวนมากในหน้าเดียว ไม่ควรใช้ฟอนต์ขนาดใหญ่เกินไป รวมไปถึงไม่ควรมีลูกเล่นหรือปุ่มให้คลิกมากเกินไป
- ดีไซน์ UX/UI ให้สะอาดตา
การดีไซน์หน้าเว็บไซต์ให้ดูสบายตา ใช้งานง่าย เป็นระเบียบ มีการจัดหมวดหมู่ชัดเจน และเป็นมิตรกับผู้ใช้ จะส่งผลในแง่ดีต่อเว็บไซต์ของเรา ช่วยดึงดูดให้ผู้ใช้งานอยากปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของเรามากยิ่งขึ้น ตรงข้าม หากเราเลือกดีไซน์ที่มีรายละเอียดมากเกินไป จับคู่สีที่ฉูดฉาด มีปุ่มให้คลิกมากมายละลานตา ไม่เป็นระเบียบ ซับซ้อน จะส่งผลให้ผู้ใช้รู้สึกว่าเว็บของเรายุ่งยากและไม่น่าใช้งาน
- ไม่ควรมี Pop-up เด้งขึ้นมามากเกินไป
Pop-up เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์เข้าถึงข้อมูลข่าวสารหรือโปรโมชั่นได้ง่ายและรวดเร็วก็จริง แต่หากมีจำนวนมากเกินไป มีปรากฎขึ้นมาบ่อย หรือมีขนาดใหญ่เกินไป อาจส่งผลให้ผู้ใช้งานรู้สึกรำคาญ และไม่สบายใจขณะใช้งานเว็บไซต์ของเราได้
- ควรเขียนหัวเรื่องให้ตรงกับเนื้อหา
การเขียนบทความหนึ่ง ๆ สิ่งจำเป็นอย่างยิ่งคือการเขียนให้หัวเรื่องและเนื้อหาเล่าเรื่องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกเข้าใจ คล้อยตาม และสามารถอ่านเนื้อหานั้น ๆ ได้อย่างไหลลื่นไปจนจบบทความ การเขียนเนื้อหาเพื่อล่อให้คนเข้ามาคลิก เน้นการขายแบบยัดเยียด หรือเขียนให้ชวนสับสนจนผู้ใช้งานไม่เจอสิ่งที่อยากอ่านจริง ๆ จะส่งผลลบต่อคุณภาพเว็บไซต์ของเราเป็นอย่างมาก
- ไม่ควรมีโฆษณามากเกินไป
การมีโฆษณาในเว็บบ้าง และจัดวางตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถทำได้ แต่ไม่ควรมีมากเกินไป เพราะผู้ใช้จะรู้สึกไม่เป็นมิตรทันทีหากเห็นว่าภายในเว็บไซต์ของเรามีโฆษณาอยู่ทั้งหน้าเพจ เต็มไปหมดทั้งซ้ายขวา ทั้งบนแบนเนอร์ คั่นกลางระหว่างเว็บ และเป็นแบบ Pop-up ถึงแม้เราจะทำให้โฆษณานั้น ๆ คลิกปิดหรือซ่อนไว้ได้ ก็ไม่ช่วยให้ผู้ใช้งานอยากอยู่ในเว็บเราต่อแต่อย่างใด
- กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับเว็บของเรามากที่สุด
สิ่งหนึ่งที่จะส่งผลให้ผู้ใช้รู้สึกอยากคลิกเข้าเว็บเราคือ เขาได้สิ่งที่สนใจหรือตามหาหรือไม่ หากเรากำหนดกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ใช้ keyword ที่กระชับและชัดเจนตรงจุด เมื่อเรายิง ads ออกไป หรือทำการตลาดออนไลน์อื่น ๆ ไปในวงกว้าง ประสิทธิภาพที่ได้กลับมาก็จะสูงตามไปด้วย
- เพิ่ม Internal Link
Internal Link คือการเชื่อมโยงบทความหนึ่งไปยังบทความอื่น ๆ ภายในเว็บที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อเพิ่มโอกาสและกระตุ้นให้ผู้ใช้งานเข้าไปชมส่วนอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์เป็นลำดับถัดไป ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ และบอกผู้ใช้ทางอ้อมว่าภายในเว็บเรายังมีสิ่งที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อยู่อีกมากมาย
ข้อควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา
- ค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราสูง มาจากหลายปัจจัยรวมกัน หากต้องการลดอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราอย่างยั่งยืนและได้ผล ควรค่อย ๆ พิจารณาและปรับเว็บไซต์ของเราเพื่อเพิ่มคุณภาพของเว็บไซต์อยู่เสมอ
- อัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ใช้ได้กับเว็บไซต์ที่มีหลายหน้า หรือต้องการให้ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์เท่านั้น หากเว็บของเราเป็นเว็บที่มีหน้าเพจหน้าเดียว (Landing Page หรือ Sale Page) อัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์จะเป็น 100% เสมอ
- หากค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์น้อยเกินไป (น้อยกว่า 20%) ไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพ แต่อาจมาจากการตั้งค่า Google Analytic ที่ผิดพลาดก็เป็นได้
- หากอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเราอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อันดับบน Search Engine ก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย
- การปรับเว็บของเราให้เป็น Mobile Friendly จะยิ่งเพิ่มการเข้าถึงเว็บของเราได้มากขึ้น และช่วยลดอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ทางอ้อมได้อีกด้วย
ค่าอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา คือเครื่องมือชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ที่จำเป็นต้องอัพเดทให้เข้ากับยุคสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอด การที่เว็บของเรามีอัตราส่วนของคนที่เปิดเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ยิ่งส่งผลให้เว็บไซต์ของเรามีคุณภาพที่ดี ทั้งยังส่งผลต่อการทำ SEM และ SEO เพื่อกระตุ้นการเข้าถึงเว็บไซต์ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า
SEO (Search engine optimization) เทคนิคเพิ่ม Engagement ให้เว็บไซต์โดดเด่นกว่าใคร
UX/UI designer นักออกแบบผู้สร้างสรรค์เว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้โดดเด่น
7 เว็บไซต์สายย่อ URL พร้อมฟีเจอร์เด่นที่ไม่ได้มีแค่ใน bit.ly
เทคนิคการทำเว็บไซต์ติดอันดับการค้นหา
ทำการตลาดบนเว็บไซต์ให้ดีและโดนใจ