5 เทคนิคเปลี่ยนสายงานไปสายไอที

ในปัจจุบันสายงานด้านไอทีเป็นหนึ่งในสายงานที่ต้องการคนมากที่สุด โดยเฉพาะหลังจากเกิดภาวะวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้หลาย ๆ บริษัทต้องจัดนโยบายทำงานจากที่บ้านและหันมาใช้เทคโนโลยีในการทำงานและสื่อสารมากขึ้น เทคโนโลยีจึงกลายเป็นตัวเชื่อมระหว่างองค์กรกับลูกค้า รวมไปถึงเป็นส่วนช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้ จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีกลายมาเป็นความปกติใหม่ที่ทุกคนต้องปรับตัวให้เข้ากัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่างานในสายไอทีก็เป็นที่ต้องการขององค์กรมากขึ้น โดยสามารถดูฐานเงินเดือนของสายงานไอทีได้ ที่นี่

ทุกวันนี้หลาย ๆ คนมองหาโอกาสในการเปลี่ยนงานไปสายเทคโนโลยี หรือบางคนอาจจะต้องการเรียนรู้ ทักษะด้านเทคโนโลยี เพิ่มเติม เพราะมีความจำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านนี้เพิ่มขึ้น อีกทั้งสายงานนี้ยังเป็นสายงานที่มีอัตราเงินเดือนค่อนข้างสูง และเป็นที่ต้องการของตลาด จึงไม่น่าแปลกใจที่หลาย ๆ คนกำลังหาทางเปลี่ยนสายงานมาเป็นเป็นสายไอที

ถึงแม้ว่าคุณไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสายงานนี้มาก่อน แต่ยังอยากเปลี่ยนสายงานก็อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะการเปลี่ยนสายงานไม่มีคำว่าสายเกินไป หากคุณพร้อมที่จะเรียนรู้และทำงานหนัก คุณก็สามารถสร้างเส้นทางสายอาชีพที่ดีได้ วันนี้เรามาพร้อมกับบทความดี ๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับการเปลี่ยนสายงานมาสายไอทีให้คุณได้อ่านกัน

วิธีการเข้าสู้เส้นทางสาย อาชีพไอที (แม้ไม่มีประสบการณ์การทำงานด้านไอทีมาก่อน)

1. เน้นทักษะที่เปลี่ยนถ่ายได้

ก่อนอื่นคุณควรจะสำรวจตัวเองก่อนว่ามีทักษะไหนที่เป็นจุดแข็งของคุณบ้าง การไม่มีประสบการณ์ด้านไอทีไม่จำเป็นต้องเป็นจุดอ่อนเสมอไป ดังนั้นคุณควรเน้นจุดแข็งที่เป็นทักษะด้านต่าง ๆ  บางคนที่เปลี่ยนสายงานหรือเปลี่ยนแวดวงธุรกิจอาจจะทำให้คุณมีทักษะบางอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้กับสายงานด้านไอทีได้เพราะงานด้านเทคโนโลยีในบางส่วนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีเสมอไป

บริษัทไอทีบางแห่งอาจจะต้องการพนักงานขายที่มีความสามารถด้านการสื่อสาร หรืออาจจะต้องการพนักงานที่มีความรู้ด้านการเงินที่มาพร้อมกับความสามารถด้านการจัดการโครงการ เทคโนโลยีกลายมาเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจในปัจจุบัน จนทำให้แทบทุกธุรกิจจำเป็นต้องมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงอาจจะมองหาผู้ที่ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านไอทีมาโดยตรง แต่เป็นผู้ที่ทักษะด้านอื่นแล้วสามารถนำมาปรับใช้ให้ธุรกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้

มีทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะหลากหลายประเภทที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการแก้ปัญหา และทักษะด้านการลงรายละเอียดก็เป็นสิ่ง ผู้ประกอบการ กำลังมองหา เพราะธุรกิจหลาย ๆ ด้านต้องมีการเสนอทางแก้ปัญหาให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังมีทักษะด้านการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะถึงแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ก็ยังต้องมีคนที่ช่วยทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น ทั้งยังต้องช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอีกด้วย

ทักษะความสามารถเชิงสมรรถนะเหล่านี้สามารถเรียนรู้เทคนิคด้านเทคโนโลยีได้เพิ่มเติมเช่นกัน  เช่น คนที่มีพื้นฐานด้านการออกแบบ อาจจะเรียนเกี่ยวกับ ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ หรือ User Experience (UX) ในขณะที่คนที่มีพื้นฐานด้านการขาย และการตลาด ก็อาจจะมาเรียนรู้ด้านระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ และการตลาดดิจิทัลเพิ่มเติม สำหรับคนที่มีประสบการณ์ด้านการเงินมาก็ยังสามารถเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีทางด้านการเงินหรือการวิเคราะห์ข้อมูลได้อีกด้วย

2. เรียนรู้ด้านเทคนิคเพิ่มเติม

หากคุณต้องการทำงานในสายงานด้านเทคโนโลยี การมีความรู้พื้นฐานก็เป็นเรื่องสำคัญ การเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ เช่นการเขียนโค้ดจะช่วยให้คุณนำความรู้และทักษะที่คุณมีไปประยุกต์ใช้กับโลกดิจิทัลได้ และหากคุณมีความชำนาญด้านการใช้ซอฟต์แวร์ หรือระบบบางตัวก็จะช่วยทำให้คุณมีจุดดแข็งมากขึ้น

ข้อดีของการเรียนรู้ในปัจจุบัน คือ คุณไม่จำเป็นต้องกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยถึง 4 ปีอีกต่อไป คุณสามารถเรียนรู้ทักษะด้านเทคนิคเหล่านี้ผ่านชั้นเรียนออนไลน์ได้บางชั้นเรียนอาจจะมีประกาศนียบัตรหลังจบให้อีกด้วย คุณสามารถเลือกเรียนทักษะที่ต้องการได้ เช่น การเขียนโค้ด การเขียนโปรแกรม การใช้ฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์ เพื่อส่งมอบบริการผ่านเครือข่าย และการปกป้องข้อมูลสารสนเทศ ชั้นเรียนเหล่านี้คุณสามารถเรียนภายในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น

สายงานด้านเทคโนโลยีมักจะมีการพัฒนาเร็วมากเสมอ ดังนั้นคุณควรจะคอยตามข่าวและพัฒนาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าในวันนี้อาจจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ตกยุคในวันหน้า ดังนั้นการหมั่นขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติมจึงเป็นเรื่องจำเป็น

3. สร้างประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง

การสร้างเสริมประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายงานเทคโนโลยีจะช่วยให้คุณได้เปรียบในการทำงาน มากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีสมัยนี้ก็กว้างไกลมากพอที่จะอำนวยความสะดวกในการสร้างเสริมประสบการณ์ของคุณ โดยคุณสามารถมองหากิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจผ่านออนไลน์ได้

คุณอาจจะทำงานเสริมเกี่ยวกับเทคโนโลยี ดิจิทัล ต่าง ๆ โดยอาจจะสร้างเนื้อหาที่ส่งเสริมความสนใจและความชอบของคุณ การสร้างเสริมประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับความรู้และทักษะเพิ่มมากขึ้น เช่น การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนผ่านช่องทางออนไลน์ การเรียนรู้ว่าเนื้อหาแบบไหนที่เหมาะสม หรือช่องทางการสื่อสารไหนที่คุณสามารถใช้และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้ นอกจากนี้ การสร้างประสบการณ์เหล่านี้ยังช่วยให้คุณติดตามผลความสำเร็จของคุณได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย

การสร้างเว็บไซต์ของคุณเองก็เป็นหนึ่งในช่องทางการสร้างประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้ยังนำไปเป็นหนึ่งในผลงานของคุณ ให้คุณสามารถนำไปแสดงให้กับผู้ประกอบการที่สนใจได้อีกด้วย

4. เข้าหากลุ่มคนที่ทำงานสายเทคโนโลยี

หนึ่งในวิธีการเปลี่ยนสายงานที่ได้ผลดีคือการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มคนในแวดวงธุรกิจนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือ ที่ปรึกษา คนเหล่านี้สามารถแนะนำการทำงานในธุรกิจเหล่านั้น หรือให้เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการหางานได้

การเข้าหากลุ่มคนที่อยู่ในแวดวงเทคโนโลยีสามารถทำได้ผ่านการเข้าร่วมการสัมมนา หรือการเข้าหาผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ หากคุณสามารถสร้างสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเทคโนโลยีเช่นเดียวกันกับคุณ คนเหล่านี้ก็จะสามารถแนะนำความรู้ใหม่ ๆ หรือช่วยคุณแก้ปัญหาที่คุณได้พบเจอได้ ดังนั้นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีจึงกลายเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่คุณไม่ควรมองข้าม

ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีนี่เองที่ช่วยให้คนสื่อสารกันได้มากขึ้น คุณสามารถพบปะ และสร้างสัมพันธ์กับกลุ่มคนเหล่านี้ได้ผ่านงานอีเวนต์ต่าง ๆ กิจกรรมการจัดหางาน การเรียนออนไลน์ หรือแม้แต่องค์กร Start-Up ที่ต้องการมองหาคนใหม่ ๆ มาช่วยงาน การสร้างสัมพันธ์นอกจากจะช่วยให้คุณเปลี่ยนสายงานได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยส่งเสริมความหลงใหลและทำให้คุณไม่หมดไฟได้ง่าย ๆ อีกด้วย

5. อัปเดต เรซูเม่ ของคุณ

เมื่อคุณมีทักษะที่เรียนรู้ได้ พร้อมทักษะด้านเทคนิคใหม่ ๆ แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องอัปเดตเรซูเม่ของคุณ ไม่ว่าเรซูเม่ฉบับเดิมของคุณจะดีแค่ไหน แต่หากไม่ใส่ทักษะหรือประสบการณ์ที่มีเพิ่มขึ้นลงไป ก็อาจจะเป็นการปิดโอกาสตัวเองกับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาคนที่ใช่ได้ โดยเฉพาะหากต้องการเปลี่ยนสายงานไปสายเทคโนโลยีก็ควรจะใส่ทักษะและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องลงไป

การเขียนเรซูเม่ควรเริ่มต้นด้วยการใส่ทักษะที่เกี่ยวข้องลงไปก่อน เช่น ทักษะการแก้ปัญหา การจัดการโครงการ หรือทักษะด้านการสื่อสาร เพื่อเป็นการเสริมจุดแข็งของคุณให้กับผู้ประกอบการได้เห็นและเริ่มมีความสนใจในตัวคุณมากพอที่จะดูเรซูเม่ต่อไป

การอัปเดตเรซูเม่ยังช่วยให้คุณสามารถใส่ทักษะใหม่ ๆ ที่คุณเรียนรู้เพิ่มเติมมาหรือใส่ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่คุณมีอยู่แล้วเข้าไปด้วย หากต้องการทำให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่น นี่เป็นโอกาสให้คุณใส่ชื่อชั้นเรียนต่าง ๆ และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องที่คุณได้มีมาอีกด้วย และหากคุณมีความสามารถทางด้านศิลปะและการดีไซน์ คุณก็สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ที่คุณสร้าง หรือใส่เนื้อหาต่าง ๆ ที่คุณเคยทำไว้ในเรซูเม่ได้ เช่นเดียวกับคนที่ทำงานสายการเงินและการธนาคาร ก็สามารถใส่ความรู้ด้านเทคโนโลยีทางด้านการเงินเข้ามาด้วยเช่นกัน

การเปลี่ยนสายงานมาทางไอทีนั้นเป็นสิ่งที่คุณเองก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องหมั่นขวนขวายหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ที่สำคัญอย่าลืมเปิดโอกาสให้กับตัวเองโดยการอัปเดตเรซูเม่ของคุณให้ผู้ประกอบการได้เห็น หรืออัปเดตโปรไฟล์ในหน้าของคุณเพื่อให้คุณได้เจอกับงานที่ใช่ คุณสามารถเข้าไปอัปเดตเรซูเม่ของคุณได้ ที่นี่

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%8a%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b8%97%e0%b8%b5/

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b8%b0/