หยุดทำงานไปนาน เขียนลงในเรซูเม่อย่างไรดี

หยุดทำงานไปนาน เขียนลงในเรซูเม่อย่างไรดี
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 07 July, 2023
Share

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมากับสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบกันไปทุกภาคส่วน เหล่าพนักงานเงินเดือนหลายคน ก็อาจได้ผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน บางคนอาจได้รับข่าวร้ายจากเรื่องราวการขาดทุนของบริษัทตัวเอง จนทำให้มีการต้องลดจำนวนพนักงานหรือปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งพนักงานที่เจอแจ็คพอตแล้วไม่ทันได้ตั้งตัว หรือมีการเตรียมตัวในการหางานใหม่ ก็คงจะต้องมีความเคว้งคว้างเกิดขึ้นบ้าง จนกลายเป็นช่องว่างของโปรไฟล์การทำงาน และน่าจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่กังวลว่าแล้วช่วงที่ออกจากงานเก่า แล้วกำลังหางานใหม่ จะระบุในเรซูเม่ว่าอย่างไรดี เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย

เรซูเม่ช่วงว่างงาน

5 วิธีเขียนเรซูเม่ ถ้าต้องกลายเป็นคนว่างงาน

1. ใช้เหตุผลที่ดูดี แต่ต้องไม่ปกปิดข้อมูล

หลายคนคงจะกังวลใจไม่น้อย ว่าช่องโหว่ในการทำงานอาจมีผลทำให้ HR บริษัทอื่นๆ ปัดตกเรซุเม่ของคุณ แต่อย่าเพิ่งกังวลใจ เพราะเราเชื่อว่าในยุคสมัยนี้ HR จะต้องเข้าใจสถานการณ์อย่างแน่นอน ดังนั้นหากคุณเลือกที่จะไม่ใส่ข้อมูลลงไป นั่นอาจแปลว่าคุณกำลังปกปิดข้อมูลบางอย่าง จนเกิดเป็นข้อสงสัยได้ว่าช่วงที่เว้นว่างไว้ คุณหายไปไหนมา หรือหากแย่กว่านั้นเขาอาจจะคิดได้ว่าคุณทำผิดอะไรไว้หรือมีคดีอะไรที่เป็นเรื่องร้ายแรงหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวที่จะระบุข้อมูลต่างๆ ลงไปในเรซูเม่ โดยเราได้ยกตัวอย่างเหตุผลต่างๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อระบุลงไปในเรซูเม่ได้ ดังนี้

- มีการปรับโครงสร้างองค์กร

เหตุผลนี้สำหรับผู้ที่โดนเทจากช่วงโควิดเลย ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องของสถานการณ์ทางการเงินที่ทำบริษัทต้องขาดทุนหรือขาดรายได้ไปจากช่วงโควิด จนทำให้องค์กรต้องเลือกใช้วิธีลดพนักงาน เพื่อลดขนาดองค์กรลง เหตุผลนี้จึงทำให้ฟังดูมีเหตุผล เพราะการโดนให้ออกจากงานในกรณีไม่ได้เกิดขึ้นจากตัวคุณ แต่เป็นปัจจัยของสถานการณ์ในปัจจุบันหรือเรื่องอื่นๆ มากกว่า

- ปัญหาสุขภาพ

เหตุผลก็สามารถโยงเข้าได้กับช่วงโควิดด้วยเช่นกัน เพราะเป็นช่วงที่คนหนมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ ก็เกิดขึ้นมากมาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ควบคุมมันได้ยาก และคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไร เพราะหากปล่อยให้อาการป่วยทวีคูณขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานในระยะยาวแล้ว ดังนั้นอาจจะแจ้งทาง HR ได้ว่า ช่วงที่หายไป คือการออกไปพักรักษาตัวจากอาการป่วยที่เกิดขึ้น

หรือไม่เช่นนั้น อาจเป็นระบุถึงอาการป่วยของคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ก็ได้เช่นกัน ว่าเราต้องลาออกจากงานเก่าเพื่อมาใช้เวลาดูแลบุพการีอย่างใกล้ชิด รับรองไม่มี HR ที่ไหนจะใจร้ายกับเรื่องแบบนี้แน่นอน

- ปัญหาด้านครอบครัว

ต่อเนื่องจากเหตุผลด้านบน หากไม่อยากระบุว่าต้องลาออกไปดูแลพ่อแม่ที่มีอาการป่วย ก็อาจลองใช้เหตผุลอีกแบบได้ว่า ลาออกไปจัดการปัญหาครอบครัว ดูแลเรื่องของธุระสำคัญต่างๆ กิจการงานต่างๆ ของครอบครัวที่ติดขัด และขาดคนช่วยเหลือ เป็นต้น เพราะเรื่องครอบครัวถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่มนุษย์ทุกคนต้องคอยดูแล ดังนั้นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สามารถนำมาระบุได้

- ผันตัวเองไปทำธุรกิจ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ทุกคนย่อมมีความคิดอยากเป็นเจ้านายตัวแทบทั้งนั้น ดังนั้นการให้เหตุผลว่าลาออกเพื่อไปทดลองทำธุรกิจส่วนตัวของตัวเอง จึงสามารถแจ้งได้เช่นกัน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันส่งผลให้เกิดพิษเศรษฐกิจ จึงทำให้ธุรกิจส่วนตัวของคุณต้องสะดุด เลยต้องกลับมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง แต่คุณก็ยังสามารถบอกได้อีกว่า ด้วยการที่ออกมาทดลองทำธุรกิจส่วนตัวครั้งนี้ ก็ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ มาด้วยเช่นกัน และสามารถนำมาปรับใช้กับงานประจำครั้งใหม่ได้ด้วย

- ค้นหาตัวเอง

เรื่อง Work Life Balance เป็นเทรนด์ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในยุคนี้ ดังนั้นการบอกว่าลาออกเพื่อไปค้นหาตัวเอง พักผ่อน เพื่อศึกษาว่าตัวเองต้องการอะไร ก็ถือเป็นเหตุผลที่พอฟังขึ้น เพราะบางครั้งคนเราก็อยาก Take a break จากอะไรเดิมๆ ด้วยการออกไปอยู่กับตัวเอง ออกไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ พบปะผู้คนใหม่ๆ ให้สมองได้พักจากเรื่องเครียดๆ

- เรียนต่อ

เหตุผลนี้ก็ถือเป็นเหตุผลยอดนิยมเช่นกัน เพราะการศึกษาไม่มีวันสิ้นสุด อาจลองบอกดูได้ว่า คุณหายไปศึกษาต่อปริญญาโท หรือ ปริญญาเอก และต้องการทุ่มเทกับการเรียนครั้งนี้ให้เต็มที่ เพราะบางครั้งการทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย อาจทำให้คุณเครียดเกินไป หรือมีเวลาไม่มากพอที่จะทำทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆ กัน

2. ใช้เวลาว่างให้คุ้มค่า

จะดีกว่าไหมถ้าเราเปลี่ยนช่วงเวลาว่างงานให้กลายเป็นประโยชน์ เช่น การลองหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ หรือหากอยากให้เรซูเม่สวยหรูขึ้น ลองหางานพาร์ทไทม์ หรืองานฟรีแลนซ์ทำ ในระหว่างงานใหม่ นอกจากจะมีรายได้เสริมในช่วงที่เวลาว่าง ยังสามารถนำจุดนี้มาเป็นจุดเพิ่มทักษะและประสบการณ์ให้ตัวเองได้อีกด้วย เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์งานใหม่ จะได้มีเรื่องราวมีนำเสนอมากขึ้น

นอกจากนี้อาจลองดูเป็นการเรียนออนไลน์กับคอร์สต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมาย เพราะคอร์สเหล่านี้ก็ถือเป็นตัวช่วยในการเสริมทักษะแบบชั้นดีเช่นเดียวกัน แล้วยิ่งในสมัยนี้มีผู้มีให้บริการมากมายที่เปิดคอร์สอบรมให้เรียนกันแบบฟรีๆ อีกด้วย จะลงทะเบียนกันไปกี่คอร์สก็ไม่มีใครว่า ก็จะมีแต่คุณเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์ไปแบบเต็มๆ แถมบางที่เรียนจบแล้ว ยังมีใบประกาศนียบัตรให้อีกต่างหาก ทำให้เราเอาตรงนี้มาเสริมเติมแต่งเรซูเม่ได้เช่นกัน

3. มีความซื่อสัตย์

อย่างบอกไปว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ดังนั้นอย่าไปกลัวที่บอกความจริงแก่ HR แต่อย่างน้อยก็ต้องมีการเรียบเรียงเรื่องราวสักนิดเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้นเอง ดังนั้นคุณจึงไม่ควรที่ใส่เรื่องโกหกลงไปในเรซูเม่ของตัวเอง หรือแม้กระทั่งในขั้นตอนของการสัมภาษณ์งานอย่างเด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่าความลับไม่มีในโลก และเรื่องราวคอนเนคชันต่างๆ ก็เป็นอะไรที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าในอดีต หากสุดท้าย HR จับได้ว่าคุณโกหก มันต้องส่งผลเสียต่อการสมัครงานครั้งนี้แน่นอน เผลอๆ จะลามไปถึงการสมัครงานที่ต่อๆ ไปอีกด้วย เพราะ HR ในแต่ละบริษัทที่เขารู้จักกัน ก็ต้องนำเรื่องราวไปบอกต่อๆ กันอย่างแน่นอน

ดังนั้นถ้าคุณถูกให้ออกจากงานที่เก่า ก็สามารถอธิบายได้ว่าเกิดจากเหตุผลอะไร ทำไมที่ทำงานเก่าถึงไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคุณ หรือทำไมตำแหน่งงานเก่าถึงไม่ฟิตกับคุณ จากนั้นให้เปลี่ยนเรื่องแย่ๆ ให้กลายเป็นประสบการณ์ โดยลองบอก HR ไปว่าคุณได้รับประสบการณ์จากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไรบ้าง และจะนำเรื่องนี้มาปรับใช้กับงานที่ใหม่อย่างไร

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญเลยก็คือ ไม่ควรพูดในแง่ร้ายกับบริษัทเก่าอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงการโจมตีหัวหน้าเก่าก็เช่นกัน เพราะนั่นอาจส่งผลลบในตัวคุณ ทำให้ HR มองว่าคุณเป็นคนไม่สู้และพาลไปโทษบริษัทเก่าหรือหัวหน้าเก่า หรือต้องการจะดิสเครดิตบริษัทเก่า แถมเขายังจะมองยาวไปถึงอนาคตอีกด้วยว่า ถ้าคุณเกิดออกงานที่คุณกำลังสัมภาษณ์อยู่ แล้วไปสัมภาษณ์กับที่ใหม่ คุณจะดิสเครดิตบริษัทด้วยอีกไหม ดังนั้นจงอย่าทำเด็ดขาด

4. Cover Letter ก็ช่วยได้

ด้วยเนื้อที่จำกัดของเรซูเม่ ดังนั้นอาจไม่พื้นที่มากพอที่จะอธิบายถึงปัญหาหรือเหตุผลต่างๆ ในการออกที่งานที่เก่า รวมไปถึงเหตุผลของช่องโหว่การทำงาน เพราะฉะนั้นแล้ว Cover Letter (จดหมายสมัครงาน) นี่แหละที่จะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยให้เหตุผลของคุณได้ขยายความและดูน่าเชื่อถือขึ้น

Cover Letter หรือ จดหมายสมัครงาน คือ จดหมายที่ใช้เขียนปะหน้าส่งไปสมัครงานตามบริษัทต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการระบุไว้ในอีเมล โดยคุณสามารถระบุถึงเหตุผลต่างๆ ในการว่างงานลงไปได้อย่างเต็มที่ เพราะว่ามีพื้นที่ในการเขียนมากกว่าเรซูเม่ ซึ่งคุณจะต้องเขียนถึงเหตุผลเหล่านั้นอย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา แต่ก็อย่าเยิ่นเย้อจนเกินไป เพราะใช่ว่า HR ทุกคนจะอ่าน Cover Letter กันทุกคน แม้พื้นที่จะเยอะกว่าเรซูเม่ แต่ก็อย่าเวิ่นเว้อจนเกินพอดี

ดังนั้นแล้วอย่าลืมที่จะใส่เหตุผลเล็กน้อยลงไปเผื่อในเรซูเม่ด้วย อีกทั้งยังควรซ้อมตอบคำถามสัมภาษณ์อยู่บ่อยๆ ด้วยเช่นกัน ก็จะช่วยทำให้การสมัครงานครั้งใหม่ราบรื่นและประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

5. การระบุช่วงเวลางานในเรซูเม่

หากนี่เป็นการว่างงานครั้งแรกของคุณ ตอนทำเรซูเม่ก็ใช้หลักการเดิมได้เลยก็คือ ระบุประวัติการทำงานตั้งแต่ปัจจุบันไล่ไปยังอดีต โดยควรเน้นรายละเอียดตรงช่วงรายละเอียดการทำงานและประสบการณ์เป็นหลัก และเมื่อมาถึงช่วงเวลาที่ว่างงาน ก็ระบุช่วงเดือนและปีที่ว่างงานไปลงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น มีนาคม 2021 - กรกฎาคม 2021 จากนั้นก็ให้ระบุเหตุผลที่ว่างงานลงไปแบบกระชับได้ใจความ ด้วยความยาวประมาณ 1-2 บรรทัด

ส่วนใครที่มีช่วงเวลาว่างงานมากกว่า 1 ครั้ง เราอยากให้คุณใส่ช่วงเวลาว่างเพียงครั้งเดียวลงในเรซูเม่ โดยเลือกช่วงเวลางานอันล่าสุดเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ การว่างงานหลายครั้ง ก็มีส่วนทำให้ภาพลักษณ์คุณติดลบได้เช่นกัน แต่ให้คุณเตรียมข้อมูลของการว่างงานในอดีตไปใช้ตอบคำถามในช่วงสัมภาษณ์งานแทน

เทคนิคการสัมภาษณ์งาน

แนะนำวิธีการเขียนเรซูเม่สำหรับว่างงานกันไปแล้ว คราวนี้มาดูทริคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเอาซ้อมคำตอบถามสำหรับขั้นตอนสัมภาษณ์งานกันดูบ้าง

- เรียบเรียงเหตุผลต่างๆ ว่าทำไมเราถึงว่างงาน เช่น ปรับโครงสร้างองค์กร, ปัญหาสุขภาพ, ปัญหาครอบครัว และอย่างที่บอกไว้ว่า ควรบอกความจริงเท่านั้น

- เล่าถึงชีวิตของคุณในช่วงที่ว่างงาน ว่าคุณใช้เวลาตรงนั้นไปกับการทำอะไรบ้าง เช่น ทำงานพาร์ทไทม์, รับงานฟรีแลนซ์, เรียนออนไลน์ เป็นต้น

- ฝึกพูดกับตัวเองบ่อยๆ หน้ากระจก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง แถมยังช่วยเคาะสนิมจากการว่างงานมานานได้อีกด้วย

สรุปวิธีเขียนเรซูเม่ยังไงดี ถ้าว่างงานมานาน

การมีช่วงเวลาว่างงานไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับมนุษย์เงินเดือน ดังนั้นจงอย่าไปกลัวว่าเราจะล้มเหลวจากการสมัครงานครั้งใหม่ แต่ให้นำเรื่องราวในอดีตมาเป็นบทเรียนและผลักดันให้เราได้เริ่มต้นกับงานใหม่ที่รออยู่ และอย่างที่เราย้ำไปตลอดบทความว่า เราควรบอกความจริงกับผู้สัมภาษณ์ แล้วสถานการณ์ต่างๆ จะดำเนินไปอย่างราบรื่นแน่นอน

ส่วนใครที่กำลังมองงานที่ใช่อยู่ล่ะก็ เข้ามาได้เลยที่ JobsDB เพราะเรามีงานคุณภาพจากบริษัทชั้นนำรอให้คุณไปร่วมงานด้วยอยู่เพียบ!

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

JobsDB Mobile App

เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a3/

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%99/

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%88%e0%b8%99/

More from this category: Resumes

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่ามีผู้สมัครจำนวนเท่าไหร่ที่เตรียมเรซูเม่ที่หาข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของตนโดยการสำรวจด้วยคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

สำรวจหัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เลือกสิ่งที่สนใจเพื่อเรียกดูอาชีพที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
เพียงคลิก 'สมัครสมาชิก' เพื่อยอมรับ คำชี้แจงสิทธิ์ส่วนบุคคลของ Jobsdb โดยคุณสามารถยกเลิกอีเมลเมื่อใดก็ได้
สงวนลิขสิทธิ์ 1998-2024 โดย บริษัท จัดหางาน จ๊อบส์ ดีบี (ประเทศไทย) จำกัด