ภาวะ Burnout หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน ถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของวัยทำงาน ที่มักจะพบได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป ทำให้หลาย ๆ องค์กรหันมาสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 วิธีในการกำจัดภาวะ Burnout
ขอเวลานอก
การขอเวลานอกอาจจะเป็นเรื่องที่ยากในชีวิตของการทำงาน แต่บางครั้งการที่ได้พักผ่อนบ้างจะช่วยทำให้คุณได้ผ่อนคลาย โดยอาจจะไม่ต้องใช้เวลาเยอะเพียง 1 ชั่วโมงในช่วงพักเบรกเพื่อให้สมองของเราได้หยุดพักในการทำงาน หรืออาจจะเป็นสัก 15 นาทีหลังจากที่ประชุมเสร็จหรือทำงานต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง เป็นต้น
หรือหากการพักสั้น ๆ ไม่ได้ช่วย การลาพักร้อนหลาย ๆ วัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการ ช่วยเหลือคุณจากภาวะหมดไฟในการทำงาน โดยจากงานวิจัยพบว่าการลาพักร้อนติดกันยาว ๆ 8 วัน ช่วยให้ความเครียดหายไปได้ อีกทั้งยังเป็นการรีบูทตัวคุณเองให้มีสุขจิตที่ดีขึ้นและสมองได้ผ่อนคลาย ดังนั้นหากเป็นไปได้ลองหยุดยาวไปเที่ยว จะทำให้คุณกลับมามีไฟในการทำงานมากขึ้น
กำหนดขอบเขตการทำงานใหม่
Work Life Balance ถือว่าเป็นหนึ่งในโจทย์ที่องค์กรยุคใหม่จะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนเก่ง ๆ อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้ เพราะชีวิตของพนักงานทุกคนไม่ได้อยู่ที่การทำงานเพียงอย่างเดียว แต่มีหลาย ๆ เรื่องที่ต้องทำในแต่ละวัน การที่ไม่กำหนดขอบเขตการทำงานเลย อาจจะเป็นการทำให้พนักงานเกิดภาวะหมดไฟได้เร็วกว่าเดิม
โดยการกำหนดขอบเขตการทำงานให้มีความชัดเจน เช่น การที่ไม่โทรหาหรือส่งอีเมลให้พนักงานหลังจากที่เลิกงานไปแล้ว ยกเว้นกรณีเร่งด่วน หรือ การงดทวงงานหากพนักงานคนนั้นได้ทำการลาพักร้อนหรือลากิจธุระ
นอกจากนี้การนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการทำงาน จะทำให้ขอบเขตในการทำงานยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เช่น พนักงานสามารถที่จะเข้างานผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท แทนที่จะต้องมาสแกนนิ้วที่ออฟฟิศ เป็นต้น
กำหนดขอบเขตการทำงานจะมีความสำคัญอย่างมาก หากองค์กรมีนโยบายในการ Work form Home ที่จะต้องกำหนดขอบเขตการทำงานที่ชัดเจน เพราะหากไม่ปฏิบัติอาจจะส่งผลร้ายยิ่งกว่าการทำงานแบบปกติ เพราะพนักงานจะรู้สึกเหมือนต้องทำงานตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่อยู่ในบ้านตัวเอง พนักงานจะรู้สึกเหนื่อยมากกว่าเดิม และหมดไฟในการทำงานอย่างรวดเร็ว
สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่
ในบางครั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะ Burn Out อาจจะมาจากปัจจัยที่คุมไม่ได้ เช่นความสัมพันธ์ระหว่าง
เพื่อนร่วมงานไม่ราบรื่น ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างาน รวมไปถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ อาจจะทำให้หมดไฟในการทำงานได้ง่าย ๆ
สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องเสียพนักงานเก่ง ๆ ไป เนื่องจากต้องการสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีกว่า ดังนั้นตัวเราเองหากมองว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานปัจจุบันมันไม่น่าทำงาน การเปลี่ยนไปทำงานในองค์กรที่มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี จะช่วยได้
นอกจากนี้อีกหนึ่งวิธีแก้คือการลองคุยกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือหัวหน้างานในการหาทางออกร่วมกัน เพราะในบางครั้งการคุยกันน้อยเกินไป อาจจะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไข หากว่ามีการคุยกับอาจจะสามารถปรับแนวทางรวมไปถึงสภาพแวดล้อมในการทำงานได้
ผ่อนคลายด้วยตัวคุณเอง
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน สุภาษิตนี้สามารถให้ได้เสมอ เรื่องสภาวะของการหมดไฟก็เช่นกัน วิธีการแก้ไขอาการนี้ที่ดีที่สุดคือ ตัวเราเอง เพราะในเรื่องของการทำงานนั้น เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงสภาวะความกดดันต่าง ๆ ความเครียด สภาพแวดล้อมในการทำงานและวัฒนธรรมการทำงานขององค์กร รวมไปถึงความแตกต่างทางความคิดไม่ได้เลย ดังนั้นวิธีแก้คือเราจะต้องรับมือกับเรื่องเหล่านี้ให้ดี หาวิธีการระบายความเครียด ไม่เก็บเรื่องที่ไม่ดีมาคิดจะทำให้เราสามารถรับมือกับสภาวะหมดไฟได้ดีทีเดียว
ยอมรับความช่วยเหลือ
บางครั้งสภาวะหมดไฟในการทำงาน อาจจะไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตและอีกด้วย ดังนั้นหากคุณคิดว่ารับมือไม่ไหวแล้ว ลองระบายกับเพื่อนหรือคนรู้ใจอาจจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น แต่หากว่ามีอาการที่หนัก การเข้าพบจิตแพทย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อที่จะได้รับการวินิจฉัยและดำเนินการรักษาตามแนวทางของแพทย์
สรุป
ภาวะหมดไฟในการทำงานเป็นสิ่งที่วัยทำงานจะต้องรับมือให้ได้ ผ่านวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขอเวลานอกเพื่อพักผ่อน การกำหนดขอบเขตการทำงานใหม่เพื่อให้เรื่องงานกับเรื่องชีวิตส่วนตัวไม่บนกัน การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ เพื่อลดสภาวะหมดไฟในการทำงาน รวมไปถึงการผ่อนคลายด้วยตัวคุณเอง ที่จะช่วยทำให้คุณไม่หมดไฟง่าย ๆ และหากคุณคิดว่าไม่สามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้ไหว การขอความช่วยเหลือก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรทำ เพื่อน ๆ ลองนำเอาวิธีการเหล่านี้ไปปรับใช้ดู บางทีภาวะหมดไฟในการทำงานอาจจะหายไปเลยก็ได้
หากงานที่ทำไม่ตอบโจทย์ แถมยังเพิ่มภาวะ Burnout เข้ามาอีก ปีใหม่นี้คงถึงเวลาต้องเปลี่ยนงานแล้ว ให้ JobsDB ช่วยคุณคัดสรรงานที่ใช่ได้ การันตีจากผู้หางานกว่า 2.6 ล้านคนในประเทศไทย พร้อมรวบรวมบริษัทชั้นนำไว้กว่า 50,000 แห่งให้คุณสืบค้น แค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า
และหากคุณอยากเปลี่ยนงานใหม่ แต่ยังขาดความรู้ด้านวิธีการสัมภาษณ์งานอยู่ หรือต้องการเพิ่มพูนความรู้และทักษะใหม่ ๆ ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะสามารถเสริมความรู้เพิ่มเติมได้จากการเรียนออนไลน์กับ UpLevel เสริมทักษะ เพิ่มโอกาสงาน จาก JobsDB มีคอร์สที่สอนความรู้ด้านนี้ให้คุณเพิ่มทักษะการทำงานโดยเฉพาะ
ปากบอกไหวแต่น้ำตาไหลเป็นทาง 5 สาเหตุ Burnout ของพนักงาน
10 อาหารสุขภาพคลายเครียด