เปลี่ยนงานเมื่อไหร่…ให้จังหวะชีวิต Happy

ว่ากันว่า ทุก ๆ 5 - 7 ปี ชีวิตคนเรามักจะมีการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นไปในอีกแบบอยู่เสมอ ชีวิต การทำงาน ก็เช่นเดียวกัน ย่อมต้องมีวันที่เราก้าวไปถึงจุดเปลี่ยนในการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนอะไรใหม่ ๆ ให้ชีวิตการทำงานแล้วหรือยัง หรือบางครั้งใจอยากเปลี่ยน แต่ไม่แน่ใจว่าช่วงไหนเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการเปลี่ยนงาน ลองสังเกตดูสัญญาณบ่งบอกต่อไปนี้ว่าตรงกับตัวเรามากน้อยเพียงใดบ้าง

1. ชั่วโมงบินและความเชี่ยวชาญ

ถ้าเราทำงานมาถึงจุดที่แน่ใจแล้วว่า เรามีชั่วโมงบิน มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ในงานอย่างทะลุปรุโปร่ง และมีพัฒนาการในสายงานอยู่เสมอ บวกกับอายุงานที่สะสมมา 5 ปีก็แล้ว 10 ปีก็แล้ว 15 ปีก็แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ขยับขยายได้ เลื่อนตำแหน่ง อาจเป็นสัญญาณเตือนเป็นนัย ๆ ได้ว่า น่าจะได้เวลาคิดหางานใหม่

2. ประเมิน...เปรียบเทียบ...ได้เวลาเปลี่ยนแปลง

เวลาไปงานเลี้ยงรุ่นเมื่อไหร่ น่าจะเห็นสัญญาณข้อนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น สังเกตดูความก้าวหน้าของคนรุ่นเดียวกัน เพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกันหรือเคยทำงานมาด้วยกัน ว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว ถ้าประเมินแล้วตัวเราจัดอยู่ในกลุ่มค่อนข้างล้าหลังทางหน้าที่การงาน ก็น่าจะบอกอะไรได้เกี่ยวกับงานในปัจจุบันของเราและอนาคตอันใกล้ ยิ่งถ้าเทียบกับเพื่อน ๆ ในที่ทำงานเดียวกัน และเราอยู่ในกลุ่มที่ทำงานมานาน ประสบการณ์แน่น ลองเปรียบเทียบกับคนที่ตำแหน่งสูงกว่าเรา 1 ขั้น ความรู้ความสามารถเราก็ไม่ได้ห่างชั้นมาก ก็ต้องขอบอกว่าได้เวลาแล้วที่จะหาความก้าวหน้าให้ชีวิต

3. น้ำขึ้นให้รีบตัก

จังหวะในชีวิตการทำงานนั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นวัฏจักรที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ช่วงแรกของการทำงานที่เรายังเป็นมือใหม่ ก็ไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อย เพราะเป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ขณะเดียวกันช่วงบั้นปลายของชีวิตการทำงานก็ไม่ควรเปลี่ยนงานบ่อยอีกเช่นกัน เพราะความเสี่ยงสูง ๆ ทั้งหลาย ทั้งอายุที่สูงขึ้น ฐานงานเดือนก็สูงตาม แปรผกผันกับไฟในการทำงาน ความกระตือรือร้น และปัญหาสุขภาพที่อาจตามมา ดังนั้นช่วงกลาง ๆ ของชีวิตการทำงานนี่แหละ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนงาน แถมยังเป็นช่วงเวลาที่องค์กรต่าง ๆ ต้องการตัวเรามากที่สุดอีกด้วย

ดูสัญญาณรอบตัวกันแล้ว คราวนี้หันกลับมาใช้ความคิด พิจารณาไตร่ตรอง ลองถามใจตัวเองกันบ้างดีกว่า ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแน่แล้วหรือไม่

4. งานใหม่...ปัญหาใหม่

ถามใจตัวเองดูว่า เราชอบงานใหม่ มากกว่างานเก่าจริงหรือไม่ หลาย ๆ คนหางานใหม่เพราะเพลียใจกับงานเก่า ทั้งงานหนัก ทั้งปัญหาเยอะ แต่คำถามต่อไปที่ต้องคิดเยอะ ๆ ตามไปด้วยก็คือ ถ้างานใหม่นำพาเราให้ไปเจอปัญหาใหม่ ๆ ที่อาจซ้ำรอยกับงานเก่าที่เจอมา เราจะยังทำงานนั้นต่อไปได้หรือไม่

5. เติบโต...ก้าวหน้าอย่างมั่นคง

นอกจากความชอบและใจรักแล้ว เรื่องของผลตอบแทนก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับต้น ๆ ว่าผลตอบแทนจากงานใหม่ที่เราจะได้นั้นคุ้มค่าหรือไม่ คุ้มกับกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสมองที่เราทุ่มเทไปหรือไม่ และอย่าลืมพิจารณาเรื่องโอกาสเติบโต ความก้าวหน้าในสายงาน และความมั่นคงในชีวิตด้วย

6. พร้อมเปลี่ยนแปลง พร้อมปรับตัว

เพราะไม่แน่เสมอไปว่าสังคมใหม่ที่เราต้องไปพบเจอนั้นจะดีหรือแย่กว่าเก่า เมื่อกล้าที่จะก้าวออกจาก comfort zone แล้ว ต้องทำใจให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์และเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ให้ได้อยู่เสมอ มีความเชื่อ มีความกล้า ใช้สติปัญญาแก้ไขทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะทำงานอะไร ไม่มีคำว่าทำไม่ได้อย่างแน่นอน

7. สร้างโอกาสใหม่ ๆ อัปเดตโปรไฟล์กับjobsDB

คนเตรียมพร้อมย่อมได้เปรียบเสมอ แม้ตอนนี้จะยังไม่คิดเปลี่ยนงาน แต่โอกาสก็พร้อมเข้ามาหาเราได้ทุกเมื่อ ตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น คือการ อัปเดตโปรไฟล์กับ jobsDB สะดวก ไม่ยุ่งยาก เพียงเข้าไปกรอกข้อมูลสร้างโปรไฟล์กับ jobsDB ให้ครบถ้วน แนบเรซูเม่เพิ่มเติมได้ตามความต้องการ แถมยังอัปเดตโปรไฟล์ได้เรื่อย ๆ ไม่มีจำกัด ไม่ต้องเหนื่อยวิ่งตามหางานในฝันอีกต่อไป เปิดโอกาสให้งานใหม่ที่ใช่กว่าเดิมตามหาตัวเรา เพียงเท่านี้ งานดี ๆ ชีวิตดี ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

เพราะทุกอย่างล้วนมีสองด้าน การเปลี่ยนแปลงให้อะไรใหม่ ๆ ในชีวิตก็จริง แต่ต้องคิดถึงผลดีผลเสียให้รอบด้าน ไม่ควรผลีผลามตัดสินใจ การเปลี่ยนงานแต่ละครั้งย่อมมีทั้งสิ่งที่เราจะได้มาเพิ่มเติมและสิ่งที่ต้องไปเริ่มต้นใหม่ จึงต้องตัดสินใจให้ดี เพื่อที่เราจะได้ก้าวไปสู่จุดหมายของการทำงานที่ก้าวหน้า มั่นคง และต่อยอดให้ชีวิตมีความสุขได้อย่างแท้จริง jobsDB เชื่อว่าชีวิตจะดีขึ้น เมื่อมีงานที่ดี

#icanbebetter

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

คนทำงานมีความสุขมากขึ้นหลังจากเปลี่ยนงาน

คำถามสัมภาษณ์งาน ทำไมถึงเปลี่ยนงาน ถ้าไม่มีความสุขกับที่ทำงานเก่า ตอบอย่างไร