การบริหารพนักงาน Gen Y กับแนวคิด 3R (ตอนที่ 2)
หลังจากที่เราสามารถรับ พนักงาน Gen Y เข้ามา ทำงาน ในบริษัทได้แล้ว สิ่งต่อไปที่จะต้องพิจารณา และดำเนินการตามหลักการของ การบริหารทรัพยากรบุคคล ก็คือ การจะเก็บรักษาพนักงานที่เรารับเข้ามาให้ทำงานกับบริษัทไว้นาน ๆ สำหรับพนักงาน Gen Y ก็เช่นกัน ถ้าเราสามารถรับ Gen Y ที่มีความสามารถ มีศักยภาพในการทำงานสูงเข้ามาทำงานในองค์กรของเราได้แล้ว สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไปก็คือ ทำอย่างไรที่จะรักษาคนรุ่นนี้ ให้อยู่ สร้างผลงาน ให้กับองค์กรให้ได้อย่างเต็มที่
จากแนวทางของ Donald R. Hillman ที่เขียนไว้ในหลักการ 3R สำหรับการบริหาร Gen Y ใน R ที่สอง เพื่อที่จะทำให้ Gen Y รู้สึกถึง การทำงาน ที่มีคุณค่า และอยากอยู่ทำงานกับบริษัท ก็คือ
Relate: สร้างสัมพันธ์
จากงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องของ Gen Y มากมายที่ระบุไว้ว่า Gen Y เป็นรุ่นของพนักงานที่เกิดขึ้นในยุคของข้อมูลข่าวสารมากมาย ดังนั้น ลักษณะการทำงานของคนรุ่นนี้ ก็มักจะชอบที่จะทำงานแบบค้นหาข้อมูลใหม่ ๆ และต้องการทำงานร่วมกับผู้อื่น อีกทั้งยังชอบที่จะทำงานแบบหลากหลาย (Multitasking) มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการทำงานว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนหลายฝ่าย ดังนั้นสิ่งที่องค์กรควรจะจัดทำให้เป็นระบบเพื่อที่จะสร้างบรรยากาศในการทำ งาน สำหรับพนักงาน Gen Y ก็มีดังนี้
- สร้างระบบการสื่อสารภายในที่ดี คนรุ่นนี้ชอบที่จะสื่อสารกับคนอื่น มากกว่าที่จะนั่งทำงานเงียบ ๆ คนเดียว ดังนั้นสัมพันธภาพที่ดีระหว่างบริษัท กับ Gen Y จะเกิดขึ้นได้ก็จากการสื่อสารที่ดีเช่นกัน สิ่งที่ควรจะสื่อสารให้ทราบโดยทั่วกันโดยเฉพาะกับพนักงาน Gen Y ก็คือ เป้าหมายขององค์กร ว่าคืออะไรบ้าง และต้องทำให้เขาทราบด้วยว่า เขาเองมีส่วนที่จะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง ด้วยวิธีการอย่างไร จากนั้นก็ต้องคอยสื่อสารความคืบหน้าของงานให้เขาทราบเป็นระยะๆ เพื่อทำให้เขารู้สึกว่าองค์กร และหัวหน้าให้ความสำคัญกับเขาจริง ๆ
- ปรับสไตล์การทำงานของผู้บริหาร ผู้บริหารรุ่น Gen X และ Baby boom ที่ทำงานด้วยสไตล์การทำงานแบบเดิมๆ อาจจะใช้กับ Gen Y ไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราต้องการจะให้ Gen Y ทำงานให้เราได้อย่างเต็มความสามารถ สิ่งที่ผู้บริหารต้องปรับก็คือ วิธีการทำงานของตนเอง อย่างที่พอจะทราบกันดีว่า Gen Y ชอบที่จะติดต่อพูดคุยกับคนอื่น สิ่งที่ผู้บริหารจะต้องปรับก็คือ จะต้องทำตนเองให้เป็นทั้ง Coach พี่เลี้ยง ที่คอยให้คำแนะนำ คอย Feedback ผลงานที่ออกมา และคอยช่วยปรับปรุงแก้ไขงานเพื่อให้เขาสร้างผลงานได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญก็คือ จะต้องตอบสนองกับสิ่งที่เขาถามมาอย่างรวดเร็ว เช่น ถ้าพนักงานสอบถาม หรือคุยผ่านทาง Line หรือ ช่องทางอื่นๆ ที่เขาใช้อยู่ ผู้บริหารจะปล่อยไว้ก่อน ค่อยตอบทีหลังแบบนี้จะไม่เป็นที่ชอบใจของ Gen Y เพราะเขาจะคิดว่า ผู้บริหาร หรือ หัวหน้า ไม่ให้ความสนใจ และใส่ใจเขาเลย พลังในการทำงานก็จะค่อยๆ หายไปได้ และสุดท้ายก็จะไป หางาน ที่อื่นทำ
- สร้างบรรยากาศในการทำงานร่วมกันระหว่าง Generation สิ่งถัดไปที่จะต้องทำในองค์กรเพื่อให้ Gen Y ทำงานให้เราได้อย่างเต็มที่ก็คือ การสร้าง ทีม งานที่มีคนในแต่ละ Gen ในช่วงนี้องค์กรส่วนใหญ่จะมี 3 Generation ในการทำงานร่วมกัน ดังนั้นถ้าจะให้ Gen Y สร้างผลงานได้อย่างดี สิ่งที่จะต้องทำก็คือ การทำความเข้าใจวิธีคิด วิธีการทำงาน รวมทั้งความเชื่อต่างๆ ในระหว่างGenerationให้ชัดเจน เนื่องจาก Gen Y ต้องการทำงานเป็นทีม ดังนั้น คนใน Gen อื่นก็ต้องเข้าใจวิธีการทำงานร่วมกันด้วยเช่นกัน นอกจากให้ Gen อื่นๆ ศึกษา Gen Y แล้ว สิ่งที่จะต้องทำเพิ่มเติมก็คือ ต้องให้ Gen Y ศึกษาถึง Gen อื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อให้การทำงานเป็นทีมนั้น เป็นทีมงานจริงๆ ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำงานเข้าขากันได้อย่างต่อเนื่อง
-
สร้างระบบพี่เลี้ยงให้กับ Gen Yจากงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับ Gen Y ระบุว่า 75% ของ Gen Y นั้นทำงานได้ดีกับกลุ่ม Baby Boomer ดังนั้นการที่จะทำให้ Gen Y ทำงานได้อย่างมีความสุขในองค์กร ก็ให้มีการแต่งตั้งพี่เลี้ยง ซึ่งพี่เลี้ยงที่ดี ก็ควรจะเป็นกลุ่ม Baby Boomer เพราะทำงานร่วมกันได้ดี เพื่อสร้างและถ่ายทอดวัฒนธรรมในการทำงานขององค์กร รวมทั้งได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันด้วย สิ่งที่สำคัญก็คือ Gen Y ต้องการการได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ รวมทั้งต้องการความสัมพันธ์ที่ดี ในลักษณะของส่วนบุคคล ไม่ว่าจะกับหัวหน้า ผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งเจ้าของธุรกิจเองก็ตาม
เมื่อเราได้พนักงาน Gen Y ที่มีฝีมือเข้ามาทำงานแล้ว ก็อย่าลืมสร้างบรรยากาศในการทำงานให้ Gen Y นี้ได้ทำงานอย่างมีความสุข และตรงกับสไตล์การทำงานของคนรุ่นนี้ เมื่อเขามีความสุขในการทำงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ ผลงาน และความทุ่มเทให้กับงานอย่างที่เราอาจจะไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ที่มา : ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ