เหล่าคนทำงานเคยตั้งคำถามกับตัวเองกันมั้ยคะ ว่าที่เราทำงานกินเงินเดือนอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไรกันแน่ เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สานฝันในการซื้อข้าวของที่อยากได้ เพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เพื่อสะสมเก็บเป็นเงินก้อน หรือเพียงแค่ใช้เงินเดือนชนเดือนเท่านั้น
และเมื่อเงินเดือนออกคุณมีวิธีจัดการกับเงินเดือนของคุณอย่างไร แบ่งสันปันส่วนเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เอาไปซื้อของที่อยากได้ทันที หรือไม่ค่อยเหลือใช้ เพราะเงินเดือนออกเมื่อไหร่ก็ชำระหนี้สินจนแทบจะหมดกระเป๋า ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณเคยคิดอยากมีเงินเก็บหลักแสนหลักล้านบ้างมั้ยคะ แทนที่จะต้องใช้หนี้อย่างเดียวคุณเองก็มีเงินเก็บกับเขาได้ง่ายมาก ๆ ลองใช้วิธีที่ jobsDB แนะนำดูค่ะ
ทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายให้เป็นนิสัย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ ว่าแค่การทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายก็ช่วยให้เราประหยัดเงินไปได้มากโข เพราะการที่เราบันทึกทุก ๆ การใช้จ่ายนั้น จะช่วยให้เรารู้ที่มาที่ไปของเงินได้มากขึ้น เช่นบางคนหมดเงินไปกับของกินจุกจิกเยอะมาก หรือบางคนหมดเงินไปกับอาหารมื้อหรู ๆ มากเกินไป หรือบางคนซื้อเสื้อผ้ามากเกินความจำเป็น เป็นต้น ซึ่งการบันทึกรายรับรายจ่ายจะช่วยให้คุณรู้ว่าสามารถตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอันไหนได้บ้าง ทำให้ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปอย่างสบาย ๆ
แต่การทำบัญชีรายรับ – รายจ่ายอย่างเดียวไม่เพียงพอค่ะ แนะนำให้แบ่งเงินออกเป็นส่วน ๆ เพื่อจัดการเงินเดือนของคุณได้ง่ายมากขึ้น โดยจากเงินเดือนที่คุณได้รับมาอาจจะแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายประจำวัน 50%
- เงินออม 25%
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ 25%
ค่าใช้จ่ายประจำวัน/ ประจำเดือน (50%)
สำหรับค่าใช้จ่ายประจำวันนั้น จะเป็นค่าอาหาร ค่าเดินทางไปทำงาน รวมถึงค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ อย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ด้วย ซึ่งเงินตรงนี้หากกันไว้แล้วยังมีเงินเหลือคุณเอาเงินที่เหลือไปปาร์ตี้กับเพื่อน ช็อปปิ้ง ไปใช้ทำอะไรเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อนหย่อนใจ หรือจะเป็นเงินออมเพิ่มเติมจากส่วนที่กันไว้แล้วก็ยังได้ค่ะ
เงินออม (25%)
โดยจะแบ่งเงินออมออกเป็น 2 ส่วนดังนี้
- เงินออมสำหรับการลงทุน จะแบ่งส่วนนี้ไว้ที่ 10% ของเงินเดือนเพื่อนำไปลงทุน เพราะการประหยัดค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียวนั้นช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่และต้องใช้เวลา ดังนั้นการที่คุณตั้งเป้าจะมีเงินเก็บให้ถึงล้าน ควรมีการแบ่งเงินสำหรับการลงทุนด้วย ซึ่งการลงทุนให้เงินงอกเงยก็จะมีหลากหลาย เช่น กองทุน RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ retirement mutual fund) / LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ long-term equity fund) ซึ่งได้รับความสนใจจากเหล่ามนุษย์เงินเดือนเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนหนึ่งคือนอกจากจะได้ออมเงิน ได้ลงทุน โดยมีความเสี่ยงที่ต่ำแล้วยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย หรืออาจจะลงทุนผ่านหุ้น ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนหลายต่อหลายคนสนใจ ได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างหลากหลายมีตั้งแต่ได้ผลตอบแทนที่สูงมาก ปานกลาง ผลตอบแทนที่ต่ำ หรือขาดทุนเลยก็มี ซึ่งตรงนี้จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยค่ะ
- เงินออมระยะยาว แบ่งเงินเดือนไว้สำหรับส่วนนี้ 15% เพื่อเป็นเงินสำรองที่สามารถใช้ได้ทันที คนทำงานหลายคนที่ทำงานหนักเป็นระยะเวลานาน ก็ย่อมต้องการพักผ่อน เงินออมส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้คนทำงานหยิบมาใช้ เพื่อไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัด หรือต่างประเทศได้ หรือจะเป็นการซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ เช่น ซื้อรถ คอนโด หรือบ้าน ก็ถือเป็นการให้รางวัลกับตัวเองที่ดีค่ะ
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (25%)
อาจแบ่งเงินส่วนนี้ เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้
เงินตอบแทนพ่อแม่ หรือผู้มีพระคุณ แบ่งออกจากเงินเดือน 10% เพื่อเป็นเงินตอบแทนพ่อแม่ทุก ๆ เดือน อาจจะไม่มากนัก แต่เชื่อได้เลยค่ะ ว่าท่านต้องภูมิใจ และดีใจแน่นอนค่ะ
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนรู้ แนะนำให้คุณกัน 10% ของเงินเดือนเผื่อไว้สำหรับซื้อหนังสือเพิ่มเติมความรู้ ลงคอร์สที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน การเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น หรือการลงคอร์สฝึกอาชีพต่าง ๆ ที่คุณสนใจ เพื่อต่อยอดหรือเพื่อพัฒนาตัวเองให้สามารถเพิ่มเงินเดือนจากเดิมได้ค่ะ
- เงินสำหรับการบริจาค อาจจะแบ่งไว้ 5% ของเงินเดือน คนทำงานบางคนมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เงินในส่วนนี้จะเป็นเงินที่ช่วยเติมเต็มความสุขนั้นค่ะ
วิธีแบ่งส่วนเงินเดือนข้างต้นนี้เป็นวิธีแนะนำ ซึ่งคุณอาจแบ่งส่วนเงินเดือนตามความเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายของคุณ แล้วการเก็บเงินหมื่นให้ถึงล้านก็จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมนุษย์เงินเดือนค่ะ เพียงแค่อาศัยการบริหารจัดการเงินของตัวเองให้ดี ซึ่งคุณอาจจะ พร้อมทั้งอาศัยความมีระเบียบวินัยในการใช้จ่าย รู้จักหาช่องทางในการลงทุนเพิ่มเติมรับรองหากทำตามนี้แล้วเงินเก็บหลักล้านไม่ไปไหนแน่ ๆ ค่ะ
New jobs every day means new opportunities. Don't miss out. Create a Job Alert
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ