ในวันที่ 24 ก.พ. 64 นี้ จะเป็นวันที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนโควิดรอบแรกจำนวน 2 แสนโดสมาฉีด และจะมีวัคซีนเข้ามาอีกปลายเดือนมีนาคม อีก 8 แสนโดส และปลายเดือนเมษายน อีก 1 ล้านโดส รวมทั้งหมดเป็น 2 ล้านโดส และหลังจากนั้น ในเดือนพฤษภาคม เราจะได้รับวัคซีนล็อตใหญ่จำนวน 26 ล้านโดส
คนกลุ่มแรกที่จะได้รับการฉีดวัคซีนในประเทศไทย แน่นอนว่าหนีไม่พ้นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ คุณหมอ พยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 8 หมื่นคน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค 2 หมื่นคน ซึ่งคนเหล่านี้เป็นทัพหน้าในการสู้กับโรคระบาดโควิด-19 จากนั้นจึงจะเป็นคิวของบุคคลทั่วไปที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวม 9 แสนคน ซึ่งจะฉีดให้กับคนในพื้นที่ระบาดมากที่สุดก่อน คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด เพื่อลดการระบาดเป็นอันดับแรก
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่า แล้วอาชีพไหนอีก ที่ควรจะได้รับวัคซีนโควิด-19 ต่อจากกลุ่มแพทย์และพยาบาล จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ เรามากันดูว่ามีอาชีพไหนบ้าง ที่มีความเสี่ยงรองลงมา
รับจ้างทั่วไป/ฟรีแลนซ์
ธุรกิจส่วนตัว
พนักงานบริษัท
นักเรียน/นักศึกษา
พนักงานในสถานบันเทิง
ราชการ/พนักงานของรัฐ/รัฐวิสาหกิจ
นักข่าว
แรงงานในโรงงาน
พ่อบ้าน แม่บ้าน ดูแลบ้าน
เกษตรกร
แม่บ้าน รปภ.
พนักงานเก็บขยะ
เด็กเล็กในปกครอง
พนักงานโรงแรม
พนักงานขับรถโดยสาร/รถตู้/แท็กซี่
พนักงานร้านอาหาร
พนักงานนวด
พนักงานเครื่องบิน
กรรมกร
มัคคุเทศก์/ไกด์ทัวร์
ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน เพื่อจะได้รับการฉีดได้อย่างทันท่วงทีนะคะ แต่ก่อนจะฉีด เราลองมาทำความรู้จักกับวัคซีนโควิด ที่เหมือนจะเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวเพื่อหยุดการระบาดในครั้งนี้กันดีกว่า
ตอนนี้มีการพัฒนาวัคซีนโควิดหลายชนิด แต่ที่อนุญาตใช้ในมนุษย์ และผ่านการทดลองมี 3 กลุ่ม คือ
วัคซีนแบบ mRNA โดยวัคซีนชนิดนี้ ผู้รับวัคซีนจะต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 21 วัน หรือ 28 วัน จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูง จากการทดลองในอาสาสมัครพบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรคแบบแสดงอาการสูงถึง 95% เลยทีเดียว แต่ในบางรายอาจพบอาการข้างเคียงหลังฉีด ได้แก่ ไข้ ปวดเมื่อย จึงต้องติดตามผลข้างเคียงระยะยาว วัคซีนชนิดนี้สามารถผลิตได้ในจำนวนมากอย่างรวดเร็ว แต่มีข้อจำกัดที่ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิเย็นจัด
วัคซีนแบบไวรัส vector เป็นการผลิตวัคซีนโดยใช้วิธีการนำสารพันธุกรรม (DNA) ของไวรัสโควิด-19 ฝากเข้าไปใส่ในเวคเตอร์ไวรัสที่ไม่ก่อโรคในคน ผู้รับวัคซีนจะต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 2 เข็ม โดยฉีดห่างกันประมาณ 3-4 สัปดาห์ โดยประสิทธิภาพในการป้องกันโรคแบบแสดงอาการในอาสาสมัครได้ผลมากกว่า 90% สำหรับการเก็บรักษาสามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
Inactivated Vaccine หรือวัคซีนเชื้อตาย ซึ่งเป็นวิธีการผลิตวัคซีนที่ใช้มาอย่างยาวนาน ผู้รับวัคซีนจะต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 2-4 สัปดาห์ ด้วยความที่วัคซีนชนิดนี้เป็นเชื้อตายทำให้ไม่สามารถเพิ่มจำนวนในร่างกาย จึงสามารถให้ในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำได้ จากการทดลองในอาสาสมัครพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ 78%
ซึ่งวัคซีนที่คนไทยจะได้รับ เป็นวัคซีนโควิดที่ผลิดจากเชื้อตาย (Inactivated Vaccine) มีชื่อว่า “โคโรนาแวค” (CoronaVac) ทำงานโดยการเหนี่ยวนำระบบภูมิคุ้มกันร่างกายมนุษย์ให้สร้างแอนติบอดีต้านโควิด-19 โดยแอนติบอดีจะยึดติดกับโปรตีนบางส่วนของไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ร่างกาย ซึ่งไวรัสเชื้อตายเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมที่ถูกใช้มานาน
ถ้าคุณยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนก็อย่างเพิ่งเสียใจไป สิ่งสำคัญที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือการรักษาระยะห่าง รักษาความสะอาด ใส่หน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมืออยู่เสมอ JobsDB เชื่อว่าเราจะสามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน
ในระหว่างนี้ หากต้องการหางาน มองหาตำแหน่งใหม่ที่ใช่ ในบริษัทที่ชอบและมั่นคง ค้นหางานได้ที่แอปพลิเคชั่น JobsDB แอปหางานในยุค Social Distancing ที่จะทำให้คุณเจองานที่เหมาะกับคุณง่าย ๆ จากที่บ้านของคุณเอง
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า
ธุรกิจโรงแรมและการบริการ มีความหวัง หลังวัคซีนโควิด-19
3 แอปดีๆ ที่ควรโหลดไว้รับมือช่วง โควิด-19 ระบาด
