ในที่สุดก็มาถึงไตรมาสสุดท้ายของปีกันแล้ว ช่วงสิ้นปีแบบนี้รัฐบาลก็ได้ออกโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ที่เป็นมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 2563 สูงสุด 30,000 บาท มาให้กับเหล่านักช้อปมนุษย์เงินเดือนได้จับจ่ายเพื่อเพิ่มความสุข พร้อม ๆ กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปีไปในคราวเดียว มาเช็คสิทธิ์กันว่า ใครจะได้รับสิทธิ์นี้บ้าง และซื้ออะไรบ้างถึงจะได้ลดหย่อนภาษีกัน
เช็คสิทธิ์ก่อนช้อป
ผู้ที่จะสามารถใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ได้จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นบุคคลธรรมดาที่เสียภาษีเงินได้บุคคล ดังนั้น ถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคล เข้าร่วมไม่ได้นะจ๊ะ
- ต้องไม่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งออกมาก่อนหน้านี้แล้ว
- ต้องไม่ใช่ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน
หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าเผลอไปกดลงทะเบียนสิทธิ์์ “คนละครึ่ง” ที่ออกมาก็หน้านี้ล่ะ จะทำยังไงดี อยากเข้าร่วมโครงการ “ช้อปดีมีคืน” มากกว่า ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพียงแค่คุณ ไม่ใช่สิทธิ์์ “คนละครึ่ง” ภายใน 14 วัน สิทธิ์์คนละครึ่งของคุณก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ แล้วคุณค่อยกลับมาใช้สิทธิ์ “ช้อปดีมีคืน” ได้เลย
ซื้ออะไรได้บ้าง? สินค้าและบริการที่สามารถนำมาเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษีนี้ได้ คือ
- สินค้าและบริการที่อยู่ในระบบ VAT คือ ต้องมี VAT ในใบเสร็จ
- สินค้า OTOP ที่ได้ลงทะเบียนแล้ว ส่วนนี้สอบถามทางร้านค้า OTOP ที่คนจะซื้อได้เลย
- หนังสือที่เป็นเล่ม ๆ พิมพ์เป็นกระดาษ หรือหนังสือ ebook
- ทองรูปพรรณ โดยจะใช้สิทธิ์ได้แค่ ค่ากำเหน็ดเท่านั้น
สินค้าและบริการที่ไม่ร่วมในโครงการนี้ คือ
- สุรา เบียร์ และไวน์
- ยาสูบ
- น้ำมันและก๊าซสาหรับเติมยานพาหนะ
- ค่าบริการรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
- หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ทั้งแบบรูปเล่มและแบบอิเลคทรอนิคส์
- ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
- ค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม
- ทองคำแท่ง
โดยการใช้สิทธิ์ สามารถใช้ได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งยอดใช้สิทธิ์จะต้องเป็นยอดที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT แล้ว คุณสามารถซื้อสินค้าและบริการราคาไม่ถึง 30,000 บาท แต่รวมใบเสร็จในครบ 30,000 บาทก็ได้ หรือจะซื้อสินค้าครั้งเดียวราคา 30,000 บาทเลยก็ได้ หรือคุณจะซื้อสินค้าและบริการราคามากกว่า 30,000 บาทก็ได้ แต่จะสามารถใช้สิทธิ์ได้แค่ 30,000 บาทเท่านั้นที่จะเอามาคำนวณลดหย่อนภาษี
หลักฐานที่ใช้ในการลดหย่อนภาษี
ข้อนี้สำคัญมาก คุณจะต้องมีหลักฐานเพื่อแสดงตอนยื่นภาษีของปี 2563 ซึ่งก็คือ
- ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ (ทั้งแบบกระดาษและแบบ e-Tax Invoice) ที่ระบุข้อมูลผู้ขาย ร้านหรือชื่อบริษัทพร้อมเลขผู้เสียภาษี และมีข้อมูลผู้ซื้อที่ต้องการไปทำเรื่องลดหย่อน รวมถึงวันที่ รายการของที่ซื้อ และจำนวนเงินที่ใช้ไปด้วย
- ใบเสร็จรับเงิน (ทั้งแบบกระดาษ และแบบ e-Receipt) ในกรณีที่ซื้อ หนังสือหรือ ebook และสินค้า OTOP จากร้าที่ลงทะเบียนแล้ว โดยจะต้องมีข้อมูลผู้ขาย ชื่อร้านหรือชื่อบริษัทพร้อมเลขผู้เสียภาษี และมีข้อมูลผู้ซื้อที่ต้องการไปทำเรื่องลดหย่อน รวมถึงวันที่ รายการของที่ซื้อ และจำนวนเงินที่ใช้ไปด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือ พอซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว ต้องการขอใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีเพื่อทำเรื่องลดหย่อย เราก็สามารถยื่นบัตรประชาชนให้ทางร้านได้เลย หรือถ้ากังวลเรื่องความปลอดภัย อาจจะทำการ์ดเล็ก ๆ ที่ระบุข้อมูล ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ตามบัตรประชาชน แล้วยื่นการ์ดนี้ให้กับทางร้านไปทำเรื่องก็ได้ ที่สำคัญเมื่อได้ใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีกลับมาแล้ว อย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งด้วยนะคะ
เช็คสิทธิ์คืนภาษีจากเงินได้สุทธิต่อปี
รายได้สุทธิ (บาทต่อปี) | ฐานภาษีเงินได้ (%) | เงินภาษีคืนสูงสุด (บาท) |
0 – 150,000 | ยกเว้นภาษี | ไม่ได้สิทธิ์์คืนภาษี |
150,001-300,000 | 5 | 1,500 |
300,001-500,000 | 10 | 3,000 |
500,001-750,000 | 15 | 4,500 |
750,001-1,000,000 | 20 | 6,000 |
1,000,001-2,000,000 | 25 | 7,500 |
2,000,001-5,000,000 | 30 | 9,000 |
5,000,001 ขึ้นไป | 35 | 10,500 |
โครงการ “ช้อปดีมีคืน” กำหนดระยะเวลาให้ช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563 นี้เท่านั้น ถ้าซื้อสินค้าในช่วงเวลาเลยจากกำหนด จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้ โดยสามารถทำเรื่องยื่นลดหย่อนภาษีได้ตอนที่ยื่นภาษีประจำปี 2563 ในกรมสรรพากรในช่วงต้นปี 2564 ทั้งนี้ก็ลองคำนวณกันดูว่า รายได้ของเราจะได้รับการคืนภาษีเท่าไหร่ คุ้มกับการเข้าร่วมโครงการนี้มั้ย หรือจะไปใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง” จะคุ้มกับเรากว่า
สำหรับใครที่กำลังมองหาเงินได้จากงาน ทั้งงานประจำและงานไม่ประจำ เพื่อเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษีที่รัฐบาลมีออกมาเรื่อย ๆ แล้ว มาหางานกันได้เลยที่แอปพลิเคชั่น jobsDB แอปหางานง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android