5 ขั้นตอนได้งานที่ใช่
มีโอกาสการทำงานมากมายที่รอผู้สมัครงานอยู่ และก็มีผู้สมัครงานอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ตามหาโอกาส เพื่อให้ได้งานเหมือนกับคุณ เพราะฉะนั้นคุณต้องสร้างความแตกต่าง ให้คุณเป็นผู้สมัครงานที่โดดเด่นกว่าใครให้ได้ คำถามคือ แล้วคุณจะสร้างความแตกต่างนั้นอย่างไรดี? ...มาสร้างความแตกต่างให้ตัวเอง และวางแผนหางานอย่างรอบคอบ ตาม 5 ขั้นตอนที่ jobsDB แนะนำข้างล่างนี้กันค่ะ
1. หาสิ่งที่สนใจและทักษะที่คุณมีให้เจอ
ทั้งผู้สมัครงานที่ยังไม่มีประสบการณ์ และผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว ส่วนใหญ่จะเริ่มหางาน จากสิ่งที่เรียนจบมา หรือจากงานเก่าที่เคยทำมา jobsDB แนะนำให้หาคุณสมบัติเด่นในตัวคุณ รวมถึงความสนใจที่คุณมี เพื่อสร้างความแตกต่างในการหางานให้กับตัวเอง เพราะถ้าคุณมองแต่สิ่งที่คุณเรียนจบมา มันดูจะกว้างมากเกินไป เช่น ถ้าคุณเรียนจบไอทีมา ไม่ได้แปลว่าคุณต้องทำ งานดูแลระบบ งานที่ปรึกษาไอที หรืองานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเท่านั้น แต่มันยังมีงานที่แตกแขนงจากงานไอทีออกไปอีกมากมายเลย
มาหาสิ่งที่สนใจหรือทักษะที่คุณมีกันก่อนค่ะ เพื่อจำกัดให้ตำแหน่งงานที่กำลังหาอยู่แคบลง และเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โอกาสเจองานที่ใช่ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ลองใช้ตัวอย่างคำถามเหล่านี้ ถามตัวเองดูค่ะ “มีอะไรบ้างที่คุณทำได้ดี?”, “สิ่งที่คุณชอบทำมากที่สุด? ทำแล้วมีความสุข เพลินจนลืมเวลา” หรือ “คุณให้ความสำคัญกับการทำอะไรมากที่สุด?” ให้แตกมันออกมาเป็นข้อ ๆ แล้วคุณก็จะเห็นสิ่งที่คุณสนใจ และทักษะที่คุณมีอยู่ได้ชัดเจนขึ้น คุณจะสามารถเจาะจงงานได้มากขึ้น มีทิศทางในการหางานได้มากขึ้นด้วย
2. เขียนเรซูเม่ให้โดดเด่น ดึงดูดผู้ประกอบการ
อย่าคิดว่าเรซูเม่ไม่สำคัญนะคะ บางคนเขียนเรซูเม่ขึ้นมาแค่ฉบับเดียว แต่เอาไปสมัครงานกับทุก ๆ บริษัท แบบนี้ไม่แนะนำค่ะ เพราะเรซูเม่เป็นสิ่งแรกที่ผู้ประกอบการได้เห็น ก่อนที่เค้าจะเจอกับตัวคุณซะอีก ให้คิดว่าเรซูเม่เป็นเหมือนใบโบชัวร์ พื้นที่โฆษณาความน่าสนใจในตัวคุณ จึงควร เขียนเรซูเม่ให้โดดเด่น และดึงดูดผู้ประกอบการให้มากที่สุด ถ้าคุณเป็นผู้สมัครงานที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ให้เขียนเรซูเม่เน้นไปที่ว่า คุณจะนำทักษะและคุณสมบัติที่มี, กิจกรรมในมหาวิทยาลัยที่เคยร่วม, ประสบการณ์ฝึกงาน หรือประสบการณ์ทำงานนอกเวลาต่าง ๆ มาปรับใช้กับตำแหน่งงานที่คุณจะสมัครได้อย่างไร จะทำให้เรซูเม่ของคุณดูน่าสนใจขึ้นมาค่ะ
นอกจากตัวเนื้อหาในเรซูเม่ที่ต้องมีความน่าสนใจแล้ว อีกสิ่งในตอนนี้ ที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณดูน่าสนใจ น่าเปิดอ่าน ก็คือ เรซูเม่ที่มีความครีเอทีฟ มีการใส่ลูกเล่นด้วยภาพ ด้วยสี จัดองค์ประกอบให้เหมาะสมน่าอ่าน เป็นเรซูเม่ที่ไม่ใช่มีแค่ตัวหนังสือสีขาวดำเรียบ ๆ แบบแต่ก่อน เมื่อคุณเขียนเรซูเม่เรียบร้อยแล้ว ตรวจทานให้แน่ใจว่าเรียบร้อยดี ข้อมูลสอดคล้องเชื่อมโยงกันดี ไม่มีการพิมพ์ตก สะกดผิด หากคุณไม่มั่นใจว่าเรซูเม่ของคุณดีพอหรือยัง อาจจะเอาไปให้รุ่นพี่ เพื่อน หรือใครก็ได้ที่สามารถออกความเห็นได้ เพื่อขอคำแนะนำ หรือติชม ให้เรซูเม่ของคุณออกมาดีที่สุด
3. วางกลยุทธ์หางานที่ใช่ให้สำเร็จ
ถ้าคุณเจอสิ่งที่สนใจ และทักษะที่มีแล้ว และคุณเขียนเรซูเม่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาตะลุยหางานกันแล้วค่ะ กลยุทธ์ในการหางานที่ควรวางคือ หาช่องทางในการหางาน และสมัครงาน เมื่อสมัครงานไปแล้ว อย่าลืมติดตามความคืบหน้าด้วยค่ะ ส่วนช่องทางที่ดีที่สุดในการหางาน jobsDB แนะนำให้หางานผ่านเว็บไซต์ชั้นนำค่ะ คุณแค่ สร้างโปรไฟล์ กับเว็บไซต์หางาน ก็เป็นการเปิดโอกาสให้งานตามหาคุณ แทนที่คุณจะเป็นฝ่ายตามหางานเพียงฝ่ายเดียวแล้ว เพราะเมื่อผู้ประกอบการต้องการหาคนทำงาน ก็จะมาค้นหาโปรไฟล์ผู้สมัครงานในระบบของเว็บไซต์ โดยคุณต้องแน่ใจว่าคุณกรอกข้อมูลในโปรไฟล์ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะระบบจะคัดกรอง และเลือกแสดงโปรไฟล์ของผู้สมัครงานที่ตรงกับความต้องการให้กับผู้ประกอบการได้เลือก ถ้าข้อมูลที่คุณกรอกไว้ในโปรไฟล์ ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ โอกาสการได้งานที่ใช่ ก็ใกล้แค่เอื้อม
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะปล่อยให้โปรไฟล์ของคุณทำงานหาโอกาสงานมาให้คุณแล้ว คุณควรตามหาโอกาสด้วยตัวเองอีกทางหนึ่งด้วย โดยคุณสามารถค้นหาตำแหน่งงานที่สนใจ จากประกาศงานของเว็บไซต์ แล้วใช้โปรไฟล์ฉบับเดียวกันนี้เพื่อสมัครงานได้ และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงต้องหาสิ่งที่คุณสนใจ และทักษะที่คุณมีให้เจอ ก็เพื่อที่คุณจะสมัครงานได้ตรงกับความต้องการ และให้ได้งานที่ใช่กับคุณมากที่สุด
4. หาข้อมูลบริษัทที่คุณสมัครงาน
ถ้าบริษัทที่คุณสมัครงานไว้ ติดต่อกลับมาเชิญให้คุณไปสัมภาษณ์งาน ไม่ว่าจะสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ หรือแบบเห็นหน้ากัน ตัวต่อตัวก็ตาม คุณควรหาข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่คุณสมัคร และข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่คุณจะร่วมงานด้วยในอนาคต แต่อย่าแค่เสิร์ชหาแบบเร็ว ๆ จากเว็บไซต์เสิร์ชเอนจินเท่านั้น ควรหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด และพยายามเจาะลึกลงไปในรายละเอียด คุณอาจจะเข้าไปหาข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัทก็ได้ อ่านพวกบทความความเคลื่อนไหว หรือข่าวล่าสุดของบริษัท รวมถึงไปดูโปรไฟล์ของพนักงานแต่ละคนในบริษัท เพราะข้อมูลเหล่านี้จะทำให้คุณมีแต้มต่อ ได้คะแนนจากผู้สัมภาษณ์งาน แต่ต้องตอบอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นแทนที่คุณจะได้แต้มต่อ อาจจะทำให้ถูกหักคะแนนได้ เช่นถ้าคุณตอบแบบนี้ไป “ฉันได้อ่านข้อมูลพวกนี้มาจาก...และคิดว่าคุณควรทำแบบนั้น แบบนี้” สิ่งที่คุณควรทำคือ คุณควรนำข้อมูลที่ได้มาคิด วิเคราะห์ เพื่อที่คุณจะพูดเกี่ยวกับบริษัทได้อย่างลื่นไหล และเป็นธรรมชาติ ในขณะสัมภาษณ์งานให้คุณหาจังหวะนำข้อมูลที่หามาได้นี้ สร้างจุดเด่นให้กับตัวคุณ เช่น ถ้าบริษัทนี้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่อยู่พอดี แล้วคุณสมัครงานในตำแหน่งพนักงานขาย หรืองานการตลาด คุณอาจจะพูดถึงแนวคิดบางอย่าง หรือวิธีการที่จะทำให้สินค้าตัวนี้ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ หรือคุณสามารถนำข้อมูลบริษัทที่คุณมีมาพลิกแพลง เพื่อตอบคำถามสัมภาษณ์งานได้ตามความเหมาะสมเลย
5. เตรียมตัวซักซ้อมก่อนสัมภาษณ์งานจริง
ขั้นตอนนี้คุณควรเตรียมร่างคำตอบสัมภาษณ์งานไว้ก่อน แล้วซ้อมพูดคำตอบที่คุณเตรียมไว้ เพื่อให้การตอบคำถามสัมภาษณ์งานดูเป็นธรรมชาติ และราบรื่นที่สุด ก่อนอื่นให้คุณหาตัวอย่างคำถามสัมภาษณ์งาน แล้วลิสต์ไว้ เพื่อมาเตรียมคำตอบ ตัวอย่างคำถามสัมภาษณ์งานที่เจอบ่อย ๆ ก็เช่น “ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวคุณให้รู้จักหน่อย” หรือ “ทำไมเราถึงต้องเลือกคุณเข้าทำงาน แทนที่จะเลือกคนอื่น” เมื่อคุณร่างคำตอบไว้เรียบร้อยแล้ว ให้เอาคำตอบนั้นมาซ้อมพูด ซ้อมตอบให้คล่องปาก เมื่อเจอกับสถานการณ์จริงจะได้ไม่ตื่นเต้น หากคุณต้องสัมภาษณ์งานทางโทรศัพท์ คุณควรซ้อมเรื่องวิธีการพูด โทนเสียง และน้ำเสียงที่ใช้ ให้ฟังดูมีความมั่นใจ และหากคุณต้องสัมภาษณ์งานแบบเห็นหน้ากัน ตัวต่อตัว คุณควรซ้อมทั้งเรื่องของการพูด และเรื่องของท่าทางที่แสดงออกมาตอนพูดตอบคำถามสัมภาษณ์งาน ให้ดูมีความมั่นใจ และเป็นมืออาชีพด้วย จะทำให้คุณได้คะแนนตรงนี้เพิ่ม โอกาสที่จะได้งานก็เพิ่มขึ้นด้วย
หากคุณทำตามขั้นตอนข้างต้นทั้งหมดแล้ว แต่คุณก็ยังพลาดงานที่คุณต้องการนี้ไป มันคือความท้าทายอย่าหนึ่งในการหางาน และสมัครงานค่ะ ขอให้คุณพยายามต่อไป สักวันจะต้องเป็นวันของคุณแน่นอนค่ะ jobsDB เอาใจช่วย และขอฝากไว้ว่าการจะได้งานที่ใช่ ต้องสร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองด้วยนะคะ
#icanbebetter
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ไม่มีประสบการณ์การทำงาน เขียนเรซูเม่อย่างไร
คุณมีโอกาสได้งานที่ใช่ ภายใน 1 เดือน เพียงอัปเดตโปรไฟล์กับ jobsDB
