รู้ลึก รู้กว้าง สายงาน Generalist หรือสายงาน Specialist เหมาะกับคุณ?

ในชีวิตของการทำงาน เมื่อทำงานในระดับหนึ่ง เราจะต้องเลือกทางเดินว่าจะเติบโตแบบไหน แบบแนวกว้างที่สามารถทำงานได้หลากหลาย แต่ไม่เก่งสุดสักทางหรือที่คนทั่วไปนิยมเรียนกว่า Generalist  หรืออีกแบบคือการเติบโตแบบแนวนอน คือมีความเชี่ยวชาญในงานนั้น ๆ แบบที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ ที่นิยมเรียกว่า Specialist

โดยจากการสำรวจพบว่าในองค์กรต่างๆ ประกอบไปด้วยคนในสายงาน Generalist กับ Specialist คือต้องมีทั้งผู้รู้ลึกและผู้รู้กว้างในองค์กร เนื่องจากคนทำงานทั้ง 2 ประเภทนี้ต่างก็มีจุดแข็งที่ดีต่างกัน เหมาะกับงานคนและประเภท แต่ก็มีความสำคัญทั้งสองสายงาน

การเลือกเส้นทางมีความสำคัญต่อคุณมาก เพราะหากเรายังลังเล เราจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างเวลา ยิ่งการตัดสินใจช้าเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เราเติบโตได้ช้าเท่านั้น แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเลือกที่สายไหนดี วันนี้เรามีคำแนะนำมามอบให้กับทุก ๆ ท่านได้นำไปใช้

Generalist หรือสายงาน Specialist

สายงาน Generalist ดียังไง

ยืดหยุ่นสูง คล่องตัวกว่า

จุดเด่นที่สำคัญของสายงาน Generalist คือความยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่สูง ทำให้สายงานประเภทนี้เป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทประเภท Startup ที่มีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ รวมไปถึงแผนงานบ่อย ๆ ทำให้พนักงานที่เป็นสาย Generalist  สามารถที่จะปรับเปลี่ยนการทำงานได้ทันที

สามารถเรียนรู้งานได้เร็วและฝึกฝนให้เป็น Specialist ได้

อีกหนึ่งจุดเด่นของสายนี้คือ ความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าสาย Generalist มักจะชินที่ต้องทำงานข้ามฟังก์ชันบ่อย ๆ ทำให้ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เสมอ นอกจากนี้หากว่าชอบในรูปแบบงานที่ทำก็สามารถที่จะต่อยอดเป็น Spacialist ได้

ตำแหน่งงานเปิดกว้างมากว่า Specialist 

แม้ว่าในบางสายงาน Generalist อาจจะสามารถแข่งขันกับ Specialist ได้ แต่ในสายงานส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่งานเฉพาะสายงาน Generalist  สามารถหางานได้ง่ายกว่า เนื่องจากหลาย ๆ ต้องการคนที่มีความสามารถรอบด้าน เพื่อพัฒนาภาพรวมขององค์กร 

ในส่วนของค่าตอบแทนอาจจะไม่ได้สูงเหมือน Specialist แต่หากมีประสบการณ์และความสามารถมากพอ ค่าตอบแทนอาจจะไม่ต่างกันมากนัก

ทำงานเป็นทีมได้ดี

สายงาน Generalist ส่วนใหญ่มักจะต้องทำงานเป็นทีม เนื่องจากต้องใช้ความสามารถของ Specialist ในการทำงานเฉพาะทาง รวมไปถึงต้องประสานงานกับแผนกอื่นเพื่อให้งานของตัวเองได้ ดังนั้นสายนี้มักจะทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี

โตช้าแต่มีโอกาสโตได้สูงกว่า

หากเราลองดูตำแหน่งระดับ Management ขึ้นไป ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่ทำงานสาย Generalist มากกว่า Specialist เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีความรู้ที่กว้าง มีความเข้าใจในธุรกิจต่าง ๆ แบบครบวงจร ทำให้สามารถที่จะเติบโตได้สูงกว่า Specialist ในระยะยาว ซึ่งก็อยู่ที่ประสบการณ์และผลงานที่เคยทำมาก่อน

มีโอกาสเติบโตได้หลากหลายเส้นทาง

ในขณะที่สายงานแบบ Specialist มีความเสี่ยงที่จะโดนเทคโนโลยีแย่งงาน สายงานแบบ Generalist สามารถที่ปรับเปลี่ยนสายงานได้ทันที 

ข้อเสียของ สายงาน Generalist 

ข้อเสียของสายงานนี้คือ ด้วยการที่เราทำได้ทุกอย่างแต่ไม่ลึกเท่ากับสาย Specialist ทำให้ในบางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแข่งขันกับสาย Specialist ทำให้เราจะต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลาเช่นกัน มิฉะนั้นก็จะถูกแย่งงาน

สรุปท้ายบทความ 

แม้การเลือกสายงานทั้ง Generalist และ Specialist จะเป็นที่ถกเถียงกันของสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแผนกทรัพยากรของบริษัทอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเราจะเลือกสายไหน ต่างก็มีทางเดินเป็นของตัวเอง ดังนั้นเลือกสายที่เรามีความสุขและถนัดย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดทั้งในเรื่องของการทำงาน เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะทำให้เราเติบโต คือการพัฒนาของตัวเราเองมากกว่าจะเป็นเรื่องของสายงาน

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android

เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b8%97%e0%b8%b5/

https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99/